สรุปงบล่าสุด PHG

บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทสรุปผลประกอบการ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (PHG) ปี 2567
**ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567**
บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (PHG) รายงานผลประกอบการปี 2567 โดยมีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 2,273.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.32% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้ 2,137.96 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 252.24 ล้านบาท ลดลง 2.79% จากปี 2566 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 259.47 ล้านบาท
**ปัจจัยขับเคลื่อนและสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ**
การเติบโตของรายได้มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มลูกค้าทั่วไป อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์ประเภทผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (AdjRW>=2) ของสำนักงานประกันสังคม ซึ่งส่งผลให้รายได้จากประกันสังคมลดลง 18.45 ล้านบาท ในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2566 และ 39.71 ล้านบาท ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงธันวาคม 2567 การปรับลดอัตราค่าบริการดังกล่าวได้ถูกปรับปรุงในงบการเงินปี 2567 แล้ว
ถึงแม้ว่าข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงไตรมาสล่าสุดจะไม่ได้ระบุไว้ในเอกสาร แต่โดยทั่วไปแล้ว ธุรกิจโรงพยาบาลอาจได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินงาน และการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการเงินที่อาจกระทบต่อความสามารถในการลงทุนของบริษัทฯ
**การวิเคราะห์รายได้และกำไร**
ต้นทุนในการประกอบกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 11.11% เป็น 1,738.44 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์และพนักงานที่เพิ่มขึ้น 79.90 ล้านบาท และค่ายาและวัสดุทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น 45.99 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของต้นทุนเหล่านี้สอดคล้องกับการเติบโตของการเข้าใช้บริการของผู้ป่วย รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี และการปรับค่าแรงขั้นต่ำตามกฎหมาย
ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 9.74 ล้านบาท เป็น 21.08 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าโฆษณา การทำการตลาด และค่าคอมมิชชั่นสำหรับ Agency ในการส่งต่อผู้ป่วย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 13.33 ล้านบาท เป็น 237.00 ล้านบาท เนื่องจากการลดลงของค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
อัตรากำไรสุทธิสำหรับปี 2567 อยู่ที่ 11.10% ลดลงจากปี 2566 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับอัตราค่าบริการทางการแพทย์ของประกันสังคม และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนในการประกอบกิจการโรงพยาบาล
**ฐานะทางการเงิน**
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 2,420.81 ล้านบาท โดยสินทรัพย์หลักประกอบด้วย เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (5.33%), ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้หมุนเวียนอื่น (6.09%), รายได้ค่าบริการทางการแพทย์ค้างรับ (7.26%), สินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น (37.84%), และที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (37.48%)
หนี้สินรวมอยู่ที่ 368.48 ล้านบาท คิดเป็น 15.22% ของหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวม โดยหนี้สินหลักประกอบด้วย เจ้าหนี้การค้าและเจ้าหนี้หมุนเวียนอื่น (12.06%) และหนี้สินผลประโยชน์พนักงาน (1.94%) ส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 2,052.33 ล้านบาท คิดเป็น 84.78% ของหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวม
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) สามารถคำนวณได้โดยการหารหนี้สินรวมด้วยส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งในกรณีนี้คือ 368.48 / 2,052.33 = 0.18 เท่า แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการชำระหนี้ได้ดี
**กระแสเงินสด**
เอกสารไม่ได้ระบุข้อมูลเกี่ยวกับกระแสเงินสดโดยละเอียด อย่างไรก็ตาม การมีกำไรสุทธิ 252.24 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เป็นบวก ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการลงทุน และการบริหารจัดการหนี้สินได้
**ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาส**
**ปัจจัยความเสี่ยง:**
* การเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับลดอัตราค่าบริการทางการแพทย์
* การแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาล
* ความผันผวนของเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้บริการทางการแพทย์
**โอกาส:**
* การเติบโตของประชากรสูงวัยและความต้องการบริการทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น
* การขยายสาขาและการพัฒนาบริการใหม่ๆ
* การเป็นพันธมิตรกับบริษัทประกันและองค์กรอื่นๆ
**แนวโน้มอนาคต**
แนวโน้มอนาคตของ PHG ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุน การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ และการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในเทคโนโลยีทางการแพทย์และบุคลากรที่มีคุณภาพจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตในระยะยาว
**สรุปความสัมพันธ์ของปัจจัยสำคัญ**
รายได้ที่เพิ่มขึ้น 6.32% เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้าทั่วไป แต่การปรับลดอัตราค่าบริการของประกันสังคมส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการขยายการบริการและการปรับขึ้นค่าแรง ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วย D/E Ratio ที่ต่ำ แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สินได้ดี การควบคุมต้นทุนและการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการเติบโตของกำไรในอนาคต
**โดยรวมแล้ว PHG ยังคงเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต แต่ต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารจัดการต้นทุนและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของภาครัฐ การลงทุนใน PHG ควรพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสอย่างรอบคอบ**
(10.97%)
(48.43%)
(27.32%)
(60.10%)
(18.34%)
(22.61%)
(8.93%)
(55.49%)
(34.25%)
(59.55%)
(58.17%)
(62.58%)