บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
WHA กำไร Q3/25 อ่อนตัว แต่ Q4/25 สดใส! Krungsri Securities ยังคงแนะนำ "ซื้อ"
P/E 9.75 YIELD 5.92 ราคา 3.22 (0.00%)
text-primary Krungsri Securities (KSS) วิเคราะห์ WHA: กำไร Q3/25 ลดลง แต่คาด Q4/25 จะเติบโต
Krungsri Securities (KSS) วิเคราะห์ผลประกอบการของ WHA ในไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีกำไรหลักอยู่ที่ 634 ล้านบาท ลดลง 16% YoY และ 41% QoQ แต่ยังคงใกล้เคียงกับที่ KSS คาดการณ์ไว้ สาเหตุหลักมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอัตรากำไรที่ลดลง อย่างไรก็ตาม KSS ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.1 บาท
text-primary ผลประกอบการ Q3/25: กำไรลดลงจากอะไร?
กำไรที่ลดลง YoY มีสาเหตุหลักจาก:
- ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินลดลง: อยู่ที่ 220 ไร่ใน Q3/25 เทียบกับ 370 ไร่ใน Q3/24 และ 300 ไร่ใน Q2/25
- อัตรากำไรจากการโอนที่ดินลดลง: อยู่ที่ 44.9% เทียบกับ 50.3% ใน Q3/24 และ 47.6% ใน Q2/25 เนื่องจากแปลงที่โอนมีต้นทุนสูง
ถึงแม้ว่าธุรกิจโลจิสติกส์, สาธารณูปโภค (สนับสนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียมส่วนเกินโควต้าจากลูกค้ารายใหญ่ศูนย์ข้อมูล), และธุรกิจไฟฟ้า (สนับสนุนจากการฟื้นตัวของ Gheco-One) จะมีกำไรที่ดีขึ้น แต่กำไรที่ลดลง QoQ ก็มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ลดลงและส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อยที่สูงขึ้น กำไร 9M25 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% YoY และคิดเป็น 81% ของประมาณการ FY25F ของ KSS บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.0669 บาท (อัตราผลตอบแทน 2.1%) โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 27 พฤศจิกายน
text-primary แนวโน้ม Q4/25: ทำไม KSS ถึงมองว่าจะดีขึ้น?
KSS คาดการณ์ว่าการดำเนินงานของ WHA จะปรับตัวดีขึ้นใน Q4/25F จากปัจจัยสนับสนุนดังนี้:
- ยอดขายที่ดินที่แข็งแกร่งขึ้น: สนับสนุนจาก MOUs 1,806 ไร่
- กำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ: สนับสนุนจากยอดขายรอโอน (backlog) จำนวน 1,400 ไร่ และอัตรากำไรที่ปรับตัวดีขึ้น
- ประมาณการกำไร 220 ล้านบาท: จากการขายสินทรัพย์ให้ WHART
- จะเซ็นสัญญาโลจิสติกส์ 44,000 ตารางเมตร ใน Q4/25: ทำให้สัญญารวมเป็น 198,012 ตารางเมตร ส่วนใหญ่มาจากผู้ให้บริการโลจิสติกส์, ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค, และผู้ประกอบการด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายทั้งปี
text-primary คำแนะนำและราคาเป้าหมาย: ทำไมต้อง "ซื้อ"?
KSS ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมาย 5.1 บาท เนื่องจากราคาหุ้น WHA ลดลง 13% ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่ง KSS เชื่อว่าได้สะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวใน Q3/25 ไปแล้ว ปัจจัยกระตุ้นในระยะใกล้ (Near-term catalysts) ประกอบด้วย:
- แนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้นใน Q4/25
- อัพไซด์จากการรับรู้ค่าธรรมเนียมการใช้น้ำส่วนเกินโควต้า (excessive charges) จากโครงการศูนย์ข้อมูลเฟส 1 (ใน Q4/25 และปี 2026) และโอกาสรับรู้รายได้จากการซื้อที่ดินเฟส 2 ในปีหน้า
- อัพไซด์กำไรจากการขายสินทรัพย์ให้ WHART หากสามารถระดมทุนได้ ซึ่งมูลค่าขายจะมากกว่าปีนี้สองเท่า
KSS ประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้วิธีส่วนลดกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow: DCF) โดยมีสมมติฐานการเติบโตในระยะยาวที่ 3% และอัตราคิดลด (Discount Rate) ที่ 9%