https://aio.panphol.com/assets/images/community/3326_bda89c.png

สรุป Oppday KCG Corporation ปี 2024: ทิศทางและโอกาสทางธุรกิจ

P/E 9.22 YIELD 5.13 ราคา 8.00 (0.00%)

สรุป Oppday KCG Corporation ปี 2024: ทิศทางและโอกาสทางธุรกิจ

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

  • ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีของ KCG สามารถปิด All Time High ทั้งในส่วนของ Top Line และ Bottom Line
  • ในปี 2024 มี New High อีกครั้งในส่วนของ Bottom Line และ Top Line
  • กำไรขั้นต้นปรับปรุงดีขึ้น จาก 30% ในปี 2023 เป็น 30.9% ในปี 2024
  • สามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหาร (SG&A) ได้ จาก 24.1% ในปี 2023 เหลือ 23.9%
  • ไม่มีเงินกู้ระยะยาว เหลือแต่เงินกู้ระยะสั้น และมีการลดเงินกู้ระยะสั้นลง
  • ในปี 2024 เงินกู้คงเหลือ 1,523 ล้านบาท ต่ำกว่าปี 2023 ที่ 1,837 ล้านบาท
  • ได้รับการประเมิน ESG Rating จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เกรด 1A

ปี 2024 ถือเป็นปีที่ KCG Corporation ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่ทั้งในด้านรายได้และกำไร ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน การลดต้นทุน และการได้รับการประเมินด้าน ESG ในระดับที่ดี

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

  • เน้นขยายตลาดชีสสำหรับผู้ที่ชื่นชอบชีส
  • ร่วมมือกับลูกค้าหลักในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ
  • ขยายส่วนของเครื่องดื่มมากขึ้น
  • มุ่งเน้นผู้บริโภควัยรุ่นที่ใส่ใจสุขภาพสำหรับสินค้าบิสกิต
  • สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ Allowrie และ Imperial ในระดับภูมิภาคอาเซียน
  • รับจ้างผลิตสินค้า OEM ในตลาด Non-ASEAN เพื่อเติมเต็ม Capacity

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดชีส เบเกอรี่ และบิสกิต โดยมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเน้นตลาดอาเซียนและตลาด Non-ASEAN

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วส่งผลกระทบต่อ Gross Profit Margin (GPM)

ความเสี่ยงหลักที่บริษัทกำลังเผชิญคือ ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้น บริษัทจึงมีแผนที่จะบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงนี้

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  • ทำ Demand Supply Planning ให้แม่นยำมากขึ้น
  • เพิ่ม Production Efficiency
  • Product Utilization ให้สูงขึ้น
  • บริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ
  • ลดค่าใช้จ่าย SG&A โดยใช้ KCG Logistic Park และ Solar Cell

บริษัทมีแผนที่จะแก้ไขปัญหาต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยการปรับปรุงกระบวนการวางแผนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้กำลังการผลิต และการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

  • คาดการณ์ยอดขายปี 2025 จะเติบโตในระดับ Mid to High Single Digit
  • เน้นการเติบโตแบบ Organic Growth ผ่าน NPD, E-Commerce, และ Export
  • ทำ OEM กับ Partner และ M&A/JV
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน
  • มุ่งเน้นการทำ Sustainable Supply Chain และ ESG

บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2025 จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนที่จะเน้นการเติบโตแบบ Organic Growth และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และมุ่งเน้นการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 42:02]

  1. แนวโน้มวัตถุดิบใน Q1-Q2 ปี 2568
    • ราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นใน Q4 ปีที่แล้ว
    • Q1 ปีนี้ยังคงใกล้เคียงกับ Q4 ปีที่แล้ว
    • Q2 เริ่มทรงตัวและลดลงบ้าง แต่ยังไม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
    • มีระบบการสั่งซื้อที่สามารถทราบข้อมูลล่วงหน้า และซื้อ Stock ล่วงหน้าเมื่อราคาถูก
    • ซื้อ Spot ระหว่างทางเพื่อเฉลี่ยต้นทุน
  2. เป้าหมายการลดค่าใช้จ่าย SG&A ในปี 2568
    • ตั้งเป้าลด 0.2-0.3%
  3. ยอดขายให้ NSL ลดลงหรือไม่
    • NSL ยังคงเป็น Top 5 ของลูกค้า
    • Category Dairy ที่ขายให้ NSL ยังเติบโตแบบ Double Digit
  4. แนวโน้มการจ่ายปันผลระหว่างกาลในปี 2568
    • ยังไม่มีนโยบาย แต่ยังอยู่ในระหว่างพิจารณา
  5. โอกาส M&A ในปีนี้
    • มีการคุยกันอยู่ 1-2 รายในธุรกิจกลางน้ำ
    • มีธุรกิจใกล้ปลายน้ำอีก 1 ราย
    • ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
  6. แผน OEM Partnership
    • มีแผนทำทั้ง 3 Category (บิสกิต, FBI, Dairy)
    • มีคุยกับ Partner ในต่างประเทศ
    • Capacity ของ Partner เต็ม จึงสนใจให้ KCG ผลิตให้
    • อยู่ในช่วงส่งตัวอย่าง
    • คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปีนี้
  7. การใช้ประโยชน์จากการยกเลิกภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
    • ภาษีนำเข้าส่วนใหญ่เป็น 0% แล้ว
    • สินค้าที่เหลือ 3 ตัว (นมผง, นมพร้อมดื่ม, วิปปิ้งครีม) ยังติดเรื่องโควต้า
    • มีการพูดคุยกับ Principal ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์
  8. สินค้าที่ไม่ใช่กลุ่มหลัก (นมและชีส) มีการเติบโตหรือหดตัวในกลุ่มลูกค้าใด
    • Food and Bakery Ingredient เติบโต
    • Ready Meal, Ready to Eat, Ready to Use เติบโต
    • เน้นหนักไปทาง Frozen Product
  9. แนวทางการจัดกลุ่มสินค้า
    • แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก (บิสกิต, FBI, Dairy)
    • แต่ละ Category มีแบรนด์หลัก แบรนด์รอง และ Fighting Brand
    • แบ่งตาม Positioning ของ Product แต่ละตัว
    • แบ่งกลุ่ม Product Hero เพื่อให้ Sales ขายได้ง่ายขึ้น
  10. การสนับสนุนสินค้าให้ After You หรือ หมีเนย
    • มีการสนับสนุนให้ทั้งสองราย
  11. รายได้ Quarter to Date เป็นอย่างไร
    • เติบโตแบบ Double Digit เกินคาด
    • Performance ของ Top Line ดีมาก
  12. B2B มีลูกค้าประมาณกี่ราย
    • มีประมาณ 3,000 ราย
    • ยอดขายตั้งแต่หลักแสนถึงหลักร้อยล้าน
  13. ลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นรูปธรรมในปี 2568 หรือไม่
    • พยายามหาประเทศใหม่ๆ
    • พยายามขายให้ครบ Channel (B2B และ B2C)
    • ปีที่ผ่านมาเปิดตลาดใหม่ที่บรูไน
    • มาเลเซียเป็นตลาดที่มี Potential มาก
    • มีการคัดสรรลูกค้าภายในเอง โดยหา Key Person ในแต่ละประเทศ
  14. เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงมาก จะมีผลกับการจ่ายปันผลหรือไม่
    • ปี 2566 Reserve เงินจาก IPO เพื่อลงทุนต่อ
    • พยายาม Minimize Cash on Hand เพื่อลดเงินกู้ระยะสั้น
    • มีวงเงิน Short Term Facility เหลืออยู่มาก
    • ไม่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง
  15. ต้องการให้ KCG Educate ผู้บริโภคให้เข้าใจความเป็นเนยแท้มากขึ้น
    • จะ Comment ให้ฝ่ายการตลาด
    • มีทั้งเนยแท้และเนยผสม
    • Packaging คล้ายกันมาก อาจทำให้สับสน
    • มีโครงการปรับปรุง Packaging ให้ชัดเจนขึ้น
  16. แนวโน้มธุรกิจเบเกอรี่ในอีก 3 ปีข้างหน้า
    • เติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง
    • ปี 2566 มีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านบาท
    • คาดว่าจะเติบโต 7-8% ต่อปี
    • การท่องเที่ยวฟื้นตัว
  17. คู่แข่งที่ต้องกังวล
    • ไม่กังวล เพราะแข่งขันมาตลอด
    • มี Distribution ที่กว้างกว่าทุกแบรนด์
    • มี Cold Chain ของตัวเอง
    • Supply Cold Chain ได้ทั่วประเทศ
  18. ยอดขายที่ขายให้ NSL คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวม
    • บอกเป็นรายตัวไม่ได้
    • NSL เป็น Top 5 ของลูกค้า
    • Top 5 ทั้งหมดคิดเป็นประมาณ 30% ของยอดขายรวม
  19. ความมั่นใจในการรักษาระดับ Gross Profit Margin
    • มีความมั่นใจ
    • พยายามปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน, Sourcing, R&D
    • พัฒนาครบทุกด้าน
    • รักษา GP ไม่ให้ลดลง
  20. การนำเข้าเต้าหู้เข้ามาขาย
    • เป็นสินค้า Frozen นำเข้าจากมาเลเซีย
    • เป็น Ready to Cook
    • ใช้ในชาบู, เป็น Surimi, เหมือนลูกชิ้นปลา
  21. สมมุติว่าต้นทุนวัตถุดิบเท่ากับปีที่แล้ว จะเพิ่ม Margin ได้กี่เปอร์เซ็นต์
    • ประมาณ 0.5-0.6%
    • มาจาก SKU Rationalization ประมาณ 0.3%
    • มาจาก Production Efficiency และ Utilize Capacity อีกประมาณ 0.3%
  22. มีสินค้าอะไรที่เข้าไปขายใน 7-Eleven เพิ่มขึ้นอีกบ้าง
    • จะมีสินค้า Cheese Snack เข้าไปใน 7-Eleven และ Modern Trade
    • ติดตามรอชมเร็วๆ นี้

สรุปโดยรวม KCG Corporation ยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดี แม้จะมีความท้าทายจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น บริษัทมีแผนการที่ชัดเจนในการบริหารจัดการความเสี่ยง ขยายโอกาสทางธุรกิจ และปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

โพสต์ล่าสุด