WHA Group: โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 2568 โตแรงต่อเนื่อง พร้อมลุยขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

P/E 9.75 YIELD 5.92 ราคา 3.22 (0.00%)

WHA Group: โชว์ผลงานไตรมาส 1 ปี 2568 โตแรงต่อเนื่อง พร้อมลุยขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

ผลประกอบการไตรมาส 1/2568 ของ WHA Group เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร (Normalize Revenue and Share Profit) สูงถึง 5,181 ล้านบาท เติบโต 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) กำไรสุทธิ (Normalize Net Profit) อยู่ที่ 2,065 ล้านบาท เติบโตถึง 61% Year-on-Year อัตรากำไรขั้นต้น (EBITDA Margin) อยู่ที่ 56% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มากกว่า 40%

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Net IBD per Equity) ยังคงแข็งแกร่งที่ 1.01 เท่า

2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในหลายธุรกิจหลัก ได้แก่

  1. **Logistics:** ขยายพื้นที่คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า (Asset Under Management) ปัจจุบันมีพื้นที่รวม 3,092,621 ตารางเมตร และมีโครงการที่ได้รับอนุมัติ (Awarded Project) อีก 38,400 ตารางเมตร มูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท
  2. **Mobility:** ขยายจำนวนรถให้เช่าสะสมเป็น 360 คัน และมีสถานีชาร์จ (Charging Station) 38 แห่ง
  3. **นิคมอุตสาหกรรม (Industrial Estate):** ยอดขายที่ดินในไตรมาส 1 อยู่ที่ 876 ไร่ และยอดโอนอยู่ที่ 843 ไร่
  4. **Utilities & Power:** ปริมาณการจัดการน้ำรวม 40 ล้านลูกบาศก์เมตร และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Secure PPA) 980 เมกะวัตต์
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และผลกระทบจากมาตรการทางภาษี (Tariff) ที่อาจส่งผลต่อการลงทุนในเวียดนาม อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจที่หลากหลาย และปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และรักษามาตรฐานการบริการที่เป็นเลิศ

5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะสร้างสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) อีกครั้งในปี 2568 โดยคาดการณ์ว่ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรจะเติบโต 35% หรือแตะระดับ 20,000 ล้านบาท EBITDA Margin ยังคงตั้งเป้าไว้ที่มากกว่า 45% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Net IBD per Equity) น้อยกว่า 1.2 เท่า บริษัทมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับธุรกิจ Green Logistics และการใช้เทคโนโลยี Digital Service เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 56.37]**
  • **ประเด็นเรื่องความกังวลในอีก 1-3 ปีข้างหน้า**
    • **คำถาม:** บริษัทมีความกังวลในเรื่องใดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า และให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากที่สุดในการดำเนินธุรกิจ
    • **คำตอบ:** บริษัทไม่ได้กังวลกับผลประกอบการในปีนี้ เพราะมีตัวเลขที่แน่นอนแล้ว สิ่งที่กังวลคือเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากมาตรการทางภาษี (Tariff) หากสูงมากอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) และกระทบต่อธุรกิจ แต่หากไม่สูงมากก็ไม่น่ากังวล นอกจากนี้ยังต้องติดตามแนวโน้มในไตรมาส 2 ด้วย
  • **ประเด็นเรื่องแนวโน้มไตรมาส 2 และความคืบหน้าการเจรจาลูกค้ารายใหญ่**
    • **คำถาม:** แนวโน้มในไตรมาส 2 เป็นอย่างไร และมีความคืบหน้าในการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย (400-500 ไร่) อย่างไรบ้าง คาดว่าจะปิดดีลได้เมื่อใด
    • **คำตอบ:** คาดว่าจะปิดดีลลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งได้ในไตรมาส 2 และอีกรายในไตรมาส 3 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทำสัญญาซื้อขาย นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ารายใหม่ที่ต้องการพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา
  • **ประเด็นเรื่องจำนวนลูกค้านิคมอุตสาหกรรมและแผนการทบทวนเป้าหมายปี 2568**
    • **คำถาม:** บริษัทมีลูกค้านิคมอุตสาหกรรมกี่ราย และมีแผนที่จะทบทวนเป้าหมายในปีนี้หรือไม่
    • **คำตอบ:** มีลูกค้านิคมอุตสาหกรรมมากกว่า 50 ราย พื้นที่รวมกว่า 5-6 พันไร่ เฉพาะกลุ่ม Data Center มีประมาณ 20 ราย ส่วนแผนการทบทวนเป้าหมายจะพิจารณาอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง โดยรอผลกระทบจากเรื่องภาษี (Tariff) ให้ชัดเจนก่อน
  • **ประเด็นเรื่องผลกระทบจากการควบคุมราคา Utility ในเวียดนาม**
    • **คำถาม:** บริษัทประเมินผลกระทบจากการที่รัฐบาลเวียดนามควบคุมราคาขาย Utility อย่างไร
    • **คำตอบ:** บริษัทไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวโดยตรง เพราะไม่ได้มีโครงการ Bidดิ้ง หรือ Project ที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องนี้อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติในเวียดนาม ซึ่งแต่ละบริษัทต้องพิจารณาความเสี่ยง (Country Risk) และมีแผนรองรับ บริษัทมีแผนเผื่อความเสี่ยงไว้แล้ว 2%
  • **ประเด็นเรื่องการแข่งขันในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และแผนการรับมือ**
    • **คำถาม:** บริษัทมีมุมมองอย่างไรกับการที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายเข้ามาทำธุรกิจ Warehouse และนิคมอุตสาหกรรม และมีแผนการรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นอย่างไร
    • **คำตอบ:** บริษัทมองว่าการมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาเป็นเรื่องปกติ แต่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมมี Barrier to Entry ค่อนข้างสูง บริษัทมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากว่า 36-37 ปี มี Ecosystem ที่ชัดเจน บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนา Ecosystem และรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า
  • **ประเด็นเรื่อง ID และการยกเลิกการจองพื้นที่**
    • **คำถาม:** มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวเลขการยกเลิกการจองพื้นที่ หลังจากมีเรื่อง Tariff หรือไม่
    • **คำตอบ:** 0% ไม่มีการยกเลิก
  • **ประเด็นธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ID จะเติบโตดีไหม**
    • **คำถาม:** ธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่ ID ในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ยังคิดว่าจะเติบโตดีไหม
    • **คำตอบ:** อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย ครึ่งปีแรกตัวเลขค่อนข้างจะสูง ครึ่งปีหลังน่าจะแย่ลง แต่หลาย Sector ก็ดีอยู่ คือ Logistics, Industrial และเรื่องก่อสร้าง
  • **ประเด็นเรื่องการตั้งค่าเสื่อมรถ EV**
    • **คำถาม:** ตั้งค่าเสื่อมราคาอย่างไร
    • **คำตอบ:** ตอนซื้อรถมาดู Value แล้วทำสัญญา 5 ปี มี Value อยู่ที่ 15% ตอนทำเรื่อง IR เอามาคิดแล้วว่า อีก 5 ปี ต้องเปลี่ยนแบต ก็ลงทุนเรื่องแบตเตอรี่เข้าไป
  • **คำถามเรื่องขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ REIT เพิ่มเติม**
    • **คำถาม:** ขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ช่วงไหนอีก
    • **คำตอบ:** ไตรมาส 4
  • **คำถามถึง ROIC**
    • **คำถาม:** ROIC อยู่ที่เท่าไหร่
    • **คำตอบ:** 8%

**หัวข้อที่ถามและคำตอบ:**
  • ความกังวลในอีก 1-3 ปีข้างหน้า: เศรษฐกิจโลกและ Tariff
  • แนวโน้มไตรมาส 2: รอติดตามสถานการณ์ Tariff
  • ความคืบหน้าลูกค้ารายใหญ่: ปิดดีลได้ใน Q2 และ Q3
  • เป้าหมายปี 2568: ทบทวนครึ่งปีหลัง
  • Utility ในเวียดนาม: ไม่มีผลกระทบโดยตรง แต่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยง
  • การแข่งขัน: มั่นใจในความเชี่ยวชาญและ Ecosystem ของบริษัท
  • ID: ไม่มีการยกเลิกการจอง
  • แนวโน้มธุรกิจอื่นๆ: Logistics, Industrial, ก่อสร้างยังดี
  • เรื่องตั้งค่าเสื่อมรถ EV: แบตเตอรี่ 5 ปี
  • ขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์ REIT เพิ่มเติม: ไตรมาส 4
  • ROIC: 8%

โดยสรุป WHA Group ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดยมีธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก และมีแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบ

โพสต์ล่าสุด