สรุปงบล่าสุด PQS

บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการหุ้น PQS: บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) ปี 2567 (อัปเดต)
บทความนี้สรุปผลการดำเนินงานของ บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) (PQS) ในปี 2567 โดยเน้นที่ผลการดำเนินงานรายไตรมาส และภาพรวมตลอดปี พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
**1. สรุปรายได้รวม:**
ในปี 2567 บริษัทมีรายได้รวม 2,749.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 345.6 ล้านบาท หรือ 14.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรสุทธิ 241.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.3 ล้านบาท หรือ 77.5% จากปีก่อนหน้า อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8.8% ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตนี้มาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขายแป้งมันสำปะหลัง แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยจะลดลง ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังที่ลดลง และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
ในไตรมาส 4/2567 บริษัทมีรายได้รวม 669.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า รายได้จากการขายรวมลดลง 13.1% (100.9 ล้านบาท) เนื่องจากการลดลงของปริมาณขายแป้งมันฯ ราว 3.4% จากลูกค้าที่ชะลอคำสั่งซื้อ และราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลงมากกว่า 10% ในทางกลับกัน รายได้จากการขายไฟฟ้าในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 107.0% (4.1 ล้านบาท) จากการเปิดดำเนินการบ่อหมักก๊าซตามปกติ กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 33.3 ล้านบาท ลดลง 56.9% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และลดลง 58.9% จากไตรมาสก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ 2 แห่ง ได้แก่ โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรที่จังหวัดมุกดาหาร
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มการฟื้นตัว โดยภาคการส่งออกมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยรวมทั้งปี 2567 ยอดการส่งออกรวมเพิ่มขึ้น 5.4% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงกดดันการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 จะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่น เศรษฐกิจโลกชะลอตัว นโยบายกีดกันการค้า และปัจจัยฐานสูงในปี 2567 ที่ขยายตัวมากกว่า 5%
ในส่วนของอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลัง การส่งออกไปยังตลาดหลักอย่างจีนมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย แต่การส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับปี 2566 และราคาตลาดของแป้งมันสำปะหลังส่งออกที่มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อคิดเป็นเงินบาท
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**
* **รายได้จากการขาย:** เพิ่มขึ้น 16.6% YoY จาก 2,325.4 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 2,710.6 ล้านบาทในปี 2567 โดยรายได้หลักมาจากการขายแป้งมันสำปะหลัง ในไตรมาส 4/2567 ลดลง 13.1% QoQ
* **ต้นทุนขาย:** เพิ่มขึ้น 7.0% YoY จาก 1,999.4 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 2,139.4 ล้านบาทในปี 2567 แม้ว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาวัตถุดิบต่อหน่วยที่ถูกลงกว่าปีก่อนส่งผลให้ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่ายอดขาย ในไตรมาส 4/2567 ลดลง 13.0% QoQ
* **กำไรขั้นต้น:** เพิ่มขึ้น 75.2% YoY จาก 326.1 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 571.2 ล้านบาทในปี 2567 เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** เพิ่มขึ้นจาก 14.0% ในปี 2566 เป็น 21.1% ในปี 2567 ในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 20.9% ลดลงเล็กน้อยจาก 21.0% ในไตรมาสก่อนหน้า
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** เพิ่มขึ้น 37.8% YoY จาก 234.4 ล้านบาทในปี 2566 เป็น 322.9 ล้านบาทในปี 2567 โดยค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นตามยอดขายสินค้าที่ส่งออก และค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นตามการขยายกำลังการผลิต ในไตรมาส 4/2567 เพิ่มขึ้น 31.1% QoQ
* **อัตรากำไรสุทธิ:** เพิ่มขึ้นจาก 5.7% ในปี 2566 เป็น 8.8% ในปี 2567 ในไตรมาส 4/2567 ลดลงมาอยู่ที่ 4.9%
* **กำไรสุทธิต่อหุ้น:** เพิ่มขึ้น 77.5% YoY จาก 0.21 บาท เป็น 0.38 บาท
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน:**
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,981.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากสิ้นปี 2566 สินทรัพย์หมุนเวียนลดลงเล็กน้อย ในขณะที่สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการลงทุนในโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรที่จังหวัดมุกดาหาร และโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังที่จังหวัดกาฬสินธุ์
หนี้สินรวมอยู่ที่ 795.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.7% จากสิ้นปี 2566 โดยหนี้สินหมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็นหลักจากเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงิน
ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,186.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4% จากสิ้นปี 2566 จากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้น
**5. งบกระแสเงินสด:**
ในปี 2567
* เงินสดรับสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน: 295.6 ล้านบาท
* เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน: 608.6 ล้านบาท (ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร)
* เงินสดรับสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน: 189.0 ล้านบาท (ส่วนใหญ่มาจากการกู้ยืม)
ส่งผลให้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงสุทธิ 124.0 ล้านบาท เหลือ 466.5 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567
**6. อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ:**
* อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE): 11.67% (ปี 2566) -> 14.4% (ปี 2567)
* อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA): 7.0% (ปี 2566) -> 9.8% (ปี 2567)
* อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio): 0.2 (ปี 2566) -> 0.4 (ปี 2567)
**7. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**
* **ปัจจัยความเสี่ยง:** ความผันผวนของราคาหัวมันสำปะหลังสด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต รวมถึงภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการแป้งมันสำปะหลัง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น
* **โอกาสในการลงทุน:** การขยายตลาดส่งออก การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (แป้งมันสำปะหลังดัดแปร) และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
**พัฒนาการสำคัญ:**
* การเปิดโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 30%
* การเปิดโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรที่จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างโอกาสในการเติบโตในระยะยาว
* การได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการประจำปี 2567 ในระดับ 4 ดาว หรือ “ดีมาก” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)
* การได้รับการรับรองเป็นสมาชิก CAC เพื่อการต่อต้านการทุจริต
**ผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน:**
บริษัทมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนใน 3 มิติ ได้แก่ ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), ด้านสังคม (Social) และด้านการกำกับดูแล (Governance) โดยมีโครงการและกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดการทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและพนักงาน และการกำกับดูแลกิจการที่โปร่งใส มีจริยธรรมและความรับผิดชอบ
**แนวโน้มอนาคต:**
บริษัทคาดว่าในปี 2568 แป้งมันสำปะหลังดัดแปรจะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นราว 10% ของยอดขายรวมในปี 2567 และในอนาคตจะเป็นสินค้าสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกมันสำปะหลัง เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอสำหรับป้อนเข้าโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง
**8. สรุปสั้นท้ายสุด:**
PQS มีผลประกอบการที่แข็งแกร่งในปี 2567 แม้ว่าไตรมาส 4 จะมีกำไรลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจ แต่โดยรวมแล้วรายได้และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และการเติบโตของปริมาณขาย การเปิดโรงงานใหม่ 2 แห่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความผันผวนของราคาวัตถุดิบและภาวะเศรษฐกิจโลกอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
(14.86%)
(5.30%)
(13.64%)
(9.77%)
(1.44%)
(4.24%)
(31.08%)
(74.40%)
(63.64%)
(61.88%)
(94.12%)
(40.67%)