บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

POLY โชว์ผลงาน Q3/2568: โตต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจโลก

POLY โชว์ผลงาน Q3/2568: โตต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจโลก

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 โดยการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศใหญ่ ๆ หดตัวลง และนโยบายทางการเงินของแต่ละประเทศแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของตนเอง ภาษีทางการค้าและภาษีนำเข้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะภาษีที่เจาะจงซึ่งยังไม่มีความชัดเจน คาดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์จะได้รับผลกระทบ

ในประเทศไทย ยอดการผลิตรถยนต์ยังต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณ 5% หรือลดลงมาประมาณ 150,000 คัน สาเหตุหลักมาจากเงื่อนไขการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินที่ตึงตัว และกำลังซื้อของประชาชนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในการผลิตรถยนต์ และในเดือนกันยายนยอดผลิตสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว

ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของประเทศอาจยังไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมช้ากว่าปกติ ในด้านการส่งออก การตอบโต้ทางการค้าทำให้การส่งออกของประเทศหดตัวอย่างชัดเจนหลังจากที่เร่งการส่งออกไปก่อนหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีใหม่ ค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกไปยังอเมริกาได้

สำหรับ POLY ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 มีการเติบโตที่โดดเด่นและเหนือความคาดหมาย แม้จะมีปัญหาด้านภาษีทางการค้าที่ไม่แน่นอน แต่ POLY ยังคงเติบโต 24% ในด้านรายได้ และ 34% ในด้านกำไรสุทธิ ในไตรมาสที่ 3 ก็ยังคงสามารถรักษาการเติบโตได้ ปัญหาเรื่องภาษีนำเข้าที่เคยไม่ชัดเจนก็คลี่คลายลง ทำให้สถานการณ์โดยรวมของรายได้กลับเข้าสู่ระดับปกติ

ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 รายได้รวมอยู่ที่ 899.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 24% อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32% สูงกว่าปีที่แล้วเช่นกัน กำไรสุทธิอยู่ที่ 201.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น 22% ทำให้อัตรากำไรต่อหุ้นเท่ากับ 45 สตางค์ต่อหุ้น

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

รายได้เติบโตจากกลุ่มยานยนต์อย่างชัดเจน โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 173 ล้านบาท หรือเติบโต 38% รองลงมาคือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท หรือ 18% ในปีนี้จะมีสินค้าใหม่ที่เริ่ม Mass Production เข้ามาหลายรายการ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

กลุ่มเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนประมาณ 18% แม้ว่า Gap ที่ลดลงจะน้อยลงจากไตรมาสที่ 2 แต่ก็ยังคงเป็นความท้าทายอยู่

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

การลดลงของ Gap ในกลุ่มเครื่องมือแพทย์มาจากการฟื้นตัวหลังนโยบายทางการค้าระหว่างไทยกับอเมริกาชัดเจนขึ้น คำสั่งซื้อของสินค้ากลุ่มนี้เริ่มกลับมา

บริษัทใช้กำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการใช้ระบบ Automation และมีการผลิตได้เต็มกำลังการผลิตมากขึ้น

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

อุตสาหกรรมยานยนต์ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการเริ่ม Mass Production Part ใหม่ ๆ ในช่วงปลายปี 2568 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2569 รวมถึง Part ใหม่ ๆ ที่มีแนวโน้มว่าจะได้มาจากลูกค้าเพิ่มเติม อัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่ม Automotive มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการลงทุนใน Automation และ Robot ที่ช่วยให้การผลิตมีความแม่นยำมากขึ้น

กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีจุดแข็งคือการกระจายอยู่ในหลายประเทศ ทำให้ได้รับผลกระทบไม่รุนแรงเท่าภาพรวม ราคาวัตถุดิบที่ลดลงเป็นปัจจัยบวก และมี Product ใหม่ ๆ เข้ามาเติมในกลุ่มนี้ โดยคาดว่าจะมีการ Mass Production เพิ่มเข้ามาในไตรมาสที่ 4 ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตชัดเจนในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่พัฒนาอยู่ในมือ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า บริษัทมีการลงทุนเรื่องเครื่องจักรและระบบ Automation เพื่อให้การผลิตมีความแม่นยำและมีคุณภาพสูง

กลุ่ม Medical มีการฟื้นตัวหลังจากที่ไตรมาสที่ 2 ติดชะงักเรื่องภาษีนำเข้า ตัวสินค้มีปัจจัยบวกจากสภาพแวดล้อมหลัง Covid และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างสูง มี Product ใหม่ที่พัฒนาใกล้เสร็จแล้วและผ่านการทดสอบแล้ว คาดว่าจะเริ่ม Mass Production ในไตรมาส 2 ของปีหน้า นอกจากนี้ยังมีโอกาสในผลิตภัณฑ์ Silicone และ Plastic ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ POLY มีความเชี่ยวชาญ บริษัทมีโครงการหลายโครงการที่อยู่ในมือและสามารถแข่งขันได้ในตลาด

กลุ่มไฟฟ้าและระบบสายส่งมีการจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อเข้าสู่กลุ่มธุรกิจนี้อย่างเต็มตัว บริษัทได้รับการรับรอง ISO 17025 ซึ่งรับรองในด้านของ Lab ที่ใช้ทดสอบ ซึ่งจะสร้างข้อได้เปรียบและความเชื่อมั่น คาดว่าประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมาใช้ระบบสายส่งที่เป็น Silicone มากขึ้นในอนาคต บริษัทจะขยายตัว Product ให้ครอบคลุมไปถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่อยู่ในระบบสายส่ง

โดยรวมแล้ว บริษัทคาดว่าปี 2569 จะยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี โดยมีการเติบโตของยอดขายประมาณ 20% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในช่วง 30-32% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะอยู่ใกล้เคียงเดิมที่ 8-9% สถานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่งด้วยหนี้สินที่น้อยและเงินสำรองที่เยอะ อย่างไรก็ตาม ยังต้องเฝ้าระวังความไม่แน่นอนทางการค้ากับอเมริกา โดยเฉพาะเรื่องภาษีเฉพาะเจาะจง

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 46:46]

• **ชิ้นงาน Automotive ที่ผลิต:**
  • คำถาม: ชิ้นงาน Automotive ที่บริษัทผลิตเป็นงาน OEM หรืออะไหล่ REM เป็นลูกค้าโรงงานในประเทศหรือส่งออกต่างประเทศ
  • คำตอบ: ส่วนใหญ่เป็นงาน OEM POLY เป็นทั้ง First Tier และ Second Tier ในอุตสาหกรรม Automotive มีทั้งส่งให้ Car Maker โดยตรง และส่งให้ First Tier หรือ Second Tier อีกทีหนึ่ง มีทั้งขายในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ตัวส่งออกต่างประเทศที่เยอะ ๆ คือส่งออกไปที่อเมริกา ส่วนในประเทศมีทั้งแบรนด์ญี่ปุ่น ยุโรป แบรนด์อเมริกา ค่อนข้างครอบคลุม
• **ต้นทุนวัตถุดิบ Silicone:**
  • คำถาม: ต้นทุนวัตถุดิบเช่น Silicone มองว่าในปีหน้ามีแนวโน้มอย่างไร
  • คำตอบ: ก่อนหน้านี้แนวโน้มราคาของ Silicone คิดว่าจะเห็นว่ามีแนวโน้มที่ราคาลดลงเรื่อย ๆ ปีหน้าคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกัน แต่คิดว่าไม่ต่างจากปีนี้เท่าไหร่
• **แผนการลงทุนและซื้อหุ้นคืน:**
  • คำถาม: ปีหน้าบริษัทมีแผนลงทุนอะไรบ้างใช้ Capex เท่าไหร่ และมีการพิจารณาลงทุนซื้อหุ้นคืนหรือไม่ อย่างไร
  • คำตอบ: ปีหน้าหลัก ๆ จะเป็นพวกระบบ Automation และตัวเครื่องจักรที่จะใช้ในการผลิตเพิ่ม สำหรับปีนี้มีการลงทุนตัวคลังสินค้าและเครื่องจักรไปแล้วบางส่วน ปีหน้าอาจจะต้องดูคำสั่งซื้อที่เข้ามา ตอนนี้มีแผนเบื้องต้นแล้ว แต่ถ้าในกรณีที่คำสั่งซื้อเข้ามามากกว่าที่คิดไว้ก็มีการจัดสรรเงินสำรองไว้ก้อนนึงแล้ว ตัว Capex ปีหน้าเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท หลัก ๆ จะเป็นเรื่องของเครื่องจักรเป็นหลัก นอกนั้นจะเป็นพวกระบบ Automation เป็นหลัก ส่วนเรื่องซื้อหุ้นคืนปัจจุบันยังไม่ได้มีนโยบายหรือว่ายังไม่ได้อนุมัติจากบอร์ดกรรมการหรือว่ามีการหยิบยกขึ้นมา
• **ชิ้นงานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งทดสอบต่างประเทศ:**
  • คำถาม: ชิ้นงานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งทดสอบต่างประเทศผ่านการรับรองจากลูกค้าหรือยัง และจะเริ่มรับรู้รายได้เมื่อไหร่มูลค่าประมาณเท่าไหร่
  • คำตอบ: ปัจจุบันมีทั้งที่ Test อยู่และที่ Test จบแล้ว ตัวที่ Test จบแล้วสามารถขายได้แล้ว ตัวที่กำลัง Test อยู่ก็น่าจะทยอยเสร็จ เพราะว่าการ Test ใช้เวลาค่อนข้างนาน ปกติเงื่อนไขในการ Test ต้อง Test เป็นร้อยเป็นพันชั่วโมง ปกติการรับรองจากลูกค้าส่วนใหญ่ลูกค้าจะ Request ให้ไป Test จากบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ที่เราส่งไป Test นี่แหละ คือถ้าเราได้รับผลการทดสอบจากบริษัทนี้ก็ถือว่าลูกค้าจะเข้าเงื่อนไขของลูกค้าโดยอัตโนมัติ เริ่มรับรู้รายได้ลูกค้าในสินค้ากลุ่มนี้จะมีหลัก ๆ ก็คือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง และก็การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะมีแผนการจัดซื้อเมื่อไหร่ซึ่งอันนี้ก็รอเปิดประมูลทางออนไลน์อีกทีหนึ่ง
• **สัดส่วนรายได้จากการส่งออกไป US:**
  • คำถาม: สัดส่วนรายได้จากการส่งออกไป US คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ครับ ประเด็นด้านภาษียังมีผลกระทบหรือไม่
  • คำตอบ: สัดส่วนรายได้จากการส่งออกไป US ถ้า 100% ก็คิดเป็นประมาณซักประมาณ 30% 25-30% แล้วแล้วแต่เดือน ส่วนประเด็นภาษีปัจจุบันจะเห็นว่าตัวยอดขายหรือว่าคำสั่งซื้อของลูกค้าในไตรมาส 3 จะเห็นว่ายอดขายกลับมาสู่ระดับปกติแล้ว ปัจจุบันภาษีที่โดนภาษีตอบโต้สรุปอยู่ที่ 19% ซึ่งประเทศไทยยังถือว่าน้อยกว่าในหลาย ๆ ประเทศ เช่นเวียดนาม เวียดนามก็อยู่ใกล้เคียงกัน ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ 20% ประเทศไทยไม่ได้โดนคนเดียวก็เลยอาจจะไม่ได้เอฟเฟคมาก แต่ตอนแรกที่คำสั่งซื้อมันดรอปลงไปเพราะว่ามันยังมีความไม่แน่นอนอยู่ว่าสรุปแล้วเรทจะอยู่ที่เท่าไหร่เพราะฉะนั้นทางลูกค้าก็เลยรอดูสถานการณ์ว่าสุดท้ายมันต้องจบที่เท่าไหร่แล้วควรจะสั่งซื้อช่วงไหนเพื่อที่จะให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
• **นโยบายปันผลปี 2569:**
  • คำถาม: นโยบายปันผลในปี 2569 จะยังคงเดิมหรือว่ามีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง
  • คำตอบ: นโยบายปันผลยังคงใช้เหมือนเดิม คือ อย่างน้อย 40% ของกำไรสุทธิ ซึ่งปัจจุบันถ้าดูจากประวัติที่ผ่านมา POLY จ่ายเงินปันผลในอัตราที่ค่อนข้างสูง อยู่ที่ 80-90% ของกำไรสุทธิอยู่แล้ว

1. ชิ้นงาน Automotive ที่บริษัทผลิต
2. ต้นทุนวัตถุดิบ Silicone
3. แผนการลงทุนและซื้อหุ้นคืน
4. ชิ้นงานอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ส่งทดสอบต่างประเทศ
5. สัดส่วนรายได้จากการส่งออกไป US
6. นโยบายปันผลปี 2569