TLI
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday ไทยประกันชีวิต (2567): ทิศทาง, กลยุทธ์, และโอกาสในยุคเศรษฐกิจผันผวน

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

เศรษฐกิจไทยปี 2567 เติบโต 2.5% จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ยังขยายตัวได้ แม้จะในอัตราที่ลดลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย เบี้ยประกันภัยรับรวมในอุตสาหกรรมยังเพิ่มขึ้น 3.2% แสดงถึงความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตและสุขภาพที่ยังดี

ครึ่งปีแรก ความต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทความคุ้มครองเพิ่มขึ้น สัดส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทความคุ้มครองปรับเพิ่มขึ้นจาก 13.7% ในปี 66 เป็น 20.6% แต่ในช่วงหลังของปี เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มลดลง ความต้องการผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทสะสมทรัพย์มากขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนแบบคงที่

บริษัทสามารถสร้างมูลค่ากำไรธุรกิจใหม่ (VNB) มากกว่า 7,300 ล้านบาท โดยกว่า 70% มาจากช่องทางตัวแทน VNB เติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีที่ 24.9% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 11,700 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 20.4% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กำไรมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท กำไรจากการรับประกันภัยยังดี แม้สินไหมค่ารักษาพยาบาลจะสูงขึ้น

กำไรจากการลงทุนเติบโตชัดเจนจากภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศที่ขยายตัวได้ดีและการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ลงทุนที่เหมาะสมของบริษัท อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานต่อมูลค่าพื้นฐานของกิจการอยู่ที่ 9.8% มูลค่าพื้นฐานของกิจการเติบโตถึง 12.6% เป็น 188,800 ล้านบาท หรือคิดเป็นต่อหุ้นคือ 15.8 บาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทยังคงมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า พร้อมกับขับเคลื่อนธุรกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืนที่มุ่งเน้นส่งมอบคุณค่าให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคน

การมุ่งเน้นกลยุทธ์นำเสนอผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางการขายที่หลากหลาย ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทุกรูปแบบและครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัล โดยเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชันสนับสนุนการขายและการให้บริการหลังการขาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตัวแทน พัฒนากระบวนการสรรหาตัวแทนใหม่ ๆ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ลูกค้า

บริษัทตั้งใจที่จะปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง เช่น ผลิตภัณฑ์ประเภทความคุ้มครองและสัญญาเพิ่มเติม เพื่อตอบสนองแนวโน้มความต้องการของลูกค้า ลูกค้ายังคงมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุมและความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากลูกค้าเริ่มมั่นใจต่อภาวะตลาดทุน บริษัทคาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมเงินปันผลและผลิตภัณฑ์ควบการลงทุนจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ความท้าทาย อาทิ ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปสนใจผลิตภัณฑ์ประเภทรับประกันผลตอบแทน ซึ่งมีอัตรากำไรต่ำกว่าอัตรากำไรเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัท รวมถึงสถานการณ์หนี้ครัวเรือนในประเทศที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลต่อยอดขายประกันชีวิตประเภทคุ้มครองสินเชื่อ

ปัจจัยภายนอกหลายอย่างทำให้บริษัทต้องปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน แต่บริษัทยังเชื่อมั่นว่าความสามารถในการปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ไทยประกันสามารถมีผลการดัน การดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องได้ในระยะยาว

นโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่เข้มงวดขึ้น ส่งผลต่อบริษัทในแง่ของยอดขายกรมธรรม์ประเภทคุ้มครองสินเชื่อ การขายสินค้าประเภทรับประกันผลตอบแทนเพิ่มขึ้นตามความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า หลังจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวลดลง กดดันยอดขายและอัตรา VNB Margin ของบริษัทในปี 2567

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทได้เตรียมความพร้อมให้กับตัวแทนเพื่อเป็น Life Solution Partner โดยเสริมทักษะการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการจัดการข้อมูลเพื่อส่งเสริมบริการ นอกจากนี้ บริษัทได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อยกระดับประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า

บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการยกระดับแพลตฟอร์มเพื่อตอบสนองต่อการดำเนินงานของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยสำคัญคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานและระบบปฏิบัติงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพและเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านข้อมูล เพื่อต่อยอดสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

บริษัทได้นำมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับใหม่ TFRS17 และ TFRS9 มาปรับใช้ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เพื่อให้การจัดประเภทสินทรัพย์สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทคาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงจะกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ลูกค้าเองยังคงมองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุม ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว หากลูกค้าเริ่มมั่นใจต่อภาวะตลาดทุน บริษัทคาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์แบบมีส่วนร่วมเงินปันผลและผลิตภัณฑ์ควบการลงทุนจะกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

บริษัทให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แนวคิดริเริ่มต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ถูกถ่ายทอดและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ด้านประสบการณ์ของลูกค้า บริษัทมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการดูแลด้วยหัวใจและตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละบุคคลผ่าน phygital experience ซึ่งเป็นการผสมผสานกันระหว่าง physical และ digital ลูกค้ามีประสบการณ์ต่อเนื่องแบบไร้รอยต่อในทุก ๆ touchpoint ของเรา

บริษัทตั้งใจจะส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล และปรับเปลี่ยนได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต ทุกเหตุการณ์ของชีวิต และเติมเต็มทุกลฟ์สไตล์ รวมทั้งยกระดับการบริการที่ครอบคลุมและรอบด้าน ทั้งสุขภาพ ความมั่นคงทางการเงิน การดูแลชีวิตหลังเกษียณ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 31:58
  1. คำถาม: ด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทางบริษัทจะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์แบบไหนให้ตอบโจทย์บ้าง
    1. คำตอบ: เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูง บริษัทเข้าใจว่าลูกค้ามีความต้องการความเสี่ยงที่ต่ำลง บริษัทจึงมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์สะสมทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่การันตี ในขณะเดียวกันก็ยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน และส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ามีส่วนร่วมในเงินปันผล เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทให้ความคุ้มครอง โดยเฉพาะประกันสุขภาพ เพราะคาดว่าจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพใหม่ในเดือนนี้ และเชื่อว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในปี 2568
  2. คำถาม: แนวโน้มปี 68 มองผลการดำเนินงานจะเติบโตจากปีก่อนอย่างไรบ้าง และตัวกำไรสุทธิจะเติบโตต่อได้หรือไม่ จากปัจจัยหนุนใดบ้าง
    1. คำตอบ: บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีการคุ้มครอง และในปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลก็มีการสูงขึ้น ดังนั้นความต้องการของลูกค้าคืออยากจะซื้อความคุ้มครอง บริษัทได้มีการออกผลิตภัณฑ์ในลักษณะนี้ให้กับลูกค้า โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทและลูกค้า ซึ่งเรียกว่า VNB (มูลค่าของธุรกิจใหม่) ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตในปีนี้ด้วย จากการเน้นขายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าทำให้ VNB สูงขึ้น ในมาตรฐานบัญชีใหม่ที่เป็น IFRS17 ก็จะสะท้อนในงบกำไรขาดทุน เมื่อไหร่ที่เราขายผลิตภัณฑ์ที่มีกำไร ตัวรายได้และกำไรสุทธิของเราก็จะสูงขึ้น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทก็ทำให้ช่องทางการขายมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางตัวแทน ที่มีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมีการเสริมความรู้เพิ่มเติม เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ ช่องทางการขาย และดิจิทัล จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า และมีการตั้งเป้าว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
  3. คำถาม: ในช่วงดอกเบี้ยกำลังเข้าสู่ขาลง บริษัทมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนหรือไม่ อย่างไร
    1. คำตอบ: กลยุทธ์การลงทุนหลักของบริษัทยังเน้นสำหรับการลงทุนระยะยาว เพื่อให้สอดคล้องกับภาระหนี้ตามสัญญาประกันภัย การผันผวนของอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้นอาจจะไม่ได้มีผลต่อการปรับสัดส่วนการลงทุนของบริษัทมากนัก เงินลงทุนในตราสารหนี้หรือตราสารทุน สัดส่วนน่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีที่ผ่านมาเยอะ แต่ว่าข้างในรายละเอียดของแต่ละสินทรัพย์อาจจะมีการรีบาลานซ์พอร์ตเพื่อให้สอดคล้องตามภาวะตลาดอยู่บ้าง ในทีมเราเห็นแนวโน้มว่าอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ได้มีการทำ forward contract คือทำสัญญาซื้อล่วงหน้าตราสารหนี้ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งในงบการเงินก็จะสามารถเห็นได้ว่าเรามี exposure ของการทำสัญญาล่วงหน้าดังกล่าวนี้ในจำนวนค่อนข้างมาก แนวโน้มจึงทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าอัตราผลตอบแทนที่เราจะได้จากการลงทุนในตราสารหนี้อาจจะไม่แตกต่างไปจากปี 2567 มาก
  4. คำถาม: ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ จะมีดีมานด์การทำประกันสุขภาพสูงจากนโยบาย co-payment แต่ช่วงเวลาที่เหลือของปี ดีมานด์น่าจะกลับมาเป็นปกติ บริษัทมีกลยุทธ์อย่างไรในช่วงที่เหลือของปี
    1. คำตอบ: นโยบาย co-payment มีขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ประกันสุขภาพใช้บริการอย่างเหมาะสม โดยผู้ที่มีการเคลมค่ารักษาพยาบาลบ่อยครั้งจากโรคที่ไม่ร้ายแรง จะต้องจ่ายค่ารักษาส่วนหนึ่งเองในครั้งต่อไป นโยบายนี้เป็นความร่วมมือของบริษัทประกันชีวิตหลายแห่ง เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของธุรกิจประกันสุขภาพ บริษัทคาดว่านโยบายนี้จะทำให้ผู้คนตัดสินใจซื้อประกันสุขภาพก่อนที่นโยบายจะมีผลบังคับใช้จริง ทำให้ความต้องการประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1 แต่ก็เชื่อว่าความต้องการนี้จะไม่ยืดเยื้อไปจนถึงครึ่งปีหลัง เพราะผู้ที่ซื้อประกันคือผู้ที่มีความต้องการอยู่แล้ว บริษัทจะยังคงตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และทำการตลาดเพื่อส่งเสริมประกันสุขภาพต่อไปตลอดทั้งปี 2568
  5. คำถาม: ช่วยอธิบายเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนเครื่องมือการลงทุน ที่ทำให้กำไรจากการลงทุนปรับตัวสูงขึ้น
    1. คำตอบ: บริษัทมีเงินลงทุนในหน่วยลงทุนต่างประเทศในสัดส่วนที่ค่อนข้างเยอะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ ซึ่งลงทุนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลานาน เมื่อมาตรฐานบัญชีฉบับเก่าอนุญาตให้การลงทุนในกองทุนรวมสามารถเป็น available for sale ได้ ความผันผวนของราคาตลาดจะไม่ส่งผลกระทบต่องบกำไรขาดทุนของบริษัท แต่พอต้องเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ที่บังคับใช้ TFRS9 เต็มฉบับ กองทุนรวมจะไม่ถูกอนุญาตให้อยู่เป็นตราสาร fair value ของตราสารของราคาประเมินของตราสารทุน ความผันผวนจะ pass through ไปในงบกำไรขาดทุนของบริษัทเลย บริษัทมองว่ามันไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นลงทุนตราสารทุนเพื่อการลงทุนระยะยาว บริษัทก็จึงหาเครื่องมือใหม่ที่เหมาะกับการลงทุนและสอดคล้องกับกลยุทธ์มากกว่า คือการลงทุนผ่านสัญญาว่าจ้างผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือทางการเงินทำให้เราจะต้องขายกองทุนรวมที่เราเคยมี แล้วก็ถือมาอยู่ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนไปเป็นตามสัญญาว่าจ้าง ทำให้มีกำไรจากการลงทุนค่อนข้างมากในปี 2567
  6. คำถาม: กลยุทธ์การลงทุนหลังเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไร
    1. คำตอบ: คล้ายๆ กับที่ตอบไปก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง กลยุทธ์การลงทุนของบริษัทยังเน้นการลงทุนระยะยาว ให้สอดคล้องกับตัว liability profile หรือกระแสเงินที่เราต้องจ่ายคืนผู้ถือกรมธรรม์ มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุน สัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน ยังมีลักษณะเหมือนกับที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าเครื่องมือในการลงทุน โดยเฉพาะในการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อย่างที่อธิบายก่อนหน้านี้ คือเปลี่ยนจากกองทุนรวมมาเป็น เป็นสัญญาว่าจ้างบริหาร

โดยสรุป, ไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป, การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า, การพัฒนาช่องทางการขายและบริการ, และการบริหารจัดการการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ. แม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง, แต่บริษัทก็ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว.