บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

FSSIA ปรับลดคำแนะนำสำหรับหุ้น BJC เป็น "ถือ" พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายลง 13% เหลือ 20 บาท เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหาร

ผลประกอบการ Q2/25 ต่ำกว่าคาด

BJC รายงานกำไรสุทธิ Q2/25 ที่ 990 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษ เช่น ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และค่าใช้จ่ายในการปิดสาขา กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,147 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามที่ FSSIA และ consensus คาดการณ์ไว้

แนวโน้ม SSSG ยังคงอ่อนแอ

แนวโน้ม SSSG (Same Store Sales Growth) ใน Q3/25 ยังคงอ่อนแอ โดย SSSG ในเดือนกรกฎาคม 2568 ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเดือนสิงหาคม 2568 (MTD) ลดลงประมาณ 2-3% ซึ่งยังคงต่ำกว่ากลุ่มอาหารหลัก นอกจากนี้ BJC วางแผนที่จะปิด Mini Big C เพิ่มเติม 130-140 สาขาในครึ่งปีหลัง 2568 จากปัจจุบันที่มี 1,600 สาขา โดยมีเป้าหมายเพื่อลดสาขาที่ผลการดำเนินงานต่ำและขาดทุน EBITDA อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสาขาที่สัญญาเช่าที่ดินกำลังจะหมดอายุ

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2570 ลง 4.1%

FSSIA ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2570 ลงประมาณ 4.1% เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกอาหาร และคาดการณ์ว่า SSSG ของ BJC ในครึ่งปีหลัง 2568 จะยังคงติดลบ นอกจากนี้ ยังได้รวมรายการพิเศษใน Q2/25 และจำนวน Mini Big C ที่ลดลงใน Big C เข้ามาพิจารณาด้วย ส่งผลให้คาดการณ์กำไรปกติปี 2568 อยู่ที่ 4.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง

คำแนะนำและราคาเป้าหมาย

ถึงแม้ว่า valuation จะยังคงไม่แพงที่ P/E ปี 2568 ที่ 15.9 เท่า แต่ FSSIA คาดว่า BJC จะเผชิญกับแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับรูปแบบค้าปลีกในปัจจุบัน ดังนั้น จึงปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ" พร้อมราคาเป้าหมาย DCF ที่ 20 บาท