AAI
บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

AAI สรุปผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568: โอกาสและความท้าทายในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2568 โดยมียอดขายรวม 1,651 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการอ่อนค่าของเงินเหรียญสหรัฐ และผลกระทบจากมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา

กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ 229 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อนหน้า อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.9% ซึ่งลดลงเนื่องจากผลกระทบจากค่าเงินเหรียญสหรัฐและการปรับขึ้นราคาไม่ได้เนื่องจากมาตรการภาษีตอบโต้

กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสอยู่ที่ 178 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.8% ลดลงเนื่องจากแรงกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง

สำหรับภาพรวม 9 เดือน บริษัทมียอดขาย 5,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 846 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 16.2% กำไรสุทธิอยู่ที่ 631 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 12% กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 30 สตางค์ต่อหุ้น

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั้งในกลุ่มอาหารแมวและอาหารสุนัข โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมียมที่ยังคงมีความต้องการสูง

บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองให้ครอบคลุมทุกกลุ่มตลาด และขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดในกลุ่มประเทศเอเชีย โดยใช้ประโยชน์จากกิจการร่วมค้าในประเทศจีนและพันธมิตรในต่างประเทศ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินเหรียญสหรัฐ และมาตรการภาษีตอบโต้ที่อาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนและราคาขาย

นอกจากนี้ บริษัทยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาดที่สูง และความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีแผนที่จะบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงและปรับโครงสร้างราคาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อรักษาอัตรากำไรและศักยภาพในการแข่งขัน

บริษัทมีการปรับแบบและดีไซน์ของตัวอาคาร เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและสอดรับกับแนวโน้มหรือทิศทางของแผนการผลิตหรือแผนการขายล่วงหน้าของลูกค้าให้ได้ดีขึ้น

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

บริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายจะกลับมาดีขึ้นในไตรมาสที่ 4 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตในส่วนของรายได้และรักษาอัตรากำไรให้ได้ตามเป้าหมาย

บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในการขยายกำลังการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง

บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้ค้าเชิงกลยุทธ์ที่เติบโตพร้อมกับลูกค้า และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 44:04
    1. โครงการซื้อหุ้นคืน
    2. คำถาม: โครงการซื้อหุ้นคืนสิ้นสุดวันที่ 27 นี้ แต่ทาง AAI ซื้อไปเพียงรวมแล้วประมาณ 7 ล้านหุ้น จะขยายโครงการหรือซื้อหุ้นคืนเพิ่มเติมหรือไม่?
    3. คำตอบ: ณ ปัจจุบัน AAI ยังไม่มีโครงการในการขยาย ซึ่งการทำโครงการซื้อหุ้นคืนหรือการขยาย จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งณ ตอนนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ยังไม่ได้มีมติอนุมัติใดๆ เพิ่ม บริษัทก็คงจะสิ้นสุดโครงการซื้อหุ้นคืนไว้เพียงเท่านี้ก่อน แต่ว่าในต่อๆไป ฝ่ายจัดการก็จะมีการพิจารณาสถานการณ์แล้วก็นำรายงานเพื่อปรึกษาคณะกรรมการบริษัทเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีการบริหารกระแสเงินสดส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการดูแลในส่วนของหุ้นของบริษัทตามความเหมาะสมต่อไป
    1. อัตรากำไรที่ลดลง
    2. คำถาม: อัตรากำไรลดลงเกิดจากอะไรบ้าง?
    3. คำตอบ: การลดลงหลักๆเป็นเรื่องของค่าเงิน แต่ต้องยอมรับว่าบางส่วนท่านอาจจะมองว่าเป็นผลจากเรื่องของมาตรการภาษีตอบโต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้าหรือเป็นตลาดสำคัญของบริษัท เพราะว่าปกติแล้วเรามีการนำเสนอราคาให้กับลูกค้าเป็นค่าเงิน เป็นเงินเหรียญสหรัฐ แต่ว่าถ้าค่าเงินเหรียญสหรัฐมีการอ่อนค่าลงมากๆ ในภาวะปกติ บริษัทจะสามารถปรับราคาสินค้าขึ้นกับลูกค้าได้ เนื่องจากนโยบายในการเสนอราคาของเราเป็น การเสนอราคาแบบต้นทุนบวกกำไรส่วนเพิ่ม แต่ว่าในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมาตรการภาษีตอบโต้เนี่ยทำให้ลูกค้าเองก็มีต้นทุนในเรื่องของภาระทางภาษีเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว นั้นการปรับราคาเพื่อให้มาสอดรับกับค่าเงินเหรียญสหรัฐที่อ่อนค่าลงเนี่ย ต้องยอมรับว่าทำได้ยากจริงๆ ทำให้มองเห็นผลกระทบของค่าเงินต่ออัตรากำไรของบริษัทเนี่ยชัดกว่าในช่วงที่ผ่านๆมา บริษัทคาดว่าหลังจากที่มีการปรับโครงสร้างราคาของผลิตภัณฑ์ใหม่ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ให้กับลูกค้า เพื่อรับมือกับเรื่องของต้นทุนและก็มาตรการภาษีตอบโต้ ก็น่าจะทำให้อัตรากำไรนะคะกลับมาปรับตัวดีขึ้นได้
    1. โครงสร้างรายได้
    2. คำถาม: โครงสร้างรายได้ในสัดส่วนของ Pet Food กับ Human Food เป็นอย่างไร?
    3. คำตอบ: Human Food ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 11% ตามที่ได้รายงานไว้ในสไลด์เรียบร้อยแล้ว
    1. การขยายธุรกิจ
    2. คำถาม: บริษัทตั้งใจจะให้ Pet Food เป็นแกนหลักต่อไปหรือไม่ หรือจะกลับมาขยายตลาด Human Food หรือเปล่า?
    3. คำตอบ: เราคงยึดแนวในเรื่องของการขยายธุรกิจ Pet Food เป็นหลัก โดยที่เรายังให้ความสำคัญหรือยังให้น้ำหนักนะคะในกลุ่ม Pet Food ที่เป็น OEM หรือเป็นรับจ้างผลิตนะคะ เพราะว่าจากการที่บริษัทปรับสถานะตัวเองนะคะ เราก็ได้รับการไว้ว่างใจจากคู่ค้าของบริษัท ให้เป็นคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ที่เติบโตพร้อมกับลูกค้านะคะแล้วก็แม้ว่ามันจะมีเรื่องของการกีดกันทางการค้า มีมาตรการภาษีตอบโต้เข้ามานะคะ แต่ว่าเรายังเชื่อว่าในกลุ่มของอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกนะคะก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปหรือถูกย้ายฐานการผลิตออกไปจากประเทศไทยนะคะ ก็บริษัท ยังให้น้ำหนัก หรือให้ความสำคัญกับการเติบโตในส่วนนี้นะคะ รวมถึงบริษัท อาจจะบริษัทมีแนวทางที่จะมีความร่วมมือเพิ่มขึ้นนะคะ กับกลุ่มบริษัท Asian C นะคะ เพื่อที่จะขยายอาหารสัตว์เลี้ยงของบริษัทนะคะไปยังกลุ่มอื่นๆ เพิ่มด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มของอาหารประเภทอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดนะคะที่ปัจจุบันกลุ่มบริษัท Asian C ก็เป็นผู้ผลิตให้เรานะคะ แล้วก็มีศักยภาพดีขึ้นนะคะ อันนี้ก็เป็นแผนกลยุทธ์ที่เราคาดว่าจะสามารถนำอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดของบริษัทนะคะไปนำร่องทำตลาดในกลุ่มตลาดประเทศเอเชียเพิ่มนะคะ แล้วก็ถ้ามีโอกาสมากพอนะคะเราก็จะสามารถนำอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกนะคะขยายตลาดในกลุ่มประเทศเอเชียได้ร่วมเพิ่มด้วย
    1. แนวโน้มปี 2569
    2. คำถาม: แนวโน้มปี 2569 จะมีลูกค้าใหม่ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงเข้ามาหรือไม่ แล้วก็ยอดขายจะเป็นอย่างไร?
    3. คำตอบ: บริษัทเชื่อว่ายอดขายในปี 2569 จะสามารถเติบโตได้ จากการวางแผนร่วมกันกับลูกค้าซึ่งเป็นคู่ค้าเชิงกลยุทธ์ หรือ strategic partner ของบริษัท รวมถึงแผนกลยุทธ์ของบริษัทในเครือนะคะ ก็คือ Asian Group ยุโรป ที่ทำตลาดให้กับบริษัทนะคะ ก็ยังคงมีศักยภาพนะคะในการที่จะขยายตลาดนะคะแล้วก็นำพาลูกค้าใหม่ๆนะคะให้เข้ามาร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเพิ่มมากขึ้นนะคะ ก็เชื่อว่าน่าจะยังเติบโตในธุรกิจนะคะแล้วก็ตามแผนที่เราได้ทำแล้วก็เรากำลังเร่งในเรื่องของการขยายกำลังการผลิตนะคะ ก็โครงการก่อสร้างเรายังกลับมาเดินหน้านะคะ เพราะเรายังมั่นใจนะคะว่าลูกค้าของเราค่ะยังไหว้วางใจแล้วก็ต้องการที่จะเติบโต ร่วมกับบริษัทอยู่

โดยสรุป AAI เผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง โดยมีแผนที่จะปรับตัวและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรักษาศักยภาพในการแข่งขันและสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ