บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
สรุป Oppday KSL วันที่ 4 มีนาคม 2568: มองอนาคตอุตสาหกรรมน้ำตาลและพลังงาน
P/E 30.73 YIELD 3.82 ราคา 1.31 (0.00%)
สรุป Oppday KSL วันที่ 4 มีนาคม 2568: มองอนาคตอุตสาหกรรมน้ำตาลและพลังงาน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
KSL Opportunity Day ในวันที่ 4 มีนาคม 2568 ได้รายงานผลประกอบการปี 2567 และอัปเดตสถานการณ์ธุรกิจอ้อยและน้ำตาล โดยมีผู้บริหารเข้าร่วมให้ข้อมูลสำคัญ
- ปริมาณอ้อยและน้ำตาล: ปี 2567 หีบอ้อยได้ 5.4 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทราย 558,000 ตัน และโมลาส 243,000 ตัน
- ธุรกิจพลังงาน: กำลังการผลิตไฟฟ้า 52 เมกะวัตต์ ส่งมอบให้บุคคลภายนอก 411,132 เมกะวัตต์
- ธุรกิจน้ำตาลต่างประเทศ: กำลังการผลิต 3,000 ตันต่อวัน หีบอ้อย 166,969 ตัน ผลิตน้ำตาลทราย 21,392 ตัน และโมลาส 8,196 ตัน
- แนวโน้มปีปัจจุบัน: คาดว่าจะหีบอ้อยได้ 6.9-7.4 ล้านตัน ผลิตน้ำตาล 690,000-740,000 ตัน และโมลาส 260,000 ตันขึ้นไป
ผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา:
- กำไรสุทธิ 918 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%
- Gross Profit 2,741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%
- EBITDA 2,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%
- ยอดขายลดลง 11% แต่กำไรทรงตัว
- ปริมาณการขายลดลง 33% เนื่องจากปริมาณอ้อยที่หีบลดลง
- โมลาสลดลง 3%
กำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจน้ำตาลและโมลาส 440 ล้านบาท จากราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้ปริมาณส่งมอบน้ำตาลจะลดลง ต้นทุนปรับตัวสูงขึ้นแต่ยังต่ำกว่าราคาขายที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการส่งมอบลดลงเนื่องจากสัดส่วนการขายน้ำตาลในประเทศเพิ่มขึ้น กำไรจากไฟฟ้าลดลง 142 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจากค่า FT ที่คงที่
มีการตั้งค่าการด้อยค่าของมูลค่าทรัพย์สินในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 61 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้กำไรลดลงเกือบ 150 ล้านบาท
รายได้ 100% อยู่ที่ 16,888 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว 97% เป็นรายได้จากการขายและบริการ (น้ำตาล, โมลาส, ไฟฟ้า, บริการอื่น ๆ) ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 11% ตามปริมาณการขาย ต้นทุนขายและบริการลดลง Admin และ Finance cost ลดลงเล็กน้อย
Gross Profit ดีขึ้น 5% จากปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นทุกช่องทาง แม้ต้นทุนขายจะเพิ่มขึ้น แต่ควบคุมต้นทุนได้ดี
ปริมาณการขายลดลง 32% แต่ราคาขายเพิ่มขึ้น 19% ทั้งน้ำตาลทรายดิบและโมลาส น้ำตาลต่างประเทศก็มีราคาเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดโลกและปริมาณลดลง
ปริมาณการส่งมอบไฟฟ้าใกล้เคียงกับปีที่แล้ว (ต่างกันไม่ถึง 1%) แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลงเนื่องจากอิงตามค่า FT ต้นทุนสูงขึ้นเนื่องจากปริมาณกากอ้อยลดลง ต้องใช้เชื้อเพลิงทางเลือก (chip ไม้) เพิ่มขึ้น
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับ สวทช. เพื่อพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จากผลพลอยได้จากขบวนการผลิต เพื่อต่อยอด Value Chain ของน้ำตาล
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
- การที่ประเทศจีนติดประเด็นปัญหาในการนำเข้า Liquid Sugar จากประเทศไทย
- การที่รัฐบาลจีนแบนน้ำตาลในส่วนของ Export Processing Zone (EPZ) อาจจะทำให้ Demand ของน้ำตาลไทยค่อนข้างเงียบเหงา
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
- การขาย ยอดขายจะกระจายออกไป ลดลงในไตรมาส 1 ไปสู่ไตรมาส 2 และ 3 มากขึ้น
- น้ำตาลไทยอยู่ในฝั่งเอเชีย ซึ่งยังเป็นน้ำตาลขาดดุล ไทยก็ยังมี Outlet อื่น ๆ สามารถไปได้
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
- สภาวะตลาดน้ำตาลโลก: ปี 25/26 คาดการณ์ว่าเกินดุล 3% ปริมาณผลผลิตดีกว่าการเติบโตของการบริโภคที่ 1%
- บราซิล: ตัวเลขการหีบอ้อย ณ สิ้นเดือน 1 จบอยู่ที่ 614 ล้านตันอ้อย ได้น้ำตาลประมาณ 40 ล้านตันน้ำตาล ตรงตามคาดการณ์เบื้องต้น
- อินเดีย: ปริมาณการผลิตลดลงอยู่ที่ประมาณ 8-9% แต่ยังคงเป็นผู้ผลิตหลัก
- ประเทศไทย: คาดการณ์เบื้องต้นอยู่ที่ 95 ล้านตันอ้อย
KSL มองว่าปีนี้จะได้ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น กรมกลมก็อยู่ที่ประมาณ 1 ล้านตัน อยู่ที่ประมาณ 6.5 ล้านตัน
คาดการณ์ราคา: ในระยะสั้น มีแนวรับที่ 19 เซนต์ และแนวรับที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 18 เซนต์ ต่ำกว่า 18 เซนต์ มองว่าผู้ซื้อในต่างประเทศจะซื้อเก็บสต็อก
คาดการณ์ว่า ในปี 2568, ราคาจะแกว่งตัวที่ 19-22 เซนต์
มองว่า ธุรกิจน้ำตาลยังสามารถ Maintain ยอดขายและกำไรได้ ปริมาณอ้อยเพิ่มขึ้น แม้ราคาขายจะลดลง คาดว่าอ้อยสดน่าจะใกล้เคียง 100% ได้ และต้นทุนต่อหน่วยลดลง
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:03:44]
- แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1
- คำถาม: แนวโน้มผลประกอบการสำหรับไตรมาส 1 เป็นอย่างไร และมีปัจจัยอะไรที่มาสนับสนุน?
- คำตอบ: เนื่องจากการส่งออก Liquid Sugar ไปจีนมีปัญหา ทำให้ยอดขายกระจายไปไตรมาส 2 และ 3 มากขึ้น แต่โดยรวมทั้งปีน่าจะยังเติบโตได้จากปีที่ผ่านมา
- ผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศและค่าเงินบาท
- คำถาม: จากประเด็นของทรัมป์ที่ขึ้นกำแพงภาษี ส่งผลอย่างไรกับบริษัทบ้าง และทิศทางค่าเงินบาทจากนี้ไปมองว่าเป็นอย่างไร?
- คำตอบ: ผลกระทบจากกำแพงภาษีน้อยมาก เพราะพึ่งพาตลาดยุโรปและอเมริกาน้อย ลูกค้าหลักอยู่ในเอเชีย ค่าเงินบาทที่อ่อนค่ายังช่วยในการส่งออกน้ำตาล และคาดว่าจะแกว่งตัวในด้านอ่อนค่าต่อไป
- การประเมินราคาน้ำตาลในตลาดโลก
- คำถาม: ทิศทางของน้ำตาล ราคาในตลาดโลกประเมินไว้เท่าไร?
- คำตอบ: ขั้นต่ำอยู่ที่ 19 เซนต์ แต่ถ้าต่ำกว่านั้นก็ 18-18.5 เซนต์น่าจะรองรับอยู่ ต้นทุนเอทานอลหลักของบราซิลจะยันไว้ที่ประมาณ 15-16 เซนต์ หากต่ำกว่านี้ การทำเอทานอลจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า น้ำตาลเข้าสู่ตลาดน้อยลง ราคาก็จะปรับตัวขึ้น ในด้านสูงอาจจะเป็น 21-22 เซนต์ ระยะยาวราคายืนที่ 17-18 เซนต์น่าจะยืนได้
- ราคาน้ำตาลในประเทศและต่างประเทศ
- คำถาม: ราคาน้ำตาลในประเทศที่เคยสูงกว่าต่างประเทศมาก เป็นเพราะอะไร และทำไมปัจจุบันถึงใกล้เคียงกัน?
- คำตอบ: เป็นเรื่องปกติที่ราคาน้ำตาลในประเทศจะสูงกว่าราคาตลาดโลก เพราะทุกประเทศมีกำแพงภาษี หากราคาตลาดส่งออกดีกว่า จะทำให้การค้าชายแดนคึกคัก น้ำตาลในประเทศถ้าถูกกว่าก็จะมีการข้ามแดนเหมือนน้ำมัน
- ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจากการเปิดโรงงานใหม่
- คำถาม: จากการเปิดโรงงานใหม่ ปีนี้มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเท่าไร?
- คำตอบ: เพิ่มขึ้นประมาณ 150-200 ล้านบาท แต่มีปัจจัยบวกคือ กนง. ลดดอกเบี้ยมา 2 รอบแล้ว (ประมาณ 50 สตางค์) ทุก ๆ 25 สตางค์ที่ลดลง จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงไปประมาณเกือบ 30 ล้านต่อปี
โดยสรุป, KSL ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอุตสาหกรรมน้ำตาลและพลังงาน แม้จะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทมีกลยุทธ์ในการรับมือและปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน