BGRIM กำไร 4Q67 ต่ำกว่าคาด! แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯ ยังคงแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ราคาเป้าหมาย 17 บาท

P/E 17.75 YIELD 4.06 ราคา 10.60 (9.28%)


ไฮไลท์สำคัญ: กำไรปกติ 4Q67 ต่ำกว่าคาด

บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) วิเคราะห์ผลประกอบการของ BGRIM ในไตรมาส 4 ปี 2567 โดยมีกำไรปกติอยู่ที่ 328 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 22% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงกว่าคาด และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม แม้ว่ากำไรปกติสำหรับปี 2567 จะเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ LHS ยังคงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 17.00 บาท

ผลประกอบการและปัจจัยที่ส่งผลกระทบ

กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 787 ล้านบาท (+384%QoQ, +70%YoY) แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) กำไรปกติจะอยู่ที่ 328 ล้านบาท (-59%QoQ, -15%YoY) ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 22% สาเหตุหลักมาจาก OPEX ที่สูงขึ้น (+19%QoQ, +10%YoY) จากการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมอยู่ที่ -206 ล้านบาท (เทียบกับกำไร 236 ล้านบาทใน 3Q) ปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ลดลง 5%QoQ, ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ลดลง 7%QoQ และไอน้ำลดลง 14%QoQ ตามฤดูกาลและอุตสาหกรรมรถยนต์ที่อ่อนแอ แม้ว่าต้นทุนก๊าซจะลดลง 7%QoQ แต่ถูกหักล้างด้วยปริมาณขายไฟฟ้าที่ลดลง

สำหรับปี 2567 กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (-18%YoY) หากไม่รวมขาดทุนจาก FX กำไรปกติจะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (+6%YoY) แม้ว่าปริมาณขายไฟฟ้าให้ลูกค้า IUs จะลดลง 3%YoY จากกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, ก๊าซอุตสาหกรรม และบรรจุภัณฑ์ แต่ถูกชดเชยด้วยต้นทุนก๊าซที่ลดลง 14%YoY ซึ่งลดลงมากกว่าราคาขายไฟฟ้าที่ลดลง 10%YoY ทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณขายให้ กฟผ. เพิ่มขึ้น 11%YoY และไอน้ำเพิ่มขึ้น 19%YoY

การเปลี่ยนแปลงนโยบายปันผลและแนวโน้มในอนาคต

BGRIM ได้ปรับเพิ่มนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากเดิม 40% เป็น 50% ของกำไรจากการดำเนินงาน ทำให้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ที่ 0.43 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 19%YoY คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (D/P) ที่ 3.8% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 มีนาคม

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในปีนี้มีความท้าทายมากขึ้น เนื่องจาก BGRIM คาดการณ์ราคาก๊าซในปีนี้จะอยู่ที่ 320-350 บาท/MMBTU เทียบกับ 324 บาทในปี 2567 ทำให้ปีนี้จะเผชิญกับความท้าทายด้านมาร์จิ้นจากราคาขายไฟฟ้าที่ลดลง (ม.ค.-เม.ย. 68 อยู่ที่ 4.15 บาท/หน่วย ลดลง 0.03 บาท QoQ) และคาดว่าจะลดลงอีกในช่วงที่เหลือของปี ในขณะที่ต้นทุนก๊าซทรงตัว YoY ปริมาณขายไฟฟ้าให้ IUs อาจเติบโตไม่มากตามภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้

คำแนะนำและปัจจัยเสี่ยง

LHS ยังคงคำแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" แม้ว่าแนวโน้มจะมีความท้าทายมากขึ้นจากมาร์จิ้นที่ลดลง, ปริมาณขายไฟฟ้าที่เติบโตไม่มาก, รวมถึงโอกาสที่จะหลุดจากดัชนี SET50 ตามมูลค่าตลาดที่ลดลงมาก แม้ว่า BGRIM จะเพิ่มการจ่ายเงินปันผล แต่อัตราเงินปันผลที่ 3.8% ยังคงต่ำกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าอื่น ดังนั้น LHS จึงยังคงแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยมองว่ากำไรที่ต่ำกว่าคาด และการที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำลังจะออกเอกสารรับฟังความคิดเห็นค่า Ft งวดพ.ค.-ส.ค. เร็วๆ นี้ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะลดค่าไฟฟ้าลง จะเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือการกำหนดค่า Ft และต้นทุนก๊าซ ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออัตรากำไรของการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรม, ความล่าช้าของโครงการลงทุน, และการหยุดซ่อมนอกแผนที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติ

โพสต์ล่าสุด