บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SALEE กำไรทรุด 60% แม้คุมหนี้อยู่หมัด!
P/E 32.69 YIELD 3.43 ราคา 0.35 (0.00%)
สาลี่อุตสาหกรรมฯ เผยผลประกอบการปี 67 กำไรหดตัว แต่ยังคงรักษาสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง
ไฮไลท์สำคัญ:
SALEE รายได้รวมลดลง กำไรสุทธิร่วง แม้คุมต้นทุนทางการเงินได้ดี แต่ยังไม่พ้นผลกระทบเศรษฐกิจชะลอตัว สินทรัพย์รวมและหนี้สินลดลงเล็กน้อย D/E Ratio ยังต่ำ เงินสดในมือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการบริหารจัดการ
รายได้และกำไร:
ปี 2567 รายได้รวมของ SALEE อยู่ที่ 1,284 ล้านบาท ลดลง 1% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายในกลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตชิ้นส่วนพลาสติกลดลง อันเป็นผลมาจากภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ กำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 6.58 ล้านบาท ลดลงถึง 60% เมื่อเทียบกับปีก่อน (16.65 ล้านบาท) เป็นผลมาจากการลดลงของรายได้รวม
กำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย อัตราส่วนต้นทุนขายต่อยอดขายใกล้เคียงปีก่อน แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 9% ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 21% ต้นทุนทางการเงินลดลงจากการทยอยคืนเงินกู้ยืมจากธนาคาร
กลุ่มบริษัทมีภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นบวกจำนวน 25.46 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งกลับรายการจากการใช้ประโยชน์ทางภาษีจากขาดทุนที่เกิดขึ้นในอดีต
สินทรัพย์และหนี้สิน:
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 สินทรัพย์รวมของบริษัทอยู่ที่ 1,710 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน เงินฝากประจำธนาคารลดลงเล็กน้อย ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่นลดลงเล็กน้อย คิดเป็นอัตราส่วนลูกหนี้การค้าต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 18.44 สินค้าคงเหลือลดลง คิดเป็นอัตราส่วนสินค้าคงเหลือต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 8.22
หนี้สินรวมลดลง ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ลดลงจาก 0.15 เท่า เป็น 0.131 เท่า ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง เนื่องจากการจ่ายเงินปันผลประจำปี
กระแสเงินสดและสรุป:
SALEE มีกระแสเงินสด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 33 ล้านบาท บริษัทมีกระแสเงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงานประมาณ 143 ล้านบาท ใช้เงินสดสุทธิสำหรับกิจกรรมลงทุนประมาณ 17 ล้านบาท และใช้เงินสดสุทธิสำหรับกิจกรรมจัดหาเงินประมาณ 95 ล้านบาท
โดยสรุป SALEE มีรายได้และกำไรลดลงในปี 2567 เนื่องจากภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง แม้จะคุมต้นทุนทางการเงินได้ดี แต่ก็ไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงได้ อย่างไรก็ตาม ฐานะทางการเงินยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำ และมีกระแสเงินสดเพียงพอในการชำระหนี้