บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

MEGA มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัวจากปัญหาในเมียนมาที่เริ่มคลี่คลาย โบรกเกอร์ PI แนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย 34.00 บาท

Maxxcare's และภาษีจ่ายกดดันผลประกอบการ

โบรกเกอร์ PI คาดการณ์กำไรสุทธิ Q3/25 อยู่ที่ 495 ล้านบาท (+27%QoQ) จากรายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย Maxxcare's ในเมียนมาที่ฟื้นตัวหลังปัญหาใบอนุญาตนำเข้าคลี่คลาย แต่ยังลดลง YoY จากอัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น คาดกำไร Q4/25 ฟื้นตัว YoY และ QoQ จาก High season และฐานต่ำของธุรกิจจัดจำหน่ายในปีก่อน

คาดรายได้จากธุรกิจ Mega We Care (ยาและอาหารเสริม) เติบโต YoY เป็น 2.2 พันล้านบาท (+6%YoY) ใน Q3/25 จากปริมาณการขายที่เติบโตดีในทุกภูมิภาค ขณะที่รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare's) ลดลง YoY ที่ 1.3 พันล้านบาท (-30%YoY) ใน Q3/25 จากกำลังซื้อในเมียนมาที่ลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา

อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหารต่อยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 31.1% ใน Q3/25 จาก 27.5% ใน Q3/24 จากรายได้ที่ลดลง YoY แต่ดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าตามการฟื้นตัวของรายได้

ข้อสังเกต

MEGA มีแผนสร้างโรงงานในเวียดนามและเมียนมา คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมกันในปี 2028 และเริ่มผลิตจำหน่ายในปี 2029 ซึ่งจะช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่ายอดขายธุรกิจยาและอาหารเสริม (Mega We Care) จะขยายตัว 5%YoY ในปี 2026 หนุนจากการออกสินค้าใหม่ และรายได้ธุรกิจจัดจำหน่าย (Maxxcare's) คาดว่าจะฟื้นตัวได้ YoY หลังปัญหาใบอนุญาตนำเข้าคลี่คลาย

คำแนะนำและการประเมินมูลค่า

โบรกเกอร์ PI แนะนำ "ซื้อ" โดยให้มูลค่าพื้นฐาน 34.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ด้วย WACC 9.9% และ TG 2% เทียบเท่า 15xPE'26E หรือ -2SD ของค่าเฉลี่ยการซื้อขายในรอบ 5 ปี และคิดเป็นส่วนลด 50% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์และโรงพยาบาลในไทย สะท้อนความเสี่ยงจากธุรกิจในเมียนมา