https://aio.panphol.com/assets/images/community/6662_E7A9C5.png

SC Asset: กำไร Q2/25 อาจลดลง แต่ปี 2569 สดใสรออยู่!

P/E 4.80 YIELD 10.13 ราคา 1.58 (0.00%)

Krungsri Securities (KSS) ยังคงคำแนะนำ "Trading Buy" สำหรับ SC Asset Corporation (SC) ด้วยราคาเป้าหมายเดิมที่ 2.50 บาท แม้จะมีมุมมองที่เป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ล่าสุด

ประเด็นสำคัญจากการวิเคราะห์

  • KSS คาดการณ์ว่าผลประกอบการ Q2/25 ของ SC อาจลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอและผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวต่อกลุ่มคอนโดมิเนียม
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของธุรกิจที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปี 2567 แต่โดยรวมคาดว่าจะอยู่ที่ 29.0-30.0% ซึ่งยังต่ำกว่าในอดีต เนื่องจากการส่งเสริมการขาย (price promotion) ที่มากขึ้น
  • แผนการเปิดโรงแรมใหม่เลื่อนไปเป็นเดือนกันยายน 2568 (จากเดิมมิถุนายน 2568) เนื่องจากผลกระทบจากการก่อสร้างจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายก่อนการดำเนินงาน (pre-operating expenses) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

รายละเอียดผลประกอบการและแผนธุรกิจ

KSS คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ไว้ที่ 1.65 พันล้านบาท (-3% y-y) แต่ยอมรับว่ามีโอกาสที่ผลประกอบการจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

  • ยอดขายรอรับรู้รายได้ (presale) ใน 1Q25 อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท (-34% y-y) คิดเป็น 15% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 26.0 พันล้านบาท
  • ยอดโอน (transfer) ใน 1Q25 อยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท (-35% y-y) คิดเป็น 11% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 23 พันล้านบาท
  • โครงการใหม่ (new launch) ใน 1Q25 มีมูลค่า 4.5 พันล้านบาท โดย 53% เป็นโครงการแนวราบ (low-rise)
  • กำไรสุทธิใน 1Q25 อยู่ที่ 112 ล้านบาท (-39% y-y) ลดลงอย่างมากจากรายได้ที่ลดลง
  • GPM ของธุรกิจที่อยู่อาศัยใน 1Q25 อยู่ที่ 31.3% (เทียบกับ 1Q24 ที่ 29.0% และปี 2567 ที่ 26.5%)
  • สำหรับ 2Q25 KSS คาดการณ์ยอดขายรอรับรู้รายได้ที่ 5.5 พันล้านบาท (ลดลง y-y เล็กน้อย, เพิ่มขึ้น q-q) และยอดโอนที่ 4.0-4.5 พันล้านบาท (ลดลง y-y เล็กน้อย, เพิ่มขึ้น q-q)

SC ยังคงแผนธุรกิจปี 2568 โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ต่ำกว่าปี 2567 เนื่องจากสภาวะตลาดที่ไม่ดีนัก กลยุทธ์หลักคือการปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อลดความเสี่ยงในระยะยาว โดยการเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย (non-residential) ซึ่งคาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 8% ของรายได้รวมในปี 2568

ข้อสังเกตและปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • KSS ประเมินว่าหาก GPM ในปี 2568 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทุกๆ 50 bps จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 2568 ให้ลดลงประมาณ 5%
  • ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568, SC มี Backlog อยู่ที่ 19.0 พันล้านบาท โดย 8.0 พันล้านบาทจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2568 คิดเป็น 46% ของเป้าหมายยอดโอนของ SC และ 54% ของประมาณการยอดโอนของ KSS
  • SC มีสินค้าคงเหลือ (finished stock) มูลค่ารวม 15.9 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 10.0 พันล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5.9 พันล้านบาท
  • SC ตั้งเป้า CAPEX ปี 2568 ที่ 7.0 พันล้านบาท โดย 80% เป็นของกลุ่มที่อยู่อาศัย
  • อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่า โดยตั้งเป้าลดลงมาที่ 1.3-1.4 เท่า ณ สิ้นปี 2568

สรุปและคำแนะนำ

แม้ว่าผลประกอบการใน 2Q25 อาจยังไม่ดีนัก แต่ KSS มองว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลัง (2H25) จะดีกว่าครึ่งปีแรก (1H25) และคาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตสูงในปี 2569 จากโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่จะเริ่มโอน และธุรกิจโรงแรมและคลังสินค้า (warehouse) ที่จะเริ่มสร้างกำไรให้ SC

KSS ยังคงคำแนะนำ "Trading Buy" โดยให้เหตุผลว่าสถานการณ์การขาย/โอนบ้านระดับบนมีการชะลอตัวลงและการแข่งขันที่สูงขึ้น ในขณะที่ธุรกิจใหม่ทั้งโรงแรมและคลังสินค้าจะเปิดดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งอาจกดดันค่าใช้จ่ายในช่วงเริ่มต้น

โพสต์ล่าสุด