บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมาย MEGA เหลือ 36 บาท แม้ยังคงแนะนำ "ซื้อ" จาก Valuation ถูก
P/E 15.01 YIELD 4.71 ราคา 34.00 (0.00%)
ประเด็นสำคัญ: MEGA ยังเผชิญความท้าทายจากเมียนมา
FSSIA ประเมินว่าการเติบโตของรายได้จากธุรกิจแบรนด์ของ MEGA อาจไม่สามารถชดเชยยอดขายที่อ่อนแอในเมียนมาได้ โดยคาดการณ์กำไรหลักในไตรมาส 1/2568 จะลดลง 23.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และ 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ยังคงประมาณการผลประกอบการทั้งปีไว้เช่นเดิม
ผลกระทบจากเมียนมาและประมาณการผลประกอบการ
FSSIA คาดการณ์ว่า MEGA จะเริ่มต้นไตรมาสแรกของปีด้วยกำไรที่ค่อนข้างอ่อนแอ โดยมีสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของธุรกิจจัดจำหน่ายในเมียนมา ซึ่งยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้ผลกระทบต่อกำไรจะจำกัด เนื่องจากหน่วยธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำนี้คิดเป็น 25% ของรายได้รวม แต่บริษัทต้องควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดเพื่อชดเชยการลดลงอย่างรวดเร็วในตลาดเมียนมา
โบรกเกอร์ประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2568 ที่ 469 ล้านบาท ลดลง 26.7% QoQ และ 1.8% YoY หากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดไว้ 100 ล้านบาท คาดว่ากำไรหลักจะอยู่ที่ 489 ล้านบาท ลดลง 23.8% QoQ และ 1.1% YoY โดยอิงจากการคาดการณ์ยอดขายที่ลดลง 6.9% QoQ และ 8.8% YoY เหลือ 3.4 พันล้านบาท การเติบโตของรายได้จากธุรกิจแบรนด์ไม่น่าจะเพียงพอที่จะชดเชยการลดลงของรายได้จากการจัดจำหน่ายที่คาดว่าจะเกือบ 30% YoY
ปรับลดราคาเป้าหมาย แต่ยังคงแนะนำ "ซื้อ"
FSSIA ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 36 บาท จากเดิม 40 บาท สะท้อนถึง WACC ที่สูงขึ้นเป็น 9.4% (จาก 8.9%) เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าเบต้า อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้เหตุผลจาก Valuation ที่ถูก และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่คาดหวังไว้ที่ 5% ราคาเป้าหมายใหม่นี้คิดเป็น P/E ปี 2568 ที่ 14 เท่า หรือ -0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี
สรุป
FSSIA ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อ MEGA แม้จะมีความท้าทายในเมียนมา โดยเชื่อว่า Valuation ที่ถูก และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในเมียนมา และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก