https://aio.panphol.com/assets/images/community/7445_C9B6DC.png

SCC กำไร Q2/25 พุ่งแรง! โบรกฯ ชี้เป้า 252 บาท

P/E 12.80 YIELD 2.72 ราคา 184.00 (0.00%)

ไฮไลท์สำคัญ

SCC เตรียมโชว์ผลงาน Q2/25 สุดปัง! โบรกเกอร์คาดกำไรหลักเติบโตแข็งแกร่ง หนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น, ส่วนต่างราคาที่ดีขึ้น, และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

SCC กำไร Q2/25 พุ่งแรง! โบรกฯ ชี้เป้า 252 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก (GLOBLEX) วิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC โดยคาดการณ์กำไรสุทธิหลัก (Core NP) ในไตรมาส 2/25 จะอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 4.0 พันล้านบาทในไตรมาส 1/25 และ 3.7 พันล้านบาทในไตรมาส 2/24 ปัจจัยหนุนหลักมาจาก:

  1. ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้นท่ามกลางกำลังการผลิตใหม่ที่จำกัด
  2. ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในธุรกิจซีเมนต์ เนื่องจากการปรับขึ้นราคาตั้งแต่เดือน มี.ค. 25 และต้นทุนที่ลดลงจากราคาถ่านหินที่ลดลงและการใช้ชีวมวลที่สูงขึ้น
  3. ยอดขายที่ทรงตัวในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ พร้อมส่วนต่างราคาที่ดีขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ, ราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น, และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นที่ Fajar
  4. กำไรสุทธิที่ลดลงจาก SCGD เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ, ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น, และผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ หากรวมรายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำ โกลเบล็กคาดการณ์ว่า SCC จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/25 ที่ 8.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 1.1 พันล้านบาทในไตรมาส 1/25 และ 3.7 พันล้านบาทในไตรมาส 2/24 เนื่องจากผลขาดทุนสุทธิจาก LSP, ผลขาดทุนจากสินค้าคงคลัง, และค่าความนิยมที่เป็นบวกจากการเข้าซื้อ Shell Singapore (SSPL) โดย Chantra Arsri

ข้อสังเกต

SCC มีแผนที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน Chandra Asri จาก 30.57% เหลือ 20% ซึ่งคาดว่าจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปชำระหนี้ ซึ่งจะช่วยให้งบดุลแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ณ สิ้นปี 2567 SCC มีหนี้สินสุทธิอยู่ที่ 2.9 แสนล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA อยู่ที่ 5.5 เท่า หลังจากการทำธุรกรรม โกลเบล็กคาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3.0 เท่า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและลดภาระดอกเบี้ยในอนาคต

นอกจากนี้ คาดว่า LSP จะกลับมาดำเนินการผลิตได้อีกครั้งภายในเดือน ส.ค. – ก.ย. 2568 โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างราคา polyolefins–naphtha ที่เพิ่มขึ้นจาก 326 เหรียญสหรัฐฯ/ตันในไตรมาส 1/25 เป็น 385 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ณ วันที่ 2 พ.ค. 25 การที่สหรัฐฯ ห้ามการส่งออกอีเทนไปยังจีน (มีผลบังคับใช้ 1 มิ.ย. 25) น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ SCC โดยจะช่วยลดราคาอีเทนและเพิ่มอุปทานสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ใช่จีน ซึ่งน่าจะสนับสนุนส่วนต่างราคาเคมีภัณฑ์ในระยะใกล้ ในระยะยาว แผนการนำเข้าอีเทน 1 ล้านตันต่อปีภายในสิ้นปี 2570 โดยการลงทุน 0.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนของ LSP ได้ถึง 30%

สรุป

โกลเบล็กคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ SCC โดยมีราคาเป้าหมาย SoTP ที่ 252 บาท เนื่องจากแนวโน้มที่แข็งแกร่งขึ้นในธุรกิจหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจเคมีภัณฑ์และซีเมนต์ รวมถึงส่วนต่างราคาที่ดีขึ้นในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ การปรับเพิ่มขึ้นของราคาเป้าหมายยังสะท้อนถึงศักยภาพในการปรับปรุงงบดุล หลังจากการขายหุ้นบางส่วนใน Chandra Asri ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินของ SCC และปลดล็อกเงินทุนสำหรับการเติบโตในอนาคต

โพสต์ล่าสุด