BTG
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

BTG โชว์ผลงาน Q3/2568 กำไรโตต่อเนื่อง เดินหน้าขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ

สวัสดีค่ะนักลงทุนทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่ Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 วันนี้เรามาพบกับบริษัท เบทาโกร จำกัด มหาชน หรือชื่อย่อว่า BTG สำหรับผู้ที่นำเสนอในวันนี้ก็จะมีทั้งหมด 2 ท่านค่ะ ท่านแรก คุณปาป วิภู พัฒนภูมิไทย เจ้าหน้าที่ อาวุโส นักลงทุนสัมพันธ์ และดิฉัน นางสาว อนันตยา พวงศร เจ้าหน้าที่อาวุโส นักลงทุนสัมพันธ์ค่ะ

สำหรับ Agenda ในวันนี้มีทั้งหมด 5 เรื่องด้วยกัน

  1. Executive Summary
  2. Strategic Focus on International Business
  3. Thailand Food Business Highlight
  4. Animal Nutrition and New Venture Highlight
  5. Financial Highlight

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยปิดกำไรมาที่ 1,166 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาของปีก่อนประมาณ 19% เหตุผลหลักๆ มาจาก 3 เรื่อง คือ

  1. ปริมาณการขายที่เพิ่มมากขึ้น
  2. ผลประโยชน์จากการที่ราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับลดลง
  3. การควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสที่แล้ว (ไตรมาส 2) มีผลกำไรสุทธิที่ปรับลดลงประมาณ 55% หลักๆ เป็น 2 เหตุผล คือ

  1. ราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับลดลง เป็นผลจากแรงงานกัมพูชาที่ขาดแคลน
  2. สภาพอากาศที่ฝนตกและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อความต้องการบริโภค

ในภาพรวม 9 เดือน บริษัทมีกำไรทั้งสิ้น 5,658 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อน มากกว่า 200% ถือว่าเป็นปีที่ดีปีหนึ่งของเบทาโกร

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

ทางบริษัทให้ความสำคัญในเรื่องของการทำธุรกิจควบคู่ไปกับสิ่งแวดล้อม ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มอบคะแนนการประเมินความยั่งยืนในระดับสูงสุด (ที่เปิ้ลเอ) ให้กับบริษัทเมื่อปีที่แล้ว โดยเป้าหมายของแต่ละด้านมี 3 เรื่องหลัก คือ Environment, Social, และ Governance

  1. Environment: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2573 ให้ได้ประมาณ 20% และเป้าหมายระยะยาวสูงสุดคือการปล่อยเป็น Net Zero ในปี 2593
  2. Social: ตั้งเป้าอุบัติเหตุจากการทำงานต้องเป็นศูนย์ในปีหน้า และใส่ใจในความเป็นอยู่และความปลอดภัยในการทำงานของพนักงาน
  3. Governance: สามารถ Achieve ได้ตามเป้าในทุกๆ ด้านที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการทำเรื่อง CAC ที่ตั้งเป้าให้เป็นระดับ 3 ดาว หรือ CGR Score ที่มุ่งมั่นที่จะไประดับ 5 ดาว

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ความเสี่ยงหลักที่บริษัทเผชิญคือราคาเนื้อสัตว์ที่ผันผวน, ปัญหาแรงงานกัมพูชา, และสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

  1. การแปรรูปสุกรมากขึ้น เพื่อลดความผันผวนของราคาและเพิ่ม Shelf Life
  2. การหาซัพพลายเออร์จากแหล่งอื่น เช่น เวียดนาม
  3. การหาแรงงานใหม่มาทดแทนแรงงานกัมพูชาที่กลับประเทศ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

แนวโน้มในไตรมาส 4 คาดว่าราคาหมูจะยังคงเป็นเทรนด์ที่ขาขึ้นต่อไป เพราะยังมีมาตรการจากทางภาครัฐที่รออยู่ ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง หรือเข้าสู่ช่วง High Season และปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศมากขึ้น

บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ประเทศในกลุ่ม CLM (กัมพูชา, ลาว, พม่า) และกลุ่มอาเซียน

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 32:15]

Q: ไตรมาส 3 ราคา สุกรในประเทศที่ลดลงไปส่งผลกระทบต่อ Cross margin หรือเปล่าของบริษัทอย่างไร และเรามีวิธีการจัดการในเรื่องนี้ยังไง

A: ราคาสุกรที่มีการปรับลดลงมาเนี่ยก็ส่งผลกระทบต่อตัวกำไรของบริษัท อย่างไรก็ตามการจัดการของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาเนี่ย เรามีการแปร รูป ตัวสุกรมากขึ้น เพราะเนื่องจากว่าการแปร รูป ชิ้นส่วนสุกรเนี่ยมันจะช่วยในเรื่องของการลดความผันผวนของราคาอันที่ 1 และอันที่ 2 เลยเนี่ยก็คือตัว Shelf Life เนี่ยมันจะมีมากกว่าตัวที่เป็น Life stock

Q: ปริมาณการขายโดยเฉพาะการส่งออกไก่เรามียุทธอย่างไรในการรองรับการเติบโต

A: ในการส่งออกของเราก็คืออย่างที่ผมได้แจ้งไปในตัวพรีเซนต์เลยก็คือเราพยายามที่จะรักษา ฐานลูกค้าที่เราเคยมีอยู่แล้วเนี่ยให้เขากลับมาซื้อซ้ําแล้วก็มองหาตัวพาร์ทเนอร์แล้วก็ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นรวมถึงการที่เราจะพยายามจะขายสินสินค้าของเราเนี่ยไปยังในประเทศที่เรายังไม่เคยไปรวมไปถึง การร่วมเข้าไปพัฒนา สินค้า กับทางพาร์ทเนอร์ของเราด้วย

Q: ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงในไตรมาส 3 ส่งผลต่อโครงสร้างต้นทุนและกำไรของบริษัทอย่างไร

A: ในช่วงราคาแมตซ์ที่มันลดลงมาก็ต้องบอกว่าเราได้ benefit ตรงนี้แล้วก็ตัวราคาตัวราคาตัวแมตซ์ที่เรา secure เข้ามาเนี่ยเราจะมีสามารถเก็บไว้ในในคลังสินค้าของเราเนี่ยอยู่ได้ประมาณสัก 3 เดือน

Q: มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างในโครงการซื้อหุ้นคืน

A: ตั้งแต่เรามีการประกาศซื้อหุ้นคืนไปนะครับ ณ วันที่ประกาศจนถึงวันที่เรากำลังรายงานอยู่เนี่ยก็ต้องบอกว่ามีการซื้อหุ้นคืนไปแล้วทั้งหมดเนี่ย 8.9 ล้านหุ้นนะครับหรือคิดเป็นจํานวนเงินทั้งหมดเนี่ย 163 ล้านบาท

Q: บริษัทมีแผนหรือนโยบายในการขยายธุรกิจหรือเพิ่มกำลังการผลิตในปีหน้าอย่างไร

A: อันนี้เนี่ยก็ยังอยู่ในช่วงการทำงบประมาณของปีหน้าอยู่แล้วอยากให้ทุกท่านเนี่ยติดตามอีกครั้งหนึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นะครับเดี๋ยวเรามีการแจ้งให้ทราบนะครับว่าเราจะมีการวางแผนการตัวในปีหน้าอย่างไร

Q: ขอสรุปภาพรวมแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 4 นะครับว่าทางผู้บริหารเนี่ยมองว่าเป็นอย่างไรบ้างนะครับแล้วก็มีอะไรปัจจัยในการขับเคลื่อนกำไรตรงนี้

A: ในไตรมาส 4 เนี่ยเราต้องบอกว่ามุมมองของบริษัทเราเนี่ยยังค่อนข้างเป็นใน positive อยู่เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นในช่วงของไตรมาส 4 เนี่ยเข้าสู่ช่วง High Season

Q: Betagro Shop เนี่ยปัจจุบันมีกี่สาขาแล้วแล้วมีอนาคตจะขยายอย่างไรบ้าง

A: ทั้ง Betagro Shop แล้วก็ Betagro ตอนนี้เรามีทั้งหมด 320 สาขานะครับแต่ว่าเรามีตัว Shop เนี่ยอยู่ประมาณ 1,091 สาขา นะครับการขยายสาขาเนี่ยก็อยู่ในแผนของเราอยู่แล้วนะครับที่มีการขยายสาขาเพิ่มเติมพยายามที่จะไปครอบคลุมในพื้นที่ที่มีความต้องการของลูกค้าตรงนั้น

Q: โครงการคนละครึ่งมีผลอย่างไร

A: คงเป็น Positive นะครับ ต่อ อ่า ทางกลุ่มอาหารนะครับเพราะว่ามันเป็นการช่วยกระตุ้น ดีมาน นะครับ

Q: ในส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายนะครับมีแผนการเพิ่มหรือลดยังไงบ้าง

A: ตาม Strategy ของเราเลยนะครับพยายามที่จะเน้นย้ําตั้งแต่ต้นปีนะครับก็คือเราพยายามที่จะปรับพอร์ตปรับ channel ใหม่ นะครับก็คือพยายามจะลด ในช่องทางที่เป็นอย่าง Trade หรือ TT ออกนะครับแล้วก็ไปเพิ่มในส่วนที่เป็นตัวช่องทางที่มี Higher margin มากขึ้นนะครับอย่างช่องทาง Export ช่องทาง Food Service นะครับแล้วก็ช่องทางตัว Modern Trade

Q: จากเหตุการณ์ไทยกัมพูชาที่ยืดเยื้อเนี่ยบริษัทมีการวางแผนอย่างไร

A: เรายัง ได้มีการปรับแผนต่างๆ นะ คะอย่างเช่นแผนการ นํา ขนส่ง ลูก ไก่เนี่ยเดิม นะ คะที่เราขนส่ง ผ่าน ที่ ต จะ ต้อง ผ่าน ตรง ช่วง ที่ ปิด ด่าน นะ คะ แต่ ตอน นี้ มัน มี การ ปิด ด่าน นะ คะ เรา ก็ เลย ต้อง ขนส่ง ผ่าน ทาง เครื่อง บิน แทน นะ คะ อัน นี้ ก็ จะ ช่วย แก้ ไข ปัญหา นี้ ได้ นะ คะ แล้ว ลูก แล้ว ก็ รวม ถึง เรา หา จาก ซัพพลายเออร์ อื่น ๆ ด้วย นะ คะ อย่าง เช่น ประเทศ เวียดนาม นะ คะ ที่ เอ่อ เข้า ไป ใน ประเทศ กัมพูชา ค่ะ แล้ว ส่วน สินค้า นะ คะ ที่ เรา จำหน่าย ใน ประเทศ กัมพูชา ที่ เป็น แบรนด์ ของ เบทาโกร เรา นะ คะ ก็ สินค้า เนี่ย จะ เป็น เอ่อ ภาษา ท้อง ถิ่น อยู่ แล้ว นะ คะ ก็ เลย จะ ไม่ ได้ มี การ แบรนด์ สินค้า ของ เรา นะ คะ รวม ถึง การ เอ่อ จัด ซื้อ วัตถุ ดิบ ต่าง ๆ นะ คะ ที่ เกี่ยว กับ อาหาร สัตว์ นะ คะ เดิม ที่ มี การ เอ่อ ขน ส่ง จาก ไทย ไป ที่ กัมพูชา นะ คะ เรา ก็ จะ มี การ เอ่อ ซื้อ วัตถุ ดิบ จาก ประเทศ อื่น ๆ นะ คะ จาก อย่าง เช่น ประเทศ เวียดนาม นะ คะ แล้ว ก็ มี การ ซื้อ ใน ประเทศ กัมพูชา เอง ด้วย นะ คะ แล้ว ก็ อย่าง เรื่อง กัมพูชา ที่ เอ่อ มา ทํา งาน ใน โรง งาน ของ เรา ที่ ไทย นะ คะ ที่ ได้ มี ปัญหา ใน เรื่อง ของ การ กลับ ประเทศ ไป นะ คะ ตอน นี้ นะ คะ ก็ ได้ หา แรง งาน ใหม่ มา ทด แทน ได้ แล้ว นะ คะ 100% แล้ว ก็ ได้ มี การ อัพ สกิล ต่าง ๆ ทํา ให้ การ ผลิต ของ เรา เนี่ย ก็ ดําเนิน การ ได้ อย่าง เป็น เอ่อ เหมือน เดิม แล้ว นะ คะ ตอน นี้ ค่ะ

Q: บริษัทมีการวางแผนเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไร

A: สำหรับแผนการเติบโตในประเทศนะคะเราก็ยังมีกลยุทธ์ในการปรับช่องทางการจัดจำหน่ายนะคะรวมถึงสินค้านะคะปรับพอร์ตเนี่ยไปสู่สินค้าที่มี margin สูงนะคะอย่างเช่นช่องทางการจัดจำหน่ายที่เราเน้นเป็นหลักเนี่ยตอนนี้ก็จะเป็นเอ่อช่องทางที่เป็นการส่งออกนะคะ Export หรือว่าช่องทาง Food Service แล้วก็รวมถึง Modern Trade ด้วยนะคะซึ่งช่องทางเหล่านี้นะคะก็จะให้ margin ที่สูงนะคะแล้วก็สินค้าที่เราเน้นนะคะก็จะเป็นสินค้าที่เป็นสินค้าแบรนด์นะคะหรือว่าสินค้าที่เป็นสินค้าแปรรูปนะคะตัวนี้ก็จะให้ margin ที่ค่อนข้างดีนะคะตอนนี้ก็จะเป็นเอ่อกลยุทธ์ของเรานะคะ ส่วนในเรื่องของต่างประเทศนะคะเราก็มีแผนที่จะเข้าไปทำ M&Aนะคะในต่างประเทศมากขึ้นนะคะในประเทศกลุ่มหลักๆเนี่ยที่เรามองไว้นะคะก็จะเป็นประเทศกลุ่มอาเซียนนะคะโดยกลุ่มที่เราจะไปลงทุนเนี่ยส่วนใหญ่ก็จะเป็นประเทศในเอ่อกลุ่มธุรกิจที่เป็นกลางน้ำนะคะ แล้วก็รวมถึงในประเทศเอ่อ CLM นะคะหรือว่ากัมพูชาลาวพม่านะคะที่เราได้มีเอ่อบริษัท ย่อยอยู่ในตอนนี้นะคะก็มุ่งเน้นการพัฒนานะคะในธุรกิจในส่วนของเอ่อกลางน้ำแล้วก็ปลายน้ำนะคะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงเพิ่มยอดขายขยายการเติบโตมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

Q: ทางบริษัทเนี่ยมีวิธีการบริหารความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนยังไง

A: สําหรับช่วงที่ผ่านมานะ คะ ก็ จะ เห็น ได้ ว่า อัตรา แลก เปลี่ยน เนี่ย ก็ มี ความ ผัน ผวน นะ คะ เรา ก็ ได้ ใช้ วิธี การ Natural Head นะ คะ ควบ คู่ ไป กับ เอ่อ เครื่อง มือ ทาง การ เงิน นะ คะ ที่ ชื่อ ว่า Forward Rate Agreement นะ คะ ก็ ทํา ให้ เอ่อ สามารถ ป้อง กัน ความ เสี่ยง ใน เรื่อง นี้ ได้ นะ คะ เพราะ เรา ก็ มี การ ทั้ง ซื้อ วัตถุ ดิบ นะ คะ แล้ว ก็ มี การ ส่ง ออก นะ คะ ก็ เอ่อ จะ สามารถ บาลานซ์ ตรง นี้ นะ คะ แล้ว ก็ รวม ถึง เรา ก็ มี การ ทํา เอ่อ เป็น ทีมร Center นะ คะ ที่ ได้ ไลเซนส์ มา จาก ธนาคาร แห่ง ประเทศ ไทย นะ คะ ก็ จะ ช่วย บริหาร ความ เสี่ยง ใน เรื่อง อัตรา แลก เปลี่ยน ของ เรา อย่าง ต่อ เนื่อง ค่ะ

โดยสรุป BTG ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น, การขยายตลาด, การควบคุมต้นทุน, และการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ