บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SCC มองอนาคตธุรกิจปี 2568: ท่ามกลางความท้าทาย สู่โอกาสการเติบโตที่ยั่งยืน
P/E 12.80 YIELD 2.72 ราคา 184.00 (0.00%)
SCC มองอนาคตธุรกิจปี 2568: ท่ามกลางความท้าทาย สู่โอกาสการเติบโตที่ยั่งยืน
สวัสดีครับ ผมวัชระ IR Leader ของ SCG วันนี้เป็นการประชุม Set Opportunity Day ของ SCG โดยมีคุณธรรมศักดิ์ CEO ของ SCG และคุณชญานิดา CFO ของ SCG มาร่วมเล่าและสรุปผลประกอบการของไตรมาสแรก
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา SCG ยังคงทำผลงานได้ตามเป้าหมายในทุกธุรกิจ โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้:
- EBITDA อยู่ที่ประมาณ 13,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าแข็งแกร่ง เนื่องจากไตรมาส 1 ไม่ใช่ช่วงที่มีเงินปันผลมากนัก
- EBITDA from Operations เพิ่มขึ้น 22% อยู่ที่ 11,752 ล้านบาท
- กำไรสุทธิในไตรมาส 1 กลับมาอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากไม่รวม Long Son ที่เวียดนาม กำไรจะอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจหลัก (Core Operations) ยังคงแข็งแกร่ง แต่มีประเด็นเรื่อง Long Son ที่เวียดนามที่ยังคงเป็นปัญหาอยู่ เนื่องจากธุรกิจเคมิคอลยังอยู่ในช่วงขาดทุน
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
SCG มองเห็นโอกาสในการปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 โดยเฉพาะ Margin ในอุตสาหกรรมที่เริ่มขยับตัวดีขึ้น บริษัทมีกลยุทธ์และแผนการดำเนินการดังนี้:
- การลดต้นทุนและการปรับโครงสร้างธุรกิจ (Restructuring) ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว จะช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น
- การรวม Corporation, การ Lean Process, และการเพิ่ม Efficiency ยังคงดำเนินต่อไป
- การปรับราคาปูนในเดือนมีนาคม จะส่งผลให้เห็นผลประกอบการที่ดีขึ้นในไตรมาส 2 อย่างเต็มที่
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
SCG ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน:
- Industry Margin โดยรวมยังไม่ดีนัก
- ปัญหาใน Long Son ที่เวียดนามยังไม่คลี่คลาย
- สงครามการค้าและ Tariff ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค Southeast Asia
- การแข่งขันจากสินค้าจีนราคาถูกที่ยังคงมีอยู่
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
SCG มีแผนการแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบดังนี้:
- การลดต้นทุนและปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
- การแก้ปัญหาใน Long Son โดยการเพิ่ม Ethane และเร่งรัดโครงการที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผน
- การติดตามสถานการณ์สงครามการค้าและ Tariff อย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนปรับตัวหากเกิดผลกระทบใน Southeast Asia
- การปรับปรุงต้นทุนและความสามารถในการแข่งขัน เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากสินค้าจีน
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
SCG มองว่าแนวโน้มในอนาคตจะเป็นดังนี้:
- ตลาดในประเทศไทยเติบโต 7% จากงาน Infrastructure ของภาครัฐ
- เวียดนามเติบโต 10% ซึ่งสูงกว่าไทย
- SCG จะเน้นการเติบโตในตลาด Southeast Asia โดยเฉพาะเวียดนามและอินโดนีเซีย
- SCG จะเดินหน้าพัฒนา Low Carbon Cement เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลก
- SCG จะใช้ Automation และ AI มากขึ้นเพื่อเพิ่ม Efficiency และลดต้นทุน
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้นนาทีที่ 53:16
Q: โครงการ LSP ที่เวียดนามมีการเริ่มเปิดผลิตบางส่วนหรือไม่
A: ตอนนี้ยังไม่ได้กลับมาเริ่มเปิดการผลิต แต่ยังรักษาสภาพเครื่องจักรไว้ โครงการเพิ่มถัง Ethane ยังดำเนินการต่อไป คาดว่าจะมีข่าวเรื่องการตัดสินใจว่าจะกลับมาเดินเครื่องเมื่อไหร่เร็วๆ นี้
Q: หากโครงการ LSP ล่าช้า จะต้องมีการตั้งด้อยค่าหรือไม่
A: การด้อยค่าต้องดูทั้ง Cycle ไม่ใช่แค่ 2-3 ปี หาก Gap กลับมาดีขึ้น และมีโครงการปรับไปใช้ Ethane เรื่องการด้อยค่ายังไม่มีความจำเป็นต้องทำตอนนี้
Q: สอบถามตัวเลข ROIC เทียบกับ WACC
A: ปกติจะใช้ EBITDA on Investment ซึ่งคล้ายกับ ROIC ตัว Hurdle Rate อยู่ที่ประมาณ 12% ช่วงนี้การลงทุนต้องระมัดระวัง จึงต้องตั้งเป้าหมายสูงไว้ก่อน
Q: CapEx ของปีนี้คาดว่าจะเท่าไหร่ และเป้าหมายยอดขายปีนี้จะโต 3-5% หรือไม่
A: CapEx วางไว้ที่ 30,000 ล้านบาท แต่ตอนนี้ใช้ไป 6,100 ล้านบาท ยังระมัดระวังอยู่ เรื่องเป้าหมายการเติบโต ถ้า Long Son กลับมายอดขายจะโตแน่นอน แต่กำไรจาก Long Son อาจมองไปที่ Positive Cash Flow มากกว่า มี Uncertainty ค่อนข้างเยอะ แต่จะพยายามต่อไป
Q: มุมมองภาพรวมตลาดปิโตรเคมีในครึ่งหลังปีนี้
A: ไตรมาส 2 เห็น Margin ดีขึ้น Gap อยู่ที่ 360-390 ดีกว่า 310-320 เยอะ ทั้ง PE และ PP น้ำมันก็ลง ต้นทุนจึงลง ปิโตรเคมีเริ่มดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับ Peak ปัจจัยเสี่ยงคือ กำลังการผลิตใหม่ๆ ที่จะเข้ามา แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่อง Supply ที่จะถูกตัดเนื่องจากสงครามการค้า การ Forecast จึงยากมาก
Q: ความกังวลใดในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า และแผนรับมืออย่างไร
A: คงกังวลเรื่องสงครามการค้า Tariff ประเทศไทยจะโดน 36% หรือไม่ เราจะเหลือคนเดียวหรือไม่ จะเจรจาเมื่อไหร่ ต้องรับมือโดยการสร้างให้ตัวเองเข้มแข็ง ลด Debt เน้นต้นทุนที่ได้เปรียบ Supply Chain ที่ Lean ใช้เงินระมัดระวัง บริษัทใหญ่ๆ น่าจะโอเคเพราะเตรียมการมาอย่างรัดกุม สิ่งที่กังวลคือ SME ถ้า SME ของบ้านเราหายไปก็เป็นเรื่องที่น่ากังวล ต้องเร่งรับมือ ตอนนี้ให้ความสำคัญกับกระแสเงินสดและการบริหารหนี้
Q: ทิศทางผลงานในไตรมาส 2
A: น่าจะดีกว่าไตรมาส 1 มีปัจจัยบวกหลายเรื่อง Chemical Gap ก็ดีขึ้น ราคาปูนต่างๆ ก็ปรับตัวดีขึ้น Demand มาจาก Infrastructure Project ในเพื่อนบ้านก็ยังมา การปรับลดต้นทุนต่างๆ ก็จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ตรงนี้จึงเชื่อว่าไตรมาส 2 น่าจะดีขึ้น ไตรมาส 3-4 เป็นอะไรที่ต้องระมัดระวัง
โดยสรุป SCG ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการบริหารกระแสเงินสด ลดหนี้ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
หัวข้อที่ถามและคำตอบ: * LSP ที่เวียดนาม: สถานะปัจจุบันและการด้อยค่า * ROIC และเป้าหมายการเติบโต * แนวโน้มตลาดปิโตรเคมีครึ่งปีหลัง * ความกังวลและแผนรับมือในระยะยาว * ทิศทางผลงานไตรมาส 2