บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
WHA Group: ผงาด Q2/2568 กำไรทะยาน 24% สู่ All-Time High ต่อเนื่องปีที่ 4
P/E 9.75 YIELD 5.92 ราคา 3.22 (0.00%)
WHA Group: ผงาด Q2/2568 กำไรทะยาน 24% สู่ All-Time High ต่อเนื่องปีที่ 4
1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**WHA รายงานผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่โดดเด่น โดยมีรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติอยู่ที่ 9,325 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
กำไรปกติ (Normalized Net Profit) อยู่ที่ 3,148 ล้านบาท เติบโต 24% สะท้อนถึงการเติบโตที่แข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ
Normalized EBITDA Margin อยู่ที่ 52% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 45% แสดงถึงประสิทธิภาพในการทำกำไรที่ยอดเยี่ยม
Net IBD to Equity อยู่ที่ 1.12 เท่า สะท้อนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท
2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม และพลังงาน
ในส่วนของโลจิสติกส์ บริษัทมีพื้นที่ New Project Net Rent เข้ามาถึง 123,000 ตารางเมตร และมี Award Project แล้วประมาณ 31,729 ตารางเมตร
ในส่วนของ Mobility ณ สิ้น Q2 มีรถที่ปล่อย Lease ไปแล้ว 372 คัน และมี Charger 53 แห่ง (53 Stations)
ในส่วนของนิคมอุตสาหกรรม มียอดขายที่ดินครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,105 ไร่ และมีการโอนที่ดิน 1,143 ไร่
ในส่วนของน้ำ มียอดขายน้ำในครึ่งปีแรก 80 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในส่วนของไฟฟ้า มี Secured PPA แล้วเป็น Equity Megawatt อยู่ที่ 991 เมกะวัตต์
3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงด้าน Supply ของรถ EV ที่ยังมีความล่าช้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเป้าหมายการเติบโตในธุรกิจ Mobility
นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงด้านการแข่งขันในตลาดนิคมอุตสาหกรรม และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศ
4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**บริษัทปรับลดเป้าหมายจำนวนรถ EV ที่จะปล่อยเช่าในปี 2568 ลงเหลือ 539 คัน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ Supply ที่ล่าช้า
บริษัทมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับ OEM Partner และขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม Bluechip End User เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงด้าน Supply
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป
5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**บริษัทตั้งเป้าที่จะสร้างผลประกอบการ All-Time High อีกครั้งในปี 2568 เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีเป้าหมาย Top Line ที่จะเติบโตกว่า 30-35% ไปอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท
บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวียดนาม ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่สำคัญและมีศักยภาพในการเติบโตสูง
บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainability) และมุ่งเน้นการสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นที่นาที 58:04**-
**ขายที่ดินครึ่งปีหลังวางเป้าหมายไว้กี่ไร่**
Backlog ล่าสุดตุลาคม มีอยู่ 1,400 ไร่ เป้าหมายขายที่ดินรวมทั้งปี 2,350 ไร่ เป็นไทยเยอะ และเวียดนามไปไม่ถึง 600 ไร่ และปรับลดลงมา
-
**ทิศทางลูกค้าในอนาคต ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไหน อุตสาหกรรมไหน ธุรกิจประเภทไหนที่มาแรง**
ลูกค้าที่ยังเข้ามาอยู่ ก็ยังอยู่ใน Sector ที่ Report นี่แหละครับ ก็ยังคงเป็น 4 กลุ่มหลัก Automotive เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ Consumer Product และ Sector ล่าสุดที่เข้ามาเยอะๆ คือ Data Center ก็ยังอยู่ใน 3-4 กลุ่มธุรกิจนี้ ลูกค้าสัญชาติก็จีนยังเข้ามาเยอะอยู่ แต่ประเทศอื่นๆ ก็ยังมีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
-
**บริษัทมองว่า Ecosystem ของ Data Center Hyperscaler ที่มีในไทยปัจจุบันพร้อมจะเป็น Hub ของเอเชียหรือยัง**
Ecosystem infrastructure อะไรต่างๆ ของประเทศไทยเหมาะสมมากในการตั้ง Hyperscale Data Center มีความพร้อมมากๆ ทั้งไฟทั้งน้ำ ตรงไฟเนี่ยก็ใช้คำพูดของลูกค้าที่บอกว่าประทับใจมากๆ เลยใน EEC ในเรื่องของความมั่นคงของกริต อันนั้น On top ของเรื่องที่เรามีกำลังการผลิตสำรองเยอะ แล้วก็ On top ของเรื่องที่ว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการพัฒนา Renewable เพิ่มเติมเพื่อตอบสนองเขาได้
-
**ประเมินการแข่งขันการย้ายฐานทั้งในไทย เวียดนามเป็นอย่างไร WHA จะขยายไปประเทศอื่นอีกหรือไม่**
สำหรับไทยกับเวียดนาม WHA เราถือว่าไทยกับเวียดนามในเชิงการตอบรับการเป็นฐานของ FDI เนี่ย เรา serve ลูกค้าที่ค่อนข้างต่างกลุ่มต่าง Requirement อุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้แรงงานเยอะๆ เนี่ยเวียดนามก็จะได้เปรียบอยู่แล้ว แต่สำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการ Infrastructure ที่ดี ต้องการเรื่อง Regulation ที่ค่อนข้างมั่นคง ต้องการเรื่อง Sustainability ที่มี Active มากๆ เนี่ย อันเนี้ยประเทศไทยก็มีความเหมาะสม ต้องการ Supply Chain ต้องการ Skill Labor อันเนี้ยประเทศไทยก็จะเหมาะสมในการตอบรับ เพราะฉะนั้นจริงๆ เรายังคิดว่าไทยกับเวียดนามสามารถโตไปด้วยกันได้นะในเชิง FDI
-
**โอกาสเติบโตของรายได้ 68-69 เท่าไหร่ อย่างไร**
Top Line ที่เป็นรายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติของปีนี้ เราตั้งเป้าว่าจะโต 35% จากปีที่แล้ว
-
**แผนของปีหน้าเป็นอย่างไร**
เดี๋ยวต้นปีเราคุยกันอีกทีนึงดีกว่าสำหรับแผนของปีหน้า
-
**จากการเข้ามาลงทุนใน Data Center อย่างมาก บริษัทประเมินความต้องการการใช้ไฟฟ้าในประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญที่ประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ในระยะใกล้และไกลข้างหน้า**
Data Center มี Demand เยอะมากๆ ที่เข้ามา แต่ว่าจริงๆ อันนี้ผมต้องเรียนเลยว่า การที่เขาจะขึ้นเป็นเฟสๆ อย่างไร อันนี้เนี่ยก็ขึ้นอยู่กับแผนของผู้ประกอบการแต่ละราย
-
**ในมุมมองของผู้บริหารประเทศไทยมีหรือควรต้องมีสิ่งใดเพิ่มที่จะทำให้เราเป็นผู้นำใน Region ได้คะ**
ผมขออนุญาตตอบในด้านของการเป็นฐานของ FDI ก่อนแล้วกัน ผมคิดว่าเรามีหลายอย่างที่เป็นจุดเด่นอยู่แล้ววันนี้ เรามี Infrastructure ที่ดี เรามี Supply Chain ในหลายๆ กลุ่มธุรกิจที่ดี แต่ว่าแน่นอนครับ สิ่งเหล่านี้เนี่ย เป็นบุญเก่าที่เราสร้างมา เราต้องสร้างบุญใหม่เพิ่มด้วย สร้าง Competitiveness ของเราเพิ่มมากขึ้น ในการ Upskill Reskill Labor การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ โดยเฉพาะยิ่งวันนี้เองเนี่ย เราได้ยินกันมาแล้วเรื่อง Tariff อะไรต่างๆ วันนี้ถึงจุดที่ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นมากๆ ที่เราจะต้องปรับปรุงโครงสร้าง reorganize อะไรต่างๆ ใน Efficiency ที่เราต้องทำ หาตลาดใหม่อะไรต่างๆ ที่เราคุยกันมานานละ วันนี้ถึงเวลาที่ต้องลงมือสร้างอย่างเต็มที่ เต็ม Speed เลย
-
**บริษัทมีมุมมองอย่างไรต่อการบังคับใช้ Rule of Origin Substantial Transformation**
เรื่อง Tariff เนี่ยครับยังมีตัวแปร ที่ยังไม่ออกมา ที่เรายังไม่รู้อีกนิดหน่อย แต่ อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญก็ได้อยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่เรารู้แล้ววันนี้เนี่ย ประเทศไทยมี Prospect ค่อนข้างดีเลย ด้วย Rate ที่ ที่รู้แล้ว สิ่งที่ยังไม่รู้ก็ยังเหลืออีก 2-3 ชิ้น ชิ้นนึงที่สำคัญคือตกลงว่า ทาง คู่ สำคัญ US China เนี่ยตกลงจบที่ Rate กันยังไง อันนี้ยังไม่รู้ อันที่ 2 ก็คือ เรื่องนี้แหละครับ ที่ถามมา Rule of Origin อะไรต่างๆ ตกลงจะจบอย่างไร จะจบเป็นเกณฑ์เดียวกันทุกประเทศทั่วโลกไหม อัตราเปอร์เซ็นต์ที่ถ้าใช้วัดเนี่ยจะเป็นตัวเดียวกันทุกประเทศ หรือจะเป็น Specific Country เปอร์เซ็นต์ ก็ยังไม่ทราบ
-
**WHA มีกระแสเงินสดเท่าไหร่ มีโอกาสซื้อกิจการอื่นหรือไม่**
วันนี้จากเป้าหมายของ Capex ที่เราเคยประกาศไว้ต้นปีประมาณ 20,000 ล้านบาท ทั้ง ทั้ง ทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจเนี่ยวันนี้ Revise ล่าสุดเนี่ยเราคิดว่าน่าจะไม่ถึง 20,000 นะครับ เพราะว่าหลายๆ ปัจจัย Mobility เมื่อกี้ผมพูดถึงแล้วว่าเราปรับลดเป้าลง Logistics เนี่ย การก่อสร้างโครงการเนี่ยเริ่มต้นช้ากว่าที่เราประเมินไว้ เพราะฉะนั้นตรงนี้ 20,000 ไม่น่าถึงนะครับ อาจจะมาสัก 16,000 - 18,000 อย่างไรก็ตามเนี่ยเราต้องบอกว่า Room ของเราเนี่ยเรานอกจาก Organic Growth เราก็ยังมี Room ให้ดู In Organic Growth ได้เสมอ
โดยสรุป, WHA Group ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ด้วยผลประกอบการที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีกำไรที่สูงขึ้น บริษัทกำลังมองเห็นโอกาสในการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม, บริษัทก็ต้องเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ที่จะต้องแก้ไขและจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว