MINT คาดกำไรปี 68 โต 12% จากโรงแรมไทยหนุน! FSSIA ชี้เป้าราคา 45 บาท

P/E 13.17 YIELD 2.67 ราคา 22.50 (0.00%)

FSSIA มอง MINT กำไรฟื้นตัวต่อเนื่องจากธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เติบโต


ไฮไลท์สำคัญ: MINT กำไร Q4/67 แข็งแกร่ง หนุนปี 68 โตต่อเนื่อง

FSSIA คาดการณ์กำไรหลักของ MINT ในไตรมาส 4/2567 จะเติบโต 12% YoY เป็น 2.8 พันล้านบาท จาก RevPAR ที่แข็งแกร่งของโรงแรมในประเทศไทย (+14-16% YoY) และมองว่าแนวโน้มการเติบโตจะดำเนินต่อไปในไตรมาส 1/2568 และปี 2568 จากการเติบโตตามธรรมชาติและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง FSSIA ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ที่ 45 บาท/หุ้น

ผลการดำเนินงาน Q4/67: โรงแรมหนุน Food ฟื้น

FSSIA คาดว่ารายได้จากธุรกิจโรงแรมและ Mixed-use จะเติบโต 8% YoY ในไตรมาส 4/2567 จาก RevPAR ที่แข็งแกร่งของโรงแรมในยุโรป (+8-9% YoY), โรงแรมในประเทศไทย (+14-16% YoY) และโรงแรมในมัลดีฟส์ (+14-16% YoY) ในส่วนของธุรกิจอาหาร คาดว่ารายได้จะเติบโต 3% YoY โดยมีปัจจัยหลักมาจากร้านอาหารในประเทศไทย (+1-2% YoY) ขณะเดียวกัน SSSG ที่ติดลบของร้านอาหารในจีนควรปรับตัวดีขึ้นเป็น -10% YoY (เทียบกับ -20% YoY ในไตรมาส 3/2567) FSSIA คาดว่ากำไรหลักในไตรมาส 4/2567 จะเติบโต 12% YoY และ 6% QoQ เป็น 2.8 พันล้านบาท นอกจากนี้ MINT อาจบันทึกกำไรที่ไม่เกิดขึ้นประจำจำนวน 1.0-1.5 พันล้านบาทจากการประเมินมูลค่าอนุพันธ์ใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่กำไรสุทธิ 3.8-4.3 พันล้านบาท

แนวโน้มปี 68: กำไรโตต่อเนื่อง ดอกเบี้ยลด

FSSIA คาดว่าโมเมนตัมการเติบโตของกำไรหลักจะดำเนินต่อไปในไตรมาส 1/2568 จากการจองล่วงหน้า MINT ประเมินว่ารายได้จะเติบโต 6-8% YoY สำหรับโรงแรมในยุโรป และเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก YoY สำหรับโรงแรมในประเทศไทยในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2568 โดยปกติแล้ว MINT จะรายงานผลขาดทุนหลักในไตรมาส 1 เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ในยุโรป แต่ FSSIA คาดว่าจะขาดทุนหลักน้อยลงเมื่อเทียบกับผลขาดทุน 0.4 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2567 โดยมีโอกาสที่จะพลิกกลับมามีกำไร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมในประเทศไทย นอกจากนี้ FSSIA คาดว่ากำไรหลักในปี 2568 จะเติบโต 12% YoY เป็น 9.3 พันล้านบาท โดย MINT ตั้งเป้าหมายเบื้องต้นให้ RevPAR เติบโตในระดับ Low-to-Mid Single Digits สำหรับโรงแรมในยุโรป และ Mid-to-High Single Digits สำหรับโรงแรมในประเทศไทยในปี 2568 นอกจากนี้ หนี้สินที่มีดอกเบี้ยลดลงจาก 106 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/2567 เป็น 98 พันล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 และคาดว่าจะลดลงอีกเป็น 93-95 พันล้านบาทในไตรมาส 4/2567 ซึ่งจะทำให้ IBD/E ลดลงเหลือ 0.8 เท่า (เทียบกับ 0.98 เท่าในไตรมาส 3/2567) ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง FSSIA คาดว่าค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะลดลง 500-700 ล้านบาทในปี 2568 โดยรวมแล้ว FSSIA คาดว่ากำไรหลักในปี 2568 จะเติบโต 12% YoY เป็น 9.3 พันล้านบาท

Valuation ถูก มี Catalyst รออยู่

FSSIA มองว่า MINT ซื้อขายในราคาถูก โดยมี P/E ปี 2568 เพียง 15 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 23 เท่า ราคาหุ้น Underperform กลุ่มโรงแรมทั่วโลก 9% YTD และ 84% นับตั้งแต่ช่วง Covid ซึ่งไม่สมเหตุสมผลในมุมมองของ FSSIA Catalyst ของราคาหุ้น ได้แก่ ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 4/2567 แนวโน้มที่เป็นบวกในปี 2568 และ The White Lotus Season 3 ซึ่งเป็นซีรีส์ HBO ที่มีกำหนดออกอากาศในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งถ่ายทำที่โรงแรมสองแห่งของ MINT (Four Seasons Resort Koh Samui และ Anantara Mai Khao Phuket Villas) โดย FSSIA ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธี DCF (Discounted Cash Flow) โดยมีสมมติฐานหลักดังนี้:

  • Risk-free rate: 3.0%
  • Market risk premium: 8.0%
  • Stock beta: 1.3
  • Cost of equity (Ke): 13.3%
  • น้ำหนัก: 50.0%
  • Pre-tax cost of debt: 4.0%
  • Marginal tax rate: 20.0%
  • Net cost of debt (Kd): 3.2%
  • น้ำหนัก: 50.0%
  • Terminal growth: 2.5%
ทั้งนี้ FSSIA ให้น้ำหนัก WACC ที่ 8.3% ได้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 45.0 บาท

โพสต์ล่าสุด