https://aio.panphol.com/assets/images/community/5812_cb98da.png

RBF เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมแผนฟื้นฟูธุรกิจและอนาคตที่ยั่งยืน

P/E 13.77 YIELD 5.86 ราคา 3.06 (0.00%)

RBF เจาะลึกผลประกอบการ Q1/2568 พร้อมแผนฟื้นฟูธุรกิจและอนาคตที่ยั่งยืน

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาพบกันอีกครั้งในงาน Oppday ของ R&B Food Supply เพื่ออัปเดตข้อมูลและแนวโน้มธุรกิจที่น่าสนใจ โดยขออนุญาตแนะนำบริษัทอีกครั้ง R&B Food Supply เปิดเมื่อปี พ.ศ. 2528 เริ่มจากธุรกิจ Flavor House และเติบโตมาด้วยการค้าสินค้าเทรดดิ้ง รวมถึง Premium Food และ R&B Food Supply อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีสาขาในประเทศและต่างประเทศ ทั้งออฟฟิศและโรงงานในอินโดนีเซีย เวียดนาม รวมถึงสาขาในอินเดียและญี่ปุ่น

โดยส่วนใหญ่แล้วในประเทศต่างๆ R&B จะถือหุ้นเกินครึ่งเสมอ ซึ่งเป็น Concept ของบริษัทที่ต้องการเป็น Major Shareholder สินค้าของเราแบ่งออกเป็น 6 Categories ได้แก่ Food Coating, Flavor ซึ่งเป็นยอดขายหลัก, สินค้าอบแห้ง, สินค้าแช่แข็ง, สินค้าซื้อมาขายไปในส่วนที่ประเทศไทยยังผลิตไม่ได้ และสินค้ากลุ่มพลาสติก นอกจากนี้ยังมีสินค้า Retail เพราะเรามีทั้ง B2B และ B2C ทำให้เริ่มเห็นสินค้า Retail มากขึ้นในช่องทางต่างๆ

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 เมื่อพิจารณากราฟแท่ง จะเห็นว่าแท่งสีส้มซ้ายมือสุดเป็นกราฟของภาพรายปี ซึ่งได้นำเสนอไปแล้วเมื่อสิ้นไตรมาส 4 ให้ดูแท่งสีเขียวซึ่งเป็นไตรมาส 1 เพื่อเปรียบเทียบ Year-on-Year (Q1/67 เทียบ Q1/68) และ Quarter-on-Quarter (Q4/67 เทียบ Q1/68) จากข้อมูลจะเห็นว่า หากเทียบ Year-on-Year จะเห็นการปรับตัวลดลงค่อนข้างเยอะถึง 9.96% โดยมีปัจจัยหลักจากจีนที่หายไปประมาณ 60 ล้านบาท เนื่องจาก Project ที่ไม่ได้ดำเนินงานต่อเนื่อง รวมถึงสินค้ากลุ่ม Trading ที่เป็นพวกปลอกไส้กรอกมีการลดลง นอกจากนี้ยังมีสินค้ากลุ่ม Flavor ในประเทศที่มีการชะลอตัวในช่วงไตรมาส 1 อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจ

ในส่วนของ Q on Q ก็ย่อตัวลงประมาณ 6% ด้วยเหตุผลที่คล้ายคลึงกัน เมื่อมาดูครึ่งขวาของกราฟ จะเป็นด้านของสูตรเงินหยวน โดยด้านขวาสุดจะเป็นไตรมาส 1 เทียบกับ Q Year-on-Year จะเห็นว่ารายได้จากต่างประเทศ Overseas มีการปรับตัวลดลง Year-on-Year ค่อนข้างเยอะ ประมาณ 11% หรือประมาณ 51 ล้านบาท ซึ่งเป็นของจีนอยู่ประมาณ 11 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่นับ Impact ของ Project เฉพาะของจีนที่เข้ามาปีเดียว ภาพรวมต่างประเทศของเราจะโตขึ้นเล็กน้อย ส่วน Domestic Consumption ของเราจะปรับตัวลดลงทั้ง Year-on-Year และ Q on Q โดยมีปัจจัยหลักจากสินค้ากลุ่ม Trading ที่ลดลงประมาณ 10 กว่า 20 ล้านบาท รวมถึง Flavor และ Coating ที่ปรับตัวลดลง อันอาจจะมาจากภาวะส่งออกและภาวะเศรษฐกิจในประเทศ

เมื่อ Breakdown ให้ดูในแต่ละประเทศ จะเห็นว่าประเทศหลักๆ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน อินเดีย โดย Table ตรงกลางเป็นสัดส่วนที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะดูแค่ครึ่งล่าง เพราะครึ่งบนเป็นภาพเต็มปีที่เคยนำเสนอไปแล้ว จะเห็นว่าอินโดนีเซียปรับตัวได้ดีขึ้นในส่วนของรายได้ แต่เวียดนามติดลบอยู่ประมาณ 15% โดยมี Impact จาก Order ฟิลิปปินส์ที่ชะลอและไปเข้าช่วง Q2 แทน และเวียดนามมีช่วงตรุษจีนที่แรงงานอาจจะชะลอตัว ทำให้ผลิตสินค้าอั้นอยู่และไม่ทัน แต่คาดว่าจะกลับมา Recover ได้ในช่วง Q2 ส่วนของอินเดียที่เห็นตัวเลขลดลงนั้น เนื่องจากงบของเราไม่ได้ Consolidation งบการเงินของทางตัวลูกที่อินเดียเข้ามา แต่เป็นภาพที่ฝั่งไทยส่งไปให้ทางอินเดีย ถ้าไปดูงบตัวลูกของทางอินเดียจริงๆ จะเห็นว่าทางอินเดียมีการเติบโตที่ดีขึ้นในส่วนของยอดขายไตรมาส 1 เทียบ Year-on-Year

สำหรับจีนนั้นเป็น Impact ที่หายไป 57 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มเฉพาะที่ไม่ได้ต่อเนื่องของตัว Project ทำให้เห็นการย่อตัวลดลง ส่วนกลุ่ม Other เราปรับตัวได้ดีขึ้น โดยมีสินค้ากลุ่มย่อยของ HBF ที่ดีขึ้น เช่น ญี่ปุ่นและเมียนมา รวมถึงตลาดใหม่ที่ได้เพิ่มเข้ามา ทำให้เห็นกลุ่ม Other มีการเติบโตที่ดีขึ้น สำหรับ Line กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ RBF นั้น จะดูแค่ครึ่งล่างอย่างเดียว โดย Table สี่เหลี่ยมตรงกลางคือเทียบกันให้ดูระหว่างซ้ายกับขวา คือ Year-on-Year เทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้ว Food Coating มีการปรับตัวลดลง อันเนื่องมาจากในประเทศที่มีลูกค้าบางกลุ่มชะลอตัว Flavor ที่ติดตัวนี้เป็น Impact หลักจากจีน ประมาณ 57 ล้านบาท รวมถึงภาวะเครื่องดื่มในประเทศที่อาจจะไม่ได้เติบโตตามเป้าอันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ กลุ่ม Dry และ Frozen เติบโตได้ดีขึ้น ส่วนกลุ่ม Trading ที่ลดลงมาจากปลอกไส้กรอก โดยมีประเด็นหลักมาจากลูกค้าเองมี Shortage เรื่องของตัวไก่ ทำให้ต้องลดการใช้ปลอกไส้กรอก ซึ่งหากปัญหาคลี่คลายในส่วนของ Shortage ไก่ในช่วงไตรมาส 1 casing ก็น่าจะกลับมายอดขายก็น่าจะกลับมา ส่วนตัวสุดท้ายคือ Plastic ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ RBF ขายนั้น ลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มที่เป็น QSR และผู้ผลิต Manufacturer ประมาณ 77% และจะเห็นว่าในกลุ่ม Modern Trade และ Traditional Trade ประมาณ 22-23% ซึ่งในอดีตจะอยู่ประมาณ 20% แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมมีการขยับโตขึ้น และในส่วนของ Retail เราก็มีการขยายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน แต่โดยรวมอุตสาหกรรมของ RBF ก็ยังเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นผู้ผลิต QSR

Gross Profit มีการปรับตัวลดลงเนื่องจากกลุ่มสินค้า High Margin มีการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีการย่อตัวลดลง เมื่อดูตัวเลขในไตรมาส 1 แท่งสีเขียว จะเห็นว่า GP ที่ลงไปเป็น Impact หลักๆ มาจาก Flavor ที่เราเห็นว่าในประเทศลดลงส่วนหนึ่ง และที่จีนลดลงส่วนหนึ่ง ด้านขวามือเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการค่อนข้างนิ่งแล้ว แต่เราเห็นเปอร์เซ็นต์ที่ติดตัวสูงขึ้น เพราะว่าพอเราดูเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว เนื่องจากในส่วนของรายได้มีการย่อตัว ก็เลยดูเหมือนเปอร์เซ็นต์สูงขึ้น แต่จริงๆ แล้วสัดส่วนของ ถ้าเราดูตัวมูลค่า ตัว Absolute Value ของตัว Mini กับ Selling น่าจะอยู่ในระดับนี้ และน่าจะทรงอยู่ในระดับนี้ หากยอดขายโตขึ้นก็น่าจะไม่ขยับเพิ่มมากขึ้นตามยอดขายมากนัก

Net Profit ย่อตัวลดลง ส่วนหนึ่งเป็น Impact ที่เทียบกับไตรมาส 1 เนื่องจากไตรมาส 1 ปีที่แล้วเรามี Gain จากเรื่อง Exchange Rate Realize อยู่ประมาณ 20 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาส 1 ปีนี้เราติดลบอยู่ประมาณ 2 ล้านบาท ทำให้เห็น Gap ที่มันกว้าง หาก Normalize Gap ก็จะแคบลง แต่อย่างไรก็ดี Impact ก็จะมาจากปัจจัยที่เรียนก็คือสินค้าที่มี High Margin มีการตัวลดลง และตัว EBITDA ของบริษัทก็เลยจะปรับตัวลดลงตามกันตามสัดส่วน

สถานะการเงินและสถานะเงินสดของบริษัทยังมี Liquidity สูง และยังคงมี Cash อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่อาจจะมีคำถามเรื่องที่เรากำลังทำเรื่อง Treasure Stock ตามมา ซึ่งตอนนี้ก็ Public แล้ว ในส่วนของอัตราส่วนพวก Collection Period การจ่ายหนี้ Inventory Turnover ยังอยู่ในระดับทรงๆ เหมือนเดิม สัดส่วนต่างๆ Current Ratio Quick Ratio ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท ยังอยู่ในระดับสูง และยังมีความสามารถ Operate ได้อีกเยอะพอสมควร ส่วน ROE และ ROA ก็จะปรับตัวลงตามในส่วนของกำไรที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม เรายังมองว่าตัว Project ที่เราลงไปในแต่ละโครงการน่าจะเริ่มเห็น เก็บดอกออกผลได้ และน่าจะเริ่มเห็นความคืบหน้าที่ดีขึ้นตั้งแต่ปีนี้ปีหน้า และจะค่อยๆ เติบโตได้ดีขึ้นในส่วนของ Debt to Equity ก็คือขวาล่างสุด ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ คือตั้งแต่เข้าตลาดมาอยู่ 0.2 ปัจจุบันก็ยังเป็น 0.2 เรายังเป็นบริษัทที่น่าจะเป็น Clean Clean โลนนะครับ แทบจะโลนแนบ แทบเป็นศูนย์นะครับ น่าจะไม่มีเลยด้วยซ้ำไปโดยปกติ

ในส่วนของต่างประเทศนั้น เราพยายามเพิ่มทีมเซลล์มากขึ้น และมีการร่วมงานกับ Agent ทำให้เห็นหลายๆ สินค้าของ R&B ไป Launch ทั้งในรัสเซีย สิงคโปร์ ปากีสถาน ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย คือทีม Local ทำงานได้ดีขึ้นจริงๆ แต่ว่าเราก็มี Project ใหม่เข้ามา แต่อาจจะยังไม่เกิดเป็นยอดขาย ที่เห็นยอดตัวลงหลักๆ เลยมาจาก Domestic แต่ว่าในต่างประเทศนั้นมี Growth ทุกประเทศ แม้กระทั่งเวียดนามที่ดูเหมือนจะลง แต่โดยรวมแล้วคิดว่ายังไงเวียดนามปีนี้ก็ยังต้องเป็นบวก เพราะว่า Order ที่มันเข้าไม่ทันในไตรมาส 1 มันก็มาแล้วในไตรมาส 2

นอกจากนี้ในส่วนของตลาด Retail ก็จะมีการดัน Brand ของเราออกไปตามประเทศต่างๆ มากขึ้น ก็ไปตรงนี้ก็จะมีขายที่ Turkey อยู่แล้ว แล้วก็ดันเพิ่มไปอีก ในส่วนของโปแลนด์ก็เป็นเข้าในปีนี้นะคะ แล้วก็เวียดนาม ก็ยังเห็นว่ามีชอบส่งไทยนะคะ ดังนั้นสินค้า Uncle Bun ที่ผลิตในไทยเนี่ย ก็ได้รับที่นี่ ตอนนี้ยอดก็ยังโตเรื่อยๆนะคะ ส่วนตัวน้ำหวาน Hello4Eat ตัวซองฉีก ยอดก็คือกลางๆ นะคะ อาจจะแบบเนื่องจากว่ามันไม่ใช่เป็นของ ready to eat ซะทีเดียว ดังนั้นยอดในเซเว่นอาจจะไม่ได้พุ่งมากนะคะ แต่ก็มียอดขายต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นคิดว่าเราก็น่าจะยังอยู่ในเซเว่นต่อไปได้เรื่อยๆนะคะ New Product ก็จะมี Launch เดี๋ยวจะได้เห็นในงาน Thaifex นี้นะคะ ก็จะมีรสใหม่ๆ ออกมาค่ะ

โรงงานแต่ละที่ก็คืออินโดนีเซียและเวียดนาม operate ตามปกติแล้ว อาจจะมีการลงทุนเพิ่มเติมเล็กน้อยในปีนี้ทั้งสองโรงงาน เพื่อขยาย Line ผลิต เช่นเวียดนาม Line ผลิตที่ทำพวกไส้ขนมเริ่มแน่นแล้ว เราก็ลงทุนเพิ่มประมาณ 15 ล้านบาท เข้าโรงงานข้างๆ ก็เพิ่มขึ้นจ่ายไม่มาก คือข้อดีของเราจากเรามี Facility แล้วเนี่ยเวลาที่ R&B ขยาย Line ผลิตขยายเนี่ย มันมักจะเป็นการเพิ่มเครื่องจักรเล็กน้อยเพื่อขยายแคปไปเรื่อยๆ เราไม่ต้องสร้างโรงงานไซส์ใหญ่แล้วก็อินโดนีเซียก็เหมือนกันปีนี้ก็จะมีลงอยู่ประมาณสัก 20-30 ล้านบาท ในการขยายเครื่องจักรอย่างเดียวนะครับในการที่จะเพิ่มกำลังผลิตที่นู่น

ในส่วนของที่อินเดียนะครับ ปัจจุบันเนี่ยยังอยู่ภายใต้การก่อสร้างนะครับแล้วก็อันนี้เป็นอัปเดตนะครับ จริงๆ ไปค่อนข้างเยอะแล้วนะครับ จริงๆ รูปนี้ก็ยังไม่ได้อัปเดต 100% นะครับ แล้วก็ตามแผนเนี่ยเตรียมที่กำลังจะเริ่มเอ่อทดลองผลิตนะครับ แต่นี้ผมก็ต้องไปก็ต้องต้องอัปเดต ทางฝ่ายโอเปอเรชั่นอีกทีนึงแต่ว่ายังไงเนี่ยใน Q3 เนี่ยเขายืนยันว่าน่าจะเริ่มทดลองผลิตได้นะครับส่วนโรงงานที่อยุธยาอันนี้ก็เป็นตัวโรงงานที่เราได้รับ BOI นะครับ ตอนนี้ก็ใกล้ จะเรียบร้อยอยู่ในช่วงของพวกขอเอกสารต่างๆ เรื่อง เรื่องขอพวก เอ่อใบรับรองต่างๆ เพราะว่าการที่เราจะเริ่ม Operate เนี่ย เอ่อนอกจากที่เราได้ BOI แล้วเนี่ยในการ Operate โรงงานอาหารมันก็จะมีเรื่องของ Certificate ปลาตัว ซึ่งตอนนี้กำลังเดินหน้าตามกันนะครับ เราพยายามที่จะผลิต สินค้าในโรง Factory A ให้ได้ในปีนี้นะครับ กับ Factory B ก็จะตามมานะครับ เพื่อ เอ่อเราคาดหวังว่า 10 ทาง ภาษีจากการที่เราได้ลงทุนไปเนี่ย น่าจะเข้ามาช่วยเรื่องของ ของทางบริษัทได้นะครับ เช่นเดียวกับทางเวียดนามอินโดเมื่อกี้นี้เนี่ย เราคาดการณ์ว่าปีนี้เนี่ยน่าจะเป็นปีแรกที่เราสามารถ Exercise เรื่องของ ที่มี เอ่อขาดทุนสะสมพวก เอ่อมันเป็น แทค เพื่อลดเรื่อง เอ่อเรื่องภาระทางด้านภาษีให้กับกลุ่มบริษัทได้ เพราะคาดการณ์ว่า ทางเวียดนามอินโด แล้วก็ตัวโรงงานทางอยุธยาเนี่ย น่าจะเป็นตัวที่เข้ามาช่วยในช่วงครึ่งปีหลังนะครับ ว่าจะเข้ามาช่วยให้บริษัทเนี่ยอาจจะมีผลประกอบการในส่วนของ ทางด้านภาษีที่ดีขึ้น ช่วยลดภาระทางด้านภาษีนะครับ

และอันนี้เป็นเรื่องของการซื้อหุ้นคืนนะครับ บริษัทก็มีการประกาศที่จะ ซื้อหุ้นคืนนะครับ ทำ Treasure Stock ในวงเงินเนี่ยไม่เกิน 500 ล้านบาท นะครับก็คือจะ หุ้นที่ซื้อคืนก็จะไม่เกิน 100 ล้านหุ้นนะครับ ตอนนี้ต้องใช้เวลาในการดำเนินการนิดนึงนะครับ เอ่อเนื่องจากว่าต้องบริษัทไม่เคย ถึงเราจำเป็นต้องมี Process ในการปีก เรื่องเปิดบัญชี ปึก เอ่อบัญชีการซื้อขายของทางบริษัท นะครับ อันนี้ก็เลยต้องใช้เวลา Process ในเรื่องของ บาน เรื่องของเอกสารจะดำเนินงานไป ก็คาดการณ์ว่า น่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ประมาณ 2 มิถุนายน เป็นต้นไป นะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะเริ่มได้ประมาณนี้ก็โครงการน่าจะได้สิ้นสุดประมาณ 20 พฤศจิกายนปีเดียวกัน

แล้วก็มีเรื่องของการ เอ่อ JV บริษัทใหม่นะครับ ก็คือ คารอน อยู่ที่รัสเซีย นะครับ จริงๆ ก็เป็นบริษัทที่ เป็น เป็นอันที่อยู่ในกระแสที่หลายๆ ท่านอาจจะถามเกี่ยวกับ Project ที่รัสเซียมานานแล้วนะครับ จริงๆ แล้วเรามี Partner ที่นั่นก็คือเป็นชื่อบริษัท Central Food Trade นะครับ ซึ่งเรา Agree ที่จะมา JV บริษัทใหม่ด้วยกันนะครับ โดยที่ Partner ของเราเนี่ยจริงๆ ก็มี Order อยู่แล้วในมือ ซึ่งก็อาจจะดึง มาจากที่อื่นที่เป็นกลุ่ม Competitor เรานี่แหละนะครับ ก็ เราก็ ตกลงที่จะเดิน เอ่อดำเนินการทำ JV ด้วยกันนะครับ ในสัดส่วนประมาณ 50-50 นะครับ เรื่องโครงสร้าง Structure กำลังอยู่ในช่วง เอ่อเจรจาพูดคุยกันอยู่นะครับ ซึ่งใช้เงินลงทุนไม่เยอะ 1.5 ล้านเหรียญเนี่ยเป็นการลงทุน ครึ่งๆ เนี่ยก็คือเป็นเรื่องของการเช่าแล้วก็ทำพวก R&D Lab แล้วก็ เทรดให้กับทางลูกค้านะครับ ไม่ได้เป็นการสร้างโรงงาน หรือไม่ได้เป็น Big Investment นะครับ Order ที่จะเกิดขึ้นรวมทั้งปัจจุบันเนี่ย ของรัสเซียเริ่มมี Order เพิ่มขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่ Q1 ก็จะไต่ขึ้นมานะครับ Q1 เรามียอดรัสเซียมันยังไม่เยอะนะครับ ประมาณสัก 2 ล้านกว่า นะครับ จนถึงปัจจุบันน่าจะขึ้นไปกับ10 ล้าน นะครับ อันนี้ก็จะมาจาก อันนี้ก็คือจะมาจากกลุ่ม Partner เราที่กำลัง Work กับเราอยู่นะครับ ซึ่ง Project ที่เราขายไปให้ทางรัสเซียปัจจุบันเนี่ย ยังไม่ใช่ตัว Key Main Product ที่เรากำลัง Work กันอยู่ซึ่งใช้เวลานะครับ แล้วปัจจุบันอยู่ในช่วงที่กำลังเตรียม เทส รัน กับลูกค้าอีกรอบ แต่ว่าตัวที่เป็นพวกป๊อปปิ้ง เพอ พวกเม็ด ซึ่งเอ่อตอนนี้ รักดีแล้วก็ QSR ที่นั่นยังไม่เคย Launch ในแนวนี้ ตอนนี้ก็เริ่ม Launch ออกมาจาก จากบริษัทที่เป็น X เอ่อ QSR เก่า ๆ ที่ ที่ย้ายออกไปในรัสเซีย นะครับ ตอนนี้ก็มี 2 เจ้า ที่ Launch ออกไปแล้ว แล้ว Order เข้ามาต่อเนื่องนะครับ Volume ก็ ถือว่าเยอะนะครับ แล้วก็เป็นสินค้าที่มี High Margin อันนี้ก็มองว่าสำหรับรัสเซียก็จะเป็น มี Potential ที่ดีสำหรับ เติบโตในอนาคต นะครับ แล้วก็อันนี้ ขอเชิญชวนไปบูธนะคะ ที่งาน Thaifex นะคะ อยู่บูธ Number 12VV01 ณ Hall 12 นะคะ จับฉลากได้เกือบมูสสุดท้ายเลยค่ะ ยังไงก็อย่าลืมไปเยี่ยมนะคะ ครับก็อยากไปดูว่า RBF มี Product อะไร มีทีมขายยังไงนะครับ เรามีกลุ่มลูกค้าเยอะไหม ปกติเราออกมูสเนี่ยแต่ละท่าน ตัว C Level แต่ละท่านก็จะไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน เพราะว่า เราจะมีลูกค้า ต่างชาติอะไร มา Visit กันเยอะก็จะเห็นว่าจริง ๆ เนี่ย เราจะมีกลุ่มลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาอย่างเรื่อง กลุ่มประเทศเลยนะครับ

**ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่มในนาทีที่ 32:29]**

  1. **เป้าหมายการเติบโต 10-15% สำหรับปี 2568**
    • **คำถาม:** ยอดขายในไตรมาส 1 ลดลงประมาณ 10% มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ยอดขายที่เหลือของปีเติบโตได้ถึง 10-15%
    • **คำตอบ:** ปีนี้อาจจะมองเป้าหมายไว้ที่ Single Digit ปลายๆ เช่น 8-12% เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน RBF ครอบคลุมสินค้าทั้งราคาแพงและราคาถูก หากเศรษฐกิจไม่ดี คนจะเปลี่ยนไปบริโภคสินค้าราคาถูกแทน ยอดขายสินค้าราคาถูกไม่ได้ลดลงมากนัก แต่สินค้าฟุ่มเฟือยจะเริ่มเห็นการย่อตัว การเติบโตในต่างประเทศและการเน้นสินค้า ราคาถูก จะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราเติบโตได้ตามเป้าหมาย
    • **ช่วงเวลา:** 33:01 - 35:01
  2. **สถานะการเงินและแผนการใช้เงินสด**
    • **คำถาม:** จากการซื้อหุ้นคืน 500 ล้านบาท มีรายละเอียดอะไรที่ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะมีกระแสเงินสดเพียงพอ แม้บริษัทมีกำไรรายปี 400-500 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจกรรม 7-800 ล้านบาท
    • **คำตอบ:** เงินสดจากการดำเนินงานประมาณ 1,700 ล้านบาท แต่ก็มีรายจ่ายที่จะต้องจ่ายเช่นกัน หนี้สินที่จะถึงกำหนดใน 6 เดือนข้างหน้าประมาณ 1,200 ล้านบาท หากดู CFO ของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่ 800 กว่าล้านบาท หักปันผล 350 ล้านบาท และหักเงินลงทุนต่างๆ จะมีเงินสดเหลือประมาณ 500 ล้านบาท CFO โดยเฉลี่ยต่อเดือนน่าจะอยู่ที่ 50-100 ล้านบาท RBF คาดว่าจะเพียงพอสำหรับการทำ Treasure Stock ภายใต้พื้นฐานที่ RBF ยังไม่เคยกู้ในการทำธุรกิจ ซึ่งกำลังพยายามรักษาสถานะนี้ไว้ ตัวเลขที่ดูไว้อาจจะไม่ถึง 500 ล้านบาท
    • **ช่วงเวลา:** 35:02 - 37:01
  3. **แผนการดำเนินงานในแต่ละประเทศ (อินโด, ไทย, เวียดนาม, อินเดีย, จีน)**
    • **คำถาม:** บริษัทมีแผนดำเนินงานอย่างไรในประเทศอินโดนีเซีย ไทย เวียดนาม อินเดีย และจีน เพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่เหลือของปี และแนวโน้มที่จะกระทบกับยอดขาย
    • **คำตอบ:**
      • **ภาพรวม:** เน้นขายสินค้าราคาถูก และเพิ่ม Volume ให้มากที่สุด สินค้าที่ซื้อขายเร็วได้จะถูกผลักดันเป็นพิเศษ Project ระยะยาว ยังคงดำเนินต่อไปควบคู่กับการเพิ่มสินค้าที่ราคาเข้าถึงได้ง่าย สำหรับลูกค้า B2B จะมีการเสนอราคาพิเศษ และให้รับสินค้าในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อลดค่าขนส่ง
      • **อินเดีย:** เนื่องจากสินค้ายังมีภาพลักษณ์เป็นสินค้าใหม่และมีคุณภาพ จะไม่เน้นการลดราคามากนัก
      • **อินโด, ไทย, เวียดนาม:** ใช้กลยุทธ์เดียวกันคือผลักดันสินค้าราคาถูก
      • **จีน:** ไม่ควรทำสินค้าราคาถูกมากเกินไป เพราะสู้คู่แข่งไม่ได้ จึงเน้นบริการและสินค้าที่มีคุณภาพสูงกว่า
      • **เวียดนาม:** ลูกค้าส่วนใหญ่เป็น Exporter ไปยัง US, เกาหลี, ญี่ปุ่น US ชะลอการนำเข้าเนื่องจากความไม่แน่นอน ทำให้ต้องรอความชัดเจน
      • **อินเดีย:** ยอดขายโดยรวมเติบโตได้ดีขึ้น แต่ในงบที่แสดงจะเป็นยอดขายจากไทยไปอินเดีย ซึ่งมีรายการระหว่างกันทางบัญชีที่ต้องปรับปรุง
    • **ช่วงเวลา:** 37:02 - 41:15
  4. **ปัจจัยบวกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง**
    • **คำถาม:** ในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมี Product ใหม่, Project ใหม่ หรือ Deal ใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกหรือไม่ อย่างไร
    • **คำตอบ:** รัสเซียและอินเดียจะมี Product ใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงอินโดนีเซียและเวียดนามด้วย แต่ยังไม่มี Big Project หรือ Collaboration ใหม่ๆ สินค้า Line ใหม่ๆ ยังไม่มี แต่อาจจะมีการออกรสชาติเพิ่ม
    • **ช่วงเวลา:** 41:16 - 42:01
  5. **แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568**
    • **คำถาม:** แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 เป็นอย่างไร และทั้งปีจะยังคงเป้ารายได้เท่าเดิมหรือไม่
    • **คำตอบ:** คาดว่า 10-15% คงเป็นไปได้ยาก แต่น่าจะพยายามทำตัวเลขให้ได้ 8-12% ขอบบนอาจจะไม่สามารถทำได้แล้ว แต่ขอบล่างน่าจะทำได้ หรืออาจจะต่ำกว่าขอบล่างเล็กน้อย แต่ยอดขายที่ลดลงจะไม่มากนัก และปีนี้ยังคิดว่าจะต้องปิดเป็นบวกให้ได้
    • **ช่วงเวลา:** 42:02 - 43:13
  6. **ความคืบหน้าโรงงานที่อินเดีย**
    • **คำถาม:** ความคืบหน้าของโรงงานที่อินเดีย จะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาสไหนของปีนี้ และจะส่งผลดีกับบริษัทอย่างไร
    • **คำตอบ:** คาดว่าจะเริ่มทดลอง Run เครื่องจักรในช่วงไตรมาส 3 และน่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3 หรืออาจจะเริ่มเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ตามแผนเดิมที่ทางฝ่ายโอเปอเรชั่นแจ้งมา โดยการเริ่มทดลอง Run โรงงาน จะค่อยๆ Run Up ขึ้นไป โดย Order ที่ผลิตที่อินเดียโดยตรง จะทำให้ยอดขายจากไทยไปอินเดียลดลง เนื่องจากไม่ได้ Consolidation งบ แต่ผลกำไรขั้นต้นก็จะไปอยู่ที่อินเดีย และ Margin ก็จะดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนแป้งสาลีที่อินเดียถูกกว่าไทยประมาณ 30% แต่ค่าเสื่อมที่เข้ามาที่อินเดียในปีนี้ น่าจะติดลบอยู่เล็กน้อยประมาณ 1-2 ล้านบาท และปีหน้าจะเริ่มกลับมาเป็นกำไร
    • **ช่วงเวลา:** 43:14 - 46:24
  7. **แผนการรุกตลาดต่างประเทศใหม่ๆ**
    • **คำถาม:** ปีนี้มีแผนที่จะรุกเจาะตลาดต่างประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้นหรือไม่ และมีประเทศไหนบ้าง
    • **คำตอบ:** ไม่เพิ่มประเทศแล้ว ตอนนี้ต้องทำที่มีอยู่ให้ดีที่สุดก่อน เพราะลงทุนไปเยอะแล้ว เดี๋ยวต้องรอให้มันออกดอกออกผลนิดนึง RBF ทำตลาดหลายประเทศอยู่แล้ว แต่จะไม่มีการเปิดสาขาหรือตั้งสาขาเพิ่มอีกในตอนนี้ ประเทศที่ไม่ได้เห็นในสไลด์ก็มีอีกเยอะ เช่น อเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลาง แต่ไม่ได้มี Office ที่นั่น ซึ่งเรายัง Work ต่อเนื่อง ฟิลิปปินส์ก็ยังไม่ได้พูดถึง แต่ก็อยู่ในพื้น ที่เรา Work อยู่แล้ว ทำตลาดเพิ่มขึ้น เราจะเน้นการทำตลาดที่เรา Work อยู่แล้วหลายๆ ประเทศ ที่อาจจะไม่ได้ Public ออกไป
    • **ช่วงเวลา:** 46:25 - 47:51
  8. **แผนการรุกตลาดรัสเซียหลังจัดตั้งบริษัทย่อย**
    • **คำถาม:** อยากทราบแผนการรุกตลาดรัสเซีย หลังจากบริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยแล้ว จะดึงใครเข้ามาร่วมหุ้น และมองตลาดรัสเซียเป็นอย่างไร
    • **คำตอบ:** ถึงแม้สงครามจะจบลงแล้ว แต่รัสเซียคงยังพยายามพึ่งตัวเองต่อไป และค้าขายกับประเทศที่รู้สึกว่ามีความปลอดภัย ถึงแม้สงครามจะจบแล้ว ถ้าบริษัทเปิด เราก็ยังน่าจะค้าขายได้อยู่ เพราะเราก็ไม่ได้มาจากทางอเมริกา ในส่วนของการทำการตลาด ก็คงจะ Step The Fly เหมือนตอนที่เราเริ่มทำอินโดนีเซีย คือส่งเซลล์ทีมไปช่วย Boost ในการขายก่อน จนกระทั่งยอดขายมัน Catch Up ได้ถึงระดับหนึ่ง แล้วค่อย Consider เรื่องการมีโรงงานต่อไป Partner ที่เข้ามาร่วมหุ้นก็คือ Central Food Trade ซึ่งเป็นบริษัทที่เรามา JV ตั้ง คารอนด้วยกัน เขาอยู่ในตลาด Import ให้กับกลุ่ม QSR ใหญ่ๆ ในรัสเซียอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบันพอเรามาจับมือกัน เนี่ยมันจะเป็นเรื่องของการช่วยกันพัฒนา Product และถ้าเรา JV บริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้วเนี่ยเขาก็จะ เอ่อแน่นอนว่าเขาก็อยากที่จะโยก Order ที่มีอยู่ในมือเนี่ยมาพัฒนาหรือว่ามาขายของเรามากขึ้นอยู่แล้วนะครับเพราะว่า โดยอนาคตเองเนี่ยตลาดรัสเซียจริงๆ เป็นตลาดที่ใหญ่นะครับแล้วก็มีศักยภาพสูงนะครับแล้วก็ เป็นตลาดสามารถเป็นผู้ผลิตได้ด้วย เพราะว่ารัสเซียเนี่ยเป็นประเทศที่มีเรื่องของ สาลีค่อนข้างศ นะครับ เขาเป็นประเทศที่ทำ สาลีได้ถูกอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของกลุ่ม Food Coating

    • **รายได้ต่างประเทศ (ไม่รวมจีน)** * **คำถาม:** ใน Q1 นอกจากจีนแล้ว มีที่ใดยอดขายลดลงบ้าง และมีที่ใดยอดขายเพิ่มขึ้นบ้าง เพราะเหตุใด ยอดขายต่างประเทศที่ลดลงไม่ได้เกิดจากจีนที่เดียวหรือไม่ * **คำตอบ:** ถ้าเราตัดจีนออก ยอดขายต่างประเทศเราขยับได้ดีขึ้น แม้ว่าเล็กน้อย แม้ว่าเทียบกับ Q1 ปีที่แล้ว Exchange Rate แตกต่างกัน ซึ่ง Impact จาก Exchange Rate ทำให้ยอดขายเหมือนหายไปประมาณ 10 ล้านบาท แต่โดย Absolute ถึงแม้จะมี Impact จาก Exchange Rate แล้ว ก็ยังเติบโตขึ้นเล็กน้อยถ้าเราไม่นับจีน เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วถ้าเรา Breakdown เป็นประเทศจริงๆ เวียดนามที่ลดลง อย่างที่เรียนเมื่อกี้ Order ของฟิลิปปินส์ดีเลย์ไปอยู่ใน Q2 ช่วงที่ตรุษจีนมีเรื่องของแรงงานที่ขาดแคลนช่วงนั้นนิดนึงก็เล่งการผลิตขึ้นมา ซึ่งก็น่าจะมา Ramp Up ได้ช่วงปลาย Q1 ถึง Q2 แทนแล้วก็ของเวียดนามเนี่ย อาจจะมี Impact ในเรื่องของเนื่องจากลูกค้าของเราในแต่ละประเทศเนี่ย เวียดนามเนี่ยเป็นกลุ่ม ที่เป็น Exporter ไปซะส่วนใหญ่นะครับ ต่างจากที่อินเดียหรืออินโด ซึ่งลูกค้าเราส่วนใหญ่ใช้สำหรับ Domestic ในปัจจุบันนะครับ ทีนี้ที่เวียดนามเองเนี่ยก็มีทั้ง Export ไป US Export ไปเกาหลีไปญี่ปุ่นครับ US ก็เป็นตัวนึงที่ชะลอนะครับ ที่ชะลอลงเนื่องจากทุกคนรอความชัดเจนนะครับ ลูกค้าก็อาจจะต้องชะลอดูดูเหตุการณ์อันนี้ก็เป็น หนึ่งในที่ตับ ส่วนของอินเดียที่เมื่อกี้อธิบายไปก็คือของอินเดียจริงจริงถ้าเราไปดู โดยงบ อ่าของตัวอินเดียเองเนี่ย ถ้าไปดูที่ RBF ดูตัวมูกเนี่ยจริงๆ Year On Year เติบโตได้ดีขึ้นนะครับ ผมไม่มีสไลด์แต่ผมอาจจะ ผมอาจจะไปแชร์ ตอบให้หลังจาก หลังจากใน ใน Off Day นะครับ เดี๋ยวผมไปแชร์ให้ใน เอ่อเว็บของบริษัทนะสิ เอ่อจริง จริงเกิดกับเติบโตดีขึ้นนะครับของอินเดียถ้าเราไปดูที่งบลูกเขา แต่บางทีเนี่ยเนื่องจาก ในงบที่เราโชว์ใน Off Day เป็นงบที่ฝั่งไทยขายไปอินเดีย ซึ่งมันต้องมี การ ตัดรายการระหว่างการท สินค้าที่ยังคงคลัง หรือสินค้า ต่อเนื่องมาจาก Qเตอร์ก่อนหน้าอะไรอย่างเงี้ย ทำให้ภาพมันอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงนัก มันเป็นเรื่องของ การ ทางรายการบัญชีนะครับ เดี๋ยวผมไปแสดงที่เหลือ Detail ให้ใน ในเว็บของบริษัทอีกทีนะครับ ส่วนของ IR นะครับ

โพสต์ล่าสุด