CK กำไร 4Q67 แผ่ว! ต้นทุนการเงินพุ่ง ฉุดกำไรทั้งปี -7.2% ปี 68

P/E 7.68 YIELD 2.43 ราคา 12.40 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: กำไร 4Q67 อ่อนตัว

Phillip Securities (Thailand) หรือ PST คาดการณ์ว่า บมจ. ช. การช่าง (CK) จะมีผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2567 ที่อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในส่วนแบ่งกำไร

รายละเอียดผลประกอบการ: รายได้ก่อสร้างยังเป็นแรงหนุน

PST คาดการณ์ว่ารายได้จากการก่อสร้างของ CK ในไตรมาส 4/2567 จะอยู่ที่ 9.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% YoY โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากงานหลวงพระบาง และงานร่วมทุน (JV) ที่เร่งตัวขึ้น เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง, สายสีส้ม และรถไฟทางคู่เด่นชัย อย่างไรก็ตาม รายได้รวมจะทรงตัว (+1.0% QoQ) เนื่องจากโครงการศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติฯ จุฬาภรณ์ และงานสร้างโรงพยาบาลใกล้เสร็จสิ้น ทำให้รับรู้รายได้ลดลง

อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะอยู่ที่ 7.4% สูงขึ้น YoY และ QoQ เนื่องจากงานที่มี GPM ต่ำ เช่น งานสร้างโรงพยาบาล รับรู้รายได้ไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้า ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sale) คาดว่าจะอยู่ที่ 6.3% สูงขึ้น YoY และ QoQ จากค่าใช้จ่ายของงาน JV ที่เพิ่มขึ้นตามการเร่งตัวของงาน และมีค่าใช้จ่ายพนักงานประจำปี นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงในช่วง 4Q67 จะทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในโครงการหลวงพระบางพาวเวอร์ และ CKP ส่งผลให้ส่วนแบ่งกำไรอ่อนตัวลง

จากปัจจัยดังกล่าว PST คาดการณ์ว่า CK จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 ที่ 67 ล้านบาท ลดลง 57.2% YoY และ 93.4% QoQ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปี 2567 อยู่ที่ 1,684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% YoY

ปี 68: รายได้สูงขึ้น แต่ต้นทุนการเงินก็เพิ่ม

PST คาดการณ์ว่าในปี 2568 รายได้ของ CK จะยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความคืบหน้าของงานก่อสร้างที่เร่งตัวขึ้น และจะเริ่มรับรู้งานรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้ามาเสริม โดยคาดว่าจะยังบริหาร GPM ได้ในระดับปกติไม่ต่ำกว่า 7% อย่างไรก็ตาม PST ได้ปรับต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมตามความคืบหน้าของงานที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิลง 12% มาอยู่ที่ 1,562 ล้านบาท ลดลง 7.2% YoY

PST มองว่าราคาหุ้น CK ปรับตัวลงเนื่องจากในช่วง Q4-Q1 ไม่มีปันผลจาก TTW และยังไม่เข้าสู่ช่วง high season ของ BEM และ CKP ทำให้ผลประกอบการของ CK อ่อนตัวไปตามฤดูกาลของบริษัทร่วม อย่างไรก็ตาม PST มองว่ายังสามารถเก็งกำไรระยะสั้นได้หลังจากราคาหุ้นปรับตัวรับผลประกอบการ 4Q67 ไปก่อน และคาดว่าระดับกำไรในปี 2568 จะค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นไปทีละไตรมาสจนถึงช่วง high season ของบริษัทร่วมใน 3Q68

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย: "ซื้อ" ที่ราคา 20.00 บาท

PST ประเมินราคาเป้าหมายของ CK โดยวิธี Sum-of-the-Parts (SOTP) บวกค่าความยั่งยืนของกิจการอีก 2.8%* โดยปรับราคาเป้าหมายลงมาที่ 20.00 บาท/หุ้น และยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

*ค่าความยั่งยืนของกิจการคำนวณจากปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ใน scope 1 และ scope 2 ต่อรายได้ โดย CK มีการจัดการ GHG emission intensity ได้ดีเมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน จึงเห็นสมควรเพิ่มอัตราการเติบโตไปตาม GDP เฉลี่ย 2.8%* ใน P/E

โพสต์ล่าสุด