https://aio.panphol.com/assets/images/community/6684_cad89b.png

สรุป Oppday หุ้น TPIPP ไตรมาส 1 ปี 2568 : มุ่งสู่พลังงานสะอาดและเติบโตอย่างยั่งยืน

P/E 5.32 YIELD 8.89 ราคา 1.80 (0.00%)

สรุป Oppday หุ้น TPIPP ไตรมาส 1 ปี 2568 : มุ่งสู่พลังงานสะอาดและเติบโตอย่างยั่งยืน

สวัสดีท่านนักลงทุนทุกท่าน เรา บมจ. TPI โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) ขอสรุปผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมีคุณภากรพล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณวรวิทย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน เป็นผู้ให้ข้อมูล

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

บริษัทฯ ยืนยันที่จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด (Technology) ผลิตสินค้าที่ดีที่สุดเสมอ (Product) และสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดเวลา (Innovation) ทุกอย่างเกี่ยวโยงกัน โดยเริ่มต้นที่ Innovation

TPIPP พยายามที่จะเป็นผู้นำในด้านธุรกิจ Waste to Energy ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุด มุ่งสู่การเป็นบริษัทสีเขียว (Green Company) เติบโตไปพร้อมกับ CSR และ BCG Economy

โครงสร้างการถือหุ้น: บริษัทแม่ TPI โพลีน มีธุรกิจหลากหลาย (ซีเมนต์, คอนกรีต, LDPE, EVA, ปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ, น้ำดื่ม, Healthcare Products) ถือหุ้น 70% และตลาดถือหุ้น 30%

การเติบโตของบริษัท:

  1. ปี 2565: 440 เมกะวัตต์
  2. ปลายปี 2567: 484 เมกะวัตต์ (พลังงานขยะ 250 MW, ถ่านหิน 150 MW, พลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, โซลาร์ 42 MW)
  3. ปลายปี 2569: 541 เมกะวัตต์ (พลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, พลังงานขยะ 420 MW, โซลาร์ 81 MW)

เลิกใช้ถ่านหินตั้งแต่ปลายปี 2569 เป็นต้นไป

Financial Highlights:

  • Revenue สูงกว่าไตรมาสแรกปี 2567 ประมาณ 6.4% (2,550 ล้านบาท เป็น 2,720 ล้านบาท)
  • รายได้จากการขายไฟอย่างเดียวสูงกว่า Q1 ปีที่แล้วประมาณ 7%
  • Gross Profit สูงขึ้น (Q1 ปี 2567: 900 ล้านบาท, Q1 ปี 2568: 1,133 ล้านบาท)
  • Gross Profit Margin โตขึ้นจาก 35.3% เป็น 41.6%
  • EBITDA ไตรมาส 1 ปีที่แล้ว: 1,100 ล้านบาท, ไตรมาส 1 ปีนี้: 1,300 ล้านบาท
  • Net Profit ปีที่แล้ว: 700 ล้านบาท, Q1 ปีนี้: 966 ล้านบาท

Year-on-Year (Q1 ปีนี้ เทียบกับ Q1 ปีที่แล้ว): Revenue โตขึ้น 5.8%, EBITDA โตขึ้น 27.4%, Net Profit โตขึ้น 38.2%

Q on Q (Q4 ปีที่แล้ว เทียบกับ Q1 ปีนี้): Revenue ตกลงเล็กน้อย 2.8%, EBITDA โตขึ้น 4.4%, Net Profit โตขึ้น 6%

การผลิตใน Q1 ปีนี้: 578 ล้านหน่วย

Net IBD (หักลบ Cash แล้ว) สิ้น Q1 ปีนี้: 22,000 ล้านบาท

  • Net IBD to EBITDA: 4.22 เท่า
  • IBD to Equity: 0.63 เท่า
  • Interest Coverage Ratio: 4.88 เท่า

Adder หมดอายุไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา

FT ล่าสุดมีการปรับลดลง แต่ FT โดยรวมก็ยังบวกอยู่ 0.27 บาท

รายงานการขาย:

  • ขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต: 67%
  • ขายให้กับบริษัทในเครือ: 25%
  • ขายให้ PTT: 6%
  • รายได้อื่นๆ: 2%

การเติบโตในธุรกิจโรงไฟฟ้า:

  • ต้นปี 2568: พลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, ถ่านหิน 150 MW, พลังงานขยะ 250 MW, โซลาร์ 57.2 MW
  • ต้นปี 2569: พลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, โซลาร์ 81.4 MW, พลังงานขยะ 410 MW (เลิกใช้ถ่านหินตั้งแต่ต้นปี 2569)
  • ต้นปี 2570: พลังงานความร้อนทิ้ง 40 MW, โซลาร์ 81.4 MW, พลังงานขยะ 420 MW

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

มีการลงทุนต่อเนื่องทั้งโครงการใหม่ (โซลาร์, โรงไฟฟ้าขยะ 2 โครงการ) และปรับปรุงประสิทธิภาพ (ใช้เงินลงทุน 15,000 ล้านบาท ใน 3 ปี)

  • เพิ่มประสิทธิภาพและลดการเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากการใช้ถ่านหินเป็น RDF
  • โครงการโซลาร์, RDF, โรงไฟฟ้าที่มุกดาหารและสงขลา

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ไม่มีข้อมูลส่วนนี้ในสรุป

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

Core Replacement: ลด/ยกเลิกการใช้ถ่านหิน เปลี่ยนมาใช้ RDF

  • เป้าหมาย: เป็น Green Power Plant
  • ยกเลิกใช้ถ่านหินใน Boiler V6 (ปีที่แล้ว) และ Boiler V8 (เฟสแรก)
  • ลดต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าประมาณ 30%

Solar Power Plant: ติดตั้ง Solar Farm และ Solar Roof (Solar Roof 5 MW ที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ, Solar Farm ที่สระบุรี 79 MW (COD ไปแล้วเฟส 1 50 MW))

เปรียบเทียบการขายไฟ: ขายไฟให้ TPI โพลีน (ช่วง Peak 4 บาทกว่า, Off Peak 3.90 บาท) vs. ขายไฟให้การไฟฟ้า (2 บาทนิดๆ)

EV Charger Station: ขยาย Charger ในโรงงานปูนซีเมนต์ (รับซื้อไฟจาก TPIPP เพื่อขายให้เครื่องจักร/รถ EV) ติดตั้ง Charger ไปแล้วประมาณ 15,000 kW

Plant Efficiency Improvement: ลดค่าใช้จ่าย/ต้นทุนการผลิต (โรงไฟฟ้าและโรงงาน RDF)

Boiler V16: ใช้ของที่เหลือจากการคัดแยก RDF มาผลิตไอน้ำ (ลดต้นทุนผลิตไอน้ำ 65 บาท/ตัน)

Boiler V8: ยกเลิกการใช้ถ่านหิน (8C ใช้งานแล้ว, 8B จะเริ่มจุดไฟทดสอบระบบสัปดาห์หน้า)

ปรับปรุงคุณภาพและลดค่าใช้จ่าย RDF (ลดต้นทุนเชื้อเพลิงประมาณ 1-200 บาท)

ปริมาณความต้องการขยะเพิ่มขึ้น (ปี 2567: 3 ล้านตัน, ปี 2568: 4 ล้านตัน) ทำให้ได้ค่ากำจัดจากขยะชุมชนเพิ่มขึ้น

ลดต้นทุนเชื้อเพลิงประมาณ 200 บาท

  • Improve Efficiency Boiler: ลดการใช้เชื้อเพลิง, ลดต้นทุนการผลิต, เพิ่มประสิทธิภาพ/กำลังการผลิต
  • Power Generation Performance: ลด Steam Consumption ต่อหน่วยผลิตไฟฟ้า (ใช้ AI Control และ Improve ต่างๆ)

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

เพิ่ม Utilization ในการขายไฟให้กับการไฟฟ้า (เต็ม Capacity แล้ว) และโรงงานปูนซีเมนต์ (เดินเครื่องเกือบเต็มที่ใน Q2 ปีนี้ ทำให้ขายไฟเพิ่มจาก 350,000 หน่วย เป็น 420,000-440,000 หน่วย)

Solar COD ไปแล้ว 2 ส่วน (Solar Farm 5 MW และ 52 MW ที่สระบุรี) คาดว่า COD เฟส 3 ใน Q3 ปีนี้ และเฟส 4 ปลายปีนี้

Battery Storage: ติดตั้ง Battery Storage ขนาด 20 MW (เก็บไฟส่วนเกินมาขายช่วง Peak) คาดว่าจะเสร็จประมาณกลางเดือนหน้า

โครงการโรงไฟฟ้าขยะ:

  • สงขลา: คืบหน้า 80% คาดว่าจะผลิตและขายไฟได้ในเดือนสิงหาคมนี้
  • มุกดาหาร: ใบอนุญาตต่างๆ ได้รับอนุมัติแล้ว งานก่อสร้างโยธาคืบหน้า 12%

Carbon Credit: ปัจจุบันมีอยู่ 2,020,000 กว่าหน่วย คาดว่าจะขออนุมัติเพิ่มได้อีก 466,000 หน่วย ในปี 2568 ทำให้สิ้นปี 2568 มี Carbon Credit 2,488,000 กว่าตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (ลงทะเบียนกับ TGO ในโครงการ T-VER)

REC: ได้รับอนุมัติแล้ว 3,100,000 กว่า REC และอยู่ในระหว่างการขออนุมัติอีก 690,000 กว่า REC (ตัวเลขปี 2567) คาดว่าจะได้ REC เพิ่มขึ้นอีกในปี 2568

รางวัลที่ได้รับ:

  • Quality Choice Prize 2024 in Diamond Category จาก ESQR
  • CG Scoring 5 ดาว 2 ปีซ้อน จาก IOD และตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • ESG Rating ระดับ Triple A จากตลาดหลักทรัพย์ฯ (อันดับสูงสุด ทำให้ ESG Fund สามารถเข้ามาซื้อหุ้นได้)
  • Thailand Energy Award (ปี 2541, 2545, 2547, 2548, 2563, 2564 และ 2567)
  • ASEAN Energy Award (ปี 2557, 2558, 2560 และ 2567)

เข้าร่วมโครงการเจตนารมณ์ลดการใช้พลังงาน จากกระทรวงพลังงาน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 51:47]

1. ความกังวลและแผนรับมือใน 1-3 ปีข้างหน้า

  • A: ไม่มีกังวลแล้ว แต่ความกังวลของนักลงทุนอาจเป็นเรื่อง Adder หมดลง
  • แผนรับมือ: ลงทุนต่างๆ (Boiler AB, Solar Roof, Boiler 16, เก็บค่ากำจัดขยะ, เปลี่ยน Boiler, โครงการสงขลา-มุกดาหาร, Solar Farm)

2. ตัวเลข ROI เมื่อเทียบกับ WACC

  • A: ROI ของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 14-15% (สูงกว่า WACC ค่อนข้างมาก) WACC อยู่ที่ประมาณ 6-7%

3. สิ่งที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ

  • ลงทุนต่อเนื่องโดยดู ROI เทียบกับ Risk เทียบกับ WACC
  • Utilize สิ่งที่มีอยู่และผลิตให้เต็มที่
  • ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งไปทางสีเขียวให้มากที่สุด (ยกเลิกถ่านหิน, ผลิตโซลาร์มากขึ้น)

4. ผลกระทบต่อกำลังการผลิตหลังยกเลิกถ่านหิน

  • A: การยกเลิกใช้ถ่านหินไม่กระทบกำลังการผลิต เพราะ Boiler ที่สร้างใหม่มี Capacity มากกว่า
  • ในอดีต: หากราคาถ่านหินผันผวน อาจต้องลดการผลิต
  • การใช้ RDF: ลดความผันผวน, กรรมการผลิตมีแนวโน้มไม่ลดลง, สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าของโรงงานปูนซีเมนต์ที่เพิ่มขึ้น
  • แนวโน้ม: ไม่น่ามีโอกาสลดปริมาณการผลิตไฟฟ้าลง

5. แผนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมนอกจาก มุกดาหาร-สงขลา

  • A: ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเรื่องการประมูล, รอดูแผน PDP ใหม่ที่จะประกาศออกมา

6. โครงการ Smart City ที่ภาคใต้

  • A: กำลังมีมติ ครม. ให้อนุมัติศึกษา SEA (Strategic Environmental Assessment)
  • บริษัทน้อมรับการตัดสินใจของ ครม. และรอผลการศึกษา SEA เพื่อดูทิศทางการดำเนินงาน
  • มั่นใจว่าการศึกษาจะทำให้บริษัทสามารถดำเนินโครงการ Smart City ในภาคใต้ต่อไปได้

7. Adder ที่หายไปจะ Offset รายได้ Adder ได้ในปีไหน

  • A: การลงทุนจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2569 ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2570 บริษัทจะสามารถทำ Adder ที่หายไปกลับมาได้
  • ตั้งแต่ต้นปี 2570 จะสามารถนำ EBITDA ในโครงการต่างๆ มา Offset ได้

8. ความยั่งยืนด้านกิจการของบริษัทต้องอาศัยอะไร

  • A: ยกเลิกถ่านหิน, เปลี่ยนแปลงเป็นขยะ, ยกเลิกพลังงานที่ไม่สะอาด (เชื้อเพลิงฟอสซิล), เปลี่ยนเป็น EV

9. สัดส่วนรายได้ปั๊มน้ำมัน TPIPP

  • A: 6.23% ของ Revenue ทั้งหมด (Q1)

10. ขยายความการขายไฟฟ้าสะอาดตรง Direct PPA

  • A: Direct PPA คือขายไฟจาก TPI Polene Power ให้ TPI Polene โดยตรง (ใช้สายส่งที่ก่อสร้างเอง)
  • แนวโน้ม: ขยายสายส่งให้โรงงานที่อยู่ใกล้เคียง
  • ขายไฟผ่าน Wheeling Charge (กพพ. ออกอัตราแล้ว แต่ยังสูงอยู่)
  • Utility (ซื้อไฟจากการไฟฟ้าในอัตราไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งมีพรีเมียมสูงกว่าไฟฟ้าทั่วไป)

11. การลงทุนใหญ่จะสิ้นสุดเมื่อไหร่

  • A: ลงทุนต่อเนื่อง (เปลี่ยนจากถ่านหินเป็นขยะ, โรงไฟฟ้าที่สงขลา-มุกดาหาร, Solar Roof, Solar Farm)
  • การลงทุนใหญ่จะสิ้นสุดประมาณปลายปี 2569 ปีหน้าจะมีอีกเล็กน้อย และปี 2570 น่าจะหมดไป (โครงการที่อยู่ใน Pipeline แล้ว)

12. ราคาหุ้นตก จะซื้อหุ้นคืนไหม

  • A: เป็นเรื่องของตลาด (หุ้นทั้ง SET ก็ลง)
  • ผู้บริหาร/บอร์ดจะดูอีกที และตัดสินใจกันอีกครั้ง

13. อัปเดตคดีความ

  • คดีที่ 1: 222 คนฟ้องร้องว่าใบอนุญาต TG8 (150 MW) ออกไม่ถูกต้อง
  • ศาลยกฟ้องว่าการออกใบอนุญาตถูกต้อง
  • ผู้ฟ้องร้องอุทธรณ์ ปัจจุบันเรื่องอยู่ที่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์
  • คดีที่ 2: ชาวบ้านภาคใต้บอกว่าบริษัทออกโฉนดไม่ถูกต้อง
  • ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
  • ชาวบ้านยื่นศาลอุทธรณ์

โดยสรุป TPIPP ยังคงมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ลงทุนในโครงการใหม่ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น ถึงแม้จะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทฯ ก็มีแผนการรับมือที่ชัดเจนและพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์

หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป
  1. Q:ความกังวลและแผนรับมือใน 1-3 ปีข้างหน้า
  2. Q:ตัวเลข ROI เมื่อเทียบกับ WACC
  3. Q:สิ่งที่ให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ
  4. Q:ผลกระทบต่อกำลังการผลิตหลังยกเลิกถ่านหิน
  5. Q:แผนโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมนอกจาก มุกดาหาร-สงขลา
  6. Q:โครงการ Smart City ที่ภาคใต้
  7. Q:Adder ที่หายไปจะ Offset รายได้ Adder ได้ในปีไหน
  8. Q:ความยั่งยืนด้านกิจการของบริษัทต้องอาศัยอะไร
  9. Q:สัดส่วนรายได้ปั๊มน้ำมัน TPIPP
  10. Q:ขยายความการขายไฟฟ้าสะอาดตรง Direct PPA
  11. Q:การลงทุนใหญ่จะสิ้นสุดเมื่อไหร่
  12. Q:ราคาหุ้นตก จะซื้อหุ้นคืนไหม
  13. Q:อัปเดตคดีความ

โพสต์ล่าสุด