สรุป Oppday KCC: เจาะลึกผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 และทิศทางอนาคต

P/E 9.55 YIELD 1.16 ราคา 2.40 (0.00%)

แน่นอนครับ นี่คือสรุปผลการดำเนินงานของ KCC จากงาน Oppday ไตรมาส 2 ปี 2568 ตามโครงสร้างที่คุณต้องการ:

สรุป Oppday KCC: เจาะลึกผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 และทิศทางอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ภาพรวม ณ มิถุนายน 2568 บริษัทมีพอร์ต NPL รวม 1,668 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกหนี้ Housing 300 ล้านบาท และลูกหนี้ Corporate 1,339 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี Corporate ที่อยู่ใน KCC Asset Recovery อีก 28 ล้านบาท บริษัทมีการซื้อหนี้เพิ่มในช่วงครึ่งปีแรก

เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ลูกหนี้โดยรวมลดลง โดยเฉพาะลูกหนี้ Corporate แม้ว่าในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ KCC AMC และ KCC Asset Recovery จะมีการซื้อลูกหนี้ NPL Corporate เพิ่มขึ้น 94 ล้านบาท แต่ลูกหนี้มีการจ่ายชำระเข้ามาค่อนข้างมาก บางส่วนปิดบัญชีและขายไป ทำให้ลูกหนี้ลดลง

ลูกหนี้ Housing ก็ลดลงเช่นกัน เนื่องจากการที่บริษัทไม่ได้ซื้อลูกหนี้ Housing เพิ่มเติม โดยกลยุทธ์ในปีนี้เน้นลูกหนี้ Corporate ที่มีหลักประกัน ทำให้ลูกหนี้ Housing ลดลง นอกจากนี้ลูกหนี้ Housing ยังมีการจ่ายชำระคืน และได้รับการคืนจากกรมบังคับคดี รวมถึงการรับโอนเป็น NPA บางส่วน

ลูกหนี้ส่วนใหญ่ยังคงเป็น Corporate คิดเป็น 82% รองลงมาคือ Housing ที่ 18% สัดส่วนใกล้เคียงกับสิ้นปี 2567

ลูกหนี้ Corporate ส่วนใหญ่มีหลักประกันอยู่ที่ 1,182 ล้านบาท โดยมีมูลค่าหลักประกันทั้งสิ้น 1,522 ล้านบาท ตัว Secure Loan Corporate มีมูลค่าลดลงเนื่องจากการปิดบัญชีลูกหนี้ Corporate รายใหญ่ สำหรับ Corporate ที่เป็น Clean Loan อยู่ที่ 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก December เนื่องจากการซื้อลูกหนี้ Corporate เพิ่มเข้ามา

ลูกหนี้ Corporate ที่เป็น Clean Loan ยังคงสามารถจ่ายชำระได้ตาม TDR และแผนฟื้นฟูที่ทำกับบริษัท สำหรับลูกหนี้ Housing มีหลักประกันอยู่ที่ 500 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทมีโอกาสในการขยายพอร์ตลูกหนี้ Corporate ที่มีหลักประกัน ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) เป็นโอกาสในการเพิ่มกระแสเงินสดและลดหนี้เสีย

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่อาจส่งผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทใช้การเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ (TDR) เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้และเพิ่มโอกาสในการได้รับชำระหนี้

การบริหารจัดการพอร์ตลูกหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นลูกหนี้ที่มีหลักประกันและมีศักยภาพในการสร้างรายได้

การติดตามสถานะลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพอร์ตลูกหนี้ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

บริษัทวางแผนที่จะขยายการลงทุนในลูกหนี้ Corporate ที่มีหลักประกัน และรักษาอัตราการเติบโตของรายได้และกำไร

บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยง และรักษาสภาพคล่องทางการเงิน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 28:50]

  1. **หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด**
    • **คำถาม:** หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 400 ล้านบาทในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทจะชำระคืนได้หรือไม่ เพราะการออกหุ้นกู้ในตลาดเริ่มยากขึ้น?
    • **คำตอบ:** บริษัทเตรียมเงินไว้เพื่อชำระแล้ว โดยมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ไม่ได้ออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อ Roll Over และจะชำระ 400 ล้านบาทก่อน แล้วค่อยมีการออกหุ้นกู้ใหม่
  2. **ที่มาของการถือครองหุ้น**
    • **คำถาม:** รบกวนเล่าที่มาของการถือครองหุ้นที่แสดงในงบการเงินว่าบริษัทมีการถือครองตราสารทุนอยู่ประมาณ 93 ล้านบาท ได้มาอย่างไร?
    • **คำตอบ:** KCC Asset Recovery ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ มีการเข้าไปซื้อหนี้ และได้หุ้นมาจากการแปลงหนี้เป็นทุน
  3. **การคำนวณต้นทุน**
    • **คำถาม:** การคำนวณต้นทุนเท่ากับตัวที่ธนาคารที่มีตัวหุ้นการบินไทยในการแปลงหนี้เป็นทุนที่ 2.5452 บาทหรือไม่?
    • **คำตอบ:** โดยปกติเวลาซื้อหนี้ เราซื้อที่ Discount อยู่แล้ว เพราะในส่วนของหนี้มี Term การชำระที่ค่อนข้างยาว (10 ปี) เราคำนวณตามผลตอบแทนที่ตั้งไว้ ดังนั้นจะ Discount จากที่ธนาคารถืออยู่แล้ว
  4. **สถานะลูกหนี้ภายใต้การบริหารของ KCCAR**
    • **คำถาม:** KCCAR มีลูกหนี้การค้าภายใต้การบริหารเท่าไหร่ ส่วนลดที่ได้รับกี่เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะได้รับชำระคืนภายในกี่ปี?
    • **คำตอบ:** มีประมาณ 5 ล้านเงินลงทุน ซื้อลูกหนี้การค้าไปก็ยังไม่ได้เยอะอะไร ส่วน Discount อยู่ที่ 30-40% เทอมชำระค่อนข้างสั้น ตามแผนฟื้นฟูทั้งหมด 4 ปี
  5. **ลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการบินไทย**
    • **คำถาม:** กลุ่มบริษัททั้งหมด (KCC AMC และ KCCAR) มีลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องกับการบินไทยอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่?
    • **คำตอบ:** ตัว KCC AMC ไม่มี มีแต่ KCCAR เงินลงทุนที่บอกไปก็อยู่ที่ประมาณ 100 กว่าล้านบาท
  6. **แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลัง**
    • **คำถาม:** แนวโน้มกำไรปกติในครึ่งปีหลังของปี 2568 จะสามารถโต Year-on-Year ได้หรือไม่ มีลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างเจรจาในปีนี้ที่มีโอกาสชำระหนี้บ้างหรือไม่?
    • **คำตอบ:** รายได้ครึ่งปีหลังอาจจะใกล้เคียง Year-on-Year ลูกหนี้ส่วนใหญ่ทำ TDR หรืออยู่ใน Process ขายทอดตลาด ลูกหนี้ที่ทำ TDR ไว้ก็ยังผ่อนชำระตาม TDR TDR เราจะไม่ยาว เต็มที่ก็ 3 ปี โอกาสปิดบัญชีขึ้นอยู่กับโอกาสว่าอันไหนที่คิดว่าสามารถหา Investor ได้ หรือหาแหล่ง Refinance ได้
  7. **สัดส่วนลูกหนี้ที่ตัดทุนหมดแล้ว**
    • **คำถาม:** บริษัทมีสัดส่วนลูกหนี้ที่ตัดทุนหมดแล้วไหม จำนวนเท่าไหร่ แล้วจะมีการรับรู้กำไรเข้ามามากขึ้นไหม?
    • **คำตอบ:** เนื่องจากของเราเป็น Corporate เป็นส่วนใหญ่ จะไม่เหมือนรายย่อยที่จะตัดต้นทุนเร็ว ส่วนใหญ่ถ้ารับรู้ Cash เข้ามาก็ไปตัดต้นทุน แต่เนื่องจาก Size ค่อนข้างใหญ่ เพราะงั้นจะรับรู้ทีเดียวก็เป็นก้อน สมมติทำ TDR ไว้ 2 ปี ก็ให้ผ่อนมา 2 ปี แล้ว Bullet ในก้อนสุดท้าย ช่วงที่ผ่อนมาก็ไปตัดทุน รับรู้รายได้แล้วก็ไปตัดทุน โอกาสที่จะตัดทุนหมดก่อนชำระก้อนสุดท้ายจึงน้อย
  8. **การใช้แหล่งเงินทุนในการซื้อหนี้**
    • **คำถาม:** ตัวที่เราซื้อหนี้ เราจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้สถาบันการเงิน หรือออกหุ้นกู้?
    • **คำตอบ:** ทั้งสองแหล่ง เรายังมีวงเงินกับสถาบันการเงินอยู่ และหลังจากชำระคืนหุ้นกู้ตอนเดือนตุลาคมแล้ว จะมีการออกหุ้นกู้หลังจากนั้น
  9. **แผนการใช้เงินจากการขายหุ้นการบินไทย**
    • **คำถาม:** ตัวหุ้นที่เรามี ที่ยังอยู่ในพอร์ตของเรา หากบริษัทมีการขายไปแล้ว จะนำกำไรหรือเงินลงทุนที่ได้จากการขายไปใช้ทำอะไรต่อ?
    • **คำตอบ:** คงใช้ในการขยายพอร์ต และดูเรื่องการชำระคืนหุ้นกู้ด้วย
  10. **เป้าหมาย Cash Collection ครึ่งปีหลัง**
    • **คำถาม:** สำหรับครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทตั้งเป้าตัว Cash Collection ไว้เท่าไหร่?
    • **คำตอบ:** Cash Collection เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี 600 ล้านบาท ครึ่งแรกทำได้ 400 กว่าล้านบาท ก็คิดว่าอีก 100 กว่าถึง 200 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีหลัง
  11. **การบริหารหนี้เสีย**
    • **คำถาม:** ช่วงที่เหลือของปี จะมีลูกหนี้มาปิดบัญชีหนี้เสียอีกหรือไม่ และปีหน้ามีแผนจะให้ลูกหนี้มาปิดบัญชีเพิ่มอย่างไร?
    • **คำตอบ:** ลูกหนี้เราตอนนี้ทำ TDR ไว้เป็นส่วนใหญ่ อีกส่วนหนึ่งคือรอการขายทอดตลาด หรือเป็น NPA เรามีการติดตามอยู่ตลอด คนที่ทำ TDR ก็ยังเดินไปตาม TDR เราพยายามหาช่องทางเพื่อประโยชน์ของทั้งลูกหนี้เองและของเราเอง ถ้าลูกหนี้สามารถปิดบัญชีได้เร็วขึ้น หรือเรื่องการขายทรัพย์ในกรมบังคับคดีก็เช่นกัน เราก็พยายามหา Investor เข้ามาซื้อ
  12. **เป้าหมายรายได้และกำไรปีหน้า**
    • **คำถาม:** ปีหน้ามีการตั้งเป้ารายได้และกำไรเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์?
    • **คำตอบ:** สำหรับปีหน้าจะต้องอัปเดตในช่วงปลายปี เพราะรายได้ส่วนใหญ่จะสะท้อนตามลูกหนี้พอร์ตใหม่ที่เรามี
  13. **แหล่งเงินทุนในการซื้อหนี้**
    • **คำถาม:** ตัวที่เราซื้อหนี้ เราจะใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้สถาบันการเงินหรือออกหุ้นกู้?
    • **คำตอบ:** ทั้งสองแหล่ง เรายังมีวงเงินกับสถาบันการเงินอยู่ และหลังจากชำระคืนหุ้นกู้ตอนเดือนตุลาคมแล้ว จะมีการออกหุ้นกู้หลังจากนั้น
  14. **ผลกระทบจากดอกเบี้ยลดลง**
    • **คำถาม:** จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลง ต้นทุนทางการเงินจะมีผลกระทบหรือจะลดลงหรือไม่?
    • **คำตอบ:** แหล่งเงินของเราก็มาจากสถาบันการเงินเหมือนกัน หุ้นกู้ก็เหมือนกัน สิ่งที่เห็นก็คือถ้าดอกเบี้ยธนาคารลดลง ต้นทุนทางการเงินตัวนี้ก็จะลดลง ตอนนี้เรายังมีหุ้นกู้กับสถาบันการเงินอยู่ 100 กว่าล้านบาท ก็ลดลงตามที่แบงก์ลดดอกเบี้ย ในส่วนของหุ้นกู้เองส่วนใหญ่คือที่ออกมาแล้วก็จะฟิกไป สิ่งที่แนวโน้มที่จะออกใหม่มันก็เป็นตามทิศทางดอกเบี้ย
  15. **ผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น**
    • **คำถาม:** บริษัทมองว่าจะส่งผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นผ่านเงินปันผลหรือทางไหนเป็นหลัก?
    • **คำตอบ:** เราพิจารณาทั้งในเรื่องเงินปันผล เราก็มีพิจารณาอยู่ตลอด ช่วงที่ผ่านมาเราก็ปันผลต่อเนื่อง ปีนี้ก็มีปันผลกลางปี ก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของแต่ละปี และแผนงานในการขยายพอร์ต เพื่อที่จะสร้างตัวผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้น หรือ ROE อะไรอย่างนี้ ให้มันอยู่ในระดับที่เราคิดว่าเหมาะสม
  16. **แผนการขายหุ้น KCCAR**
    • **คำถาม:** หุ้นที่บริษัทถือ คืนอาจจะอยู่ในช่วง Silent Period ในกรณีที่หมดช่วงนั้น บริษัทมีแผนในการขายหุ้นหรือว่าเก็บเงินปันผลไว้?
    • **คำตอบ:** Silent Period เนี่ยทั้งหมด 6 เดือน 6 เดือนแรกเนี่ย 25% อีก 6 เดือนที่เหลือ 75% เพราะงั้นเรื่องแผนการขายหรือเก็บไว้ลงทุนอะไรต่างๆ เนี่ย ให้ใกล้ช่วงที่เราจะหมด Silent Period นะครับ ก็คงมีการคุยกันว่าจะทำอย่างไร
  17. **แผนการซื้อหนี้เสีย**
    • **คำถาม:** หุ้นกู้ NPL หลายไลน์ บริษัทมีแผนจะซื้อไหม?
    • **คำตอบ:** เราก็ศึกษาอยู่ในหลายๆไลน์ ก็มีความเป็นไปได้ ถ้าเราศึกษาแล้วเราคิดว่าหุ้นเหล่านั้นมีโอกาสที่จะเทิร์น around ได้ หรืออะไรต่างๆ

โดยสรุปแล้ว ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 KCC สามารถสร้างผลงานได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดเก็บหนี้เสีย (Cash Collection) ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่บริษัทก่อตั้งมา อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายและความเสี่ยงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและตลาดการเงิน ซึ่งบริษัทจะต้องบริหารจัดการอย่างรอบคอบเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้

โพสต์ล่าสุด