SSP โชว์ผลงาน Q3 ปี 2567: โตต่อเนื่องด้วยพลังงานหมุนเวียน พร้อมลุยขยายลงทุน 7 ปีข้างหน้า สู่เป้าหมาย 1 GW

P/E 5.99 YIELD 6.55 ราคา 3.12 (0.00%)

SSP โชว์ผลงาน Q3 ปี 2567: โตต่อเนื่องด้วยพลังงานหมุนเวียน พร้อมลุยขยายลงทุน 7 ปีข้างหน้า สู่เป้าหมาย 1 GW

สวัสดีนักลงทุนทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งในงาน Set Opportunity Day ของบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP ประจำไตรมาส 3 ปี 2567

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

SSP ดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม, วินด์ฟาร์ม, ไบโอแมส และโซลาร์รูฟท็อป

  • โซลาร์ฟาร์ม: ภาพรวมการผลิตอาจดูซอฟต์ลง 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากอยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่จังหวัดลพบุรี ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 52 MW
  • วินด์ฟาร์ม: ยังคงเป็นไฮไลท์ของปีนี้ มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาก ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม แม้ว่าช่วงต้นปีจะมีการปิดปรับปรุงสายเคเบิลใต้ทะเลของวินด์ฟาร์มที่เวียดนามประมาณ 5 เดือน แต่โดยรวมยังคงมีการเติบโต 13.4% เนื่องจากโครงการวินชัยที่เพิ่ง Take ไป 100% ตั้งแต่มีนาคมปีก่อน เข้ามาช่วยเสริม
  • ไบโอแมส: ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • โซลาร์รูฟท็อป: ในช่วงไตรมาส 3 ได้เปิดโครงการใหม่ในประเทศไทยอีก 4 โครงการ ทำให้ปัจจุบันมีโครงการในประเทศไทย 19 โครงการ และในอินโดนีเซีย 99 โครงการ มี Capacity รวม 49.19 MW

ปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจ:

  • FT ที่ลดลง กระทบกับโครงการในประเทศไทย 2 โครงการ (SPN และวินชัย) ทำให้รายได้ค่าไฟอาจซอฟต์ลง
  • ค่าเงินบาทแข็งค่า ทำให้การรับรู้รายได้จากโครงการต่างประเทศเป็นเงินบาทอ่อนตัวลง

Set ESG Rating: ปัจจุบันอยู่ที่ Rating Double A สำหรับปี 2567 และของปี 2568 คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้

CCR Rating: คงอยู่ที่ 5 ดาว

ปัจจุบันมี Installed Capacity รวม 343 MW ณ สิ้นไตรมาส 3 และหากคิดเป็น PPA จะอยู่ที่ 289 Equity MW จากจำนวนโครงการทั้งสิ้น 128 โครงการ โดยมีสัดส่วนของโซลาร์ฟาร์ม 56%, วินด์ฟาร์ม 27%, โซลาร์รูฟท็อป 14% และไบโอแมส

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

บริษัทมีเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งให้ได้ 1 GW ภายใน 7 ปีข้างหน้า (ปี 2575) โดยจะเน้นการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

ความเสี่ยงหลักที่บริษัทกำลังเผชิญอยู่คือ ความผันผวนของค่าเงินบาท และการเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าไฟฟ้า FT

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยการกู้เงินสกุลเดียวกับรายได้ และมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยง (Hedging) นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

SSP ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต จากการขยายการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน และการสนับสนุนจากภาครัฐในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้นำด้านพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชีย

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 42:36]

  1. ผลกระทบจากค่าเงินเยนอ่อนค่า:
    • คำถาม: ค่าเงินมีผลอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะค่าเงินเยนที่อ่อนเมื่อเทียบกับค่าเงินบาท จะทำให้กำไรของโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นน้อยลงหรือไม่?
    • คำตอบ: งบของบริษัทเป็นสกุลเงินบาท ดังนั้นเวลาแปลงค่าจากเงินเยนกลับมาเป็นเงินบาทจะน้อยลง แต่บริษัทได้รับรายได้เป็นสกุลเงินไหนก็จะใช้สกุลเงินนั้น เช่น ได้รายได้เป็นเยน เงินกู้ก็เป็นเยน ในส่วนทนเองก็มีโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นหลายโรง ซึ่งในบางโรงแรกๆ อาจใช้เงินบาทเข้าไปลงทุน แต่ในเคสของ Leo 2 ที่มีการขยาย ใช้เงินเยนที่เป็นเงินกำไรจากโรงไฟฟ้าอื่นๆ หมุนกลับมาลงทุน ทำให้ในเชิงความเสี่ยง Currency Matching ไม่มี แต่แน่นอนในส่วนกำไรที่เป็นเยน ถ้าค่าเงินเยนอ่อน Convert กลับมาเป็นเงินบาทก็จะลดลง
  2. นโยบายการจ่ายปันผล:
    • คำถาม: ปีนี้บริษัทมีการจ่ายปันผลเท่ากับปีที่แล้วหรือไม่?
    • คำตอบ: นโยบายของบริษัทคือ ร้อยละ 40 ของกำไรปกติที่ใน MD&A เรียกว่า COP ปีที่แล้วกำไรประมาณ 824 ล้านบาท แต่จ่ายไปแค่ 20 สตางค์ ซึ่งหารดูแล้วยังไม่ถึง 40% บริษัทมีแผนในอนาคต แม้ว่าจะมีลงทุนต่อเนื่องเยอะ (ปีหน้า 2 หมื่นกว่าล้าน) แต่ด้วย Source of Funding ที่มี ไม่ว่าจะเป็นจากเงินกู้ จากสถาบันการเงิน ออก Bond หรือมี Tool ใหม่ๆ ที่ดีขึ้น Cost ถูกลง มีแผนทำเรื่อง Asset Monetization มีคนอยากซื้อโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นอยู่โรงนึง ซึ่งเงินพวกนี้ผันมาลงทุนได้ โดยไม่ต้องกระทบผู้ถือหุ้นด้วยการลดปันผล มีกำไรจึงจ่ายปันผล ตามเกมประมาณ 40% ปีที่แล้วจ่ายประมาณ 30%
  3. เรื่อง Adder ที่หมด:
    • คำถาม: เรื่อง Adder ที่หมด สามารถ Break Down เป็น Capacity รายไตรมาสปี 2025-2027 ได้ไหม?
    • คำตอบ: ปีนี้ Adder หมดของโรงไฟฟ้า Solar SPN ไปแล้ว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในเชิง Break Down Capacity รายไตรมาส Adder 6.5 บาทของ SPN ถ้าคูณกำลังการผลิตไป ทั้งปี Adder ที่หายไปอาจจะประมาณ 400 กว่าล้านบาท ถ้าเป็นรายไตรมาสก็ประมาณ 100 กว่าล้านบาท ไตรมาส 2 ที่เป็น High Season หน่อยก็จะเยอะหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วง Low Season ก็จะน้อยหน่อย
    • Adder วินชัย (ซื้อมา) มี Adder 3.50 บาท แต่กว่าจะหมดอีก 4 ปี (ปี 2029) เรื่อง Adder หมดในมุมของเสริมสร้างไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมารู้กัน ทุกครั้งที่ลงทุนในโรงไฟฟ้าจะมองภาพรวม วันนี้มีโรงไฟฟ้า Adder 40 MW ปัจจุบัน Adder หมดแล้ว อาจเห็นรายได้ช่วงไตรมาส 2-3 ดรอปลง แต่รอไตรมาส 4 ก็เป็น High Season
    • สิ่งที่เอาเข้ามาทดแทนคือโรงไฟฟ้าอีก 300 กว่า MW ทั่วประเทศทั้ง Solar Farm, Wind Farm วินชัย ปี 2029 Adder หมด ก็จะมีโรงไฟฟ้าใหม่ที่ลงทุนเข้ามาทดแทนสบายๆ ซึ่งโรงไฟฟ้ารุ่นใหม่เป็น FIT 20-25 ปี ไม่ใช่เรื่องกังวล วางแผนเรื่องการเติบโตทั้งรายได้และกำไรล่วงหน้าไว้
  4. แผนการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า:
    • คำถาม: จะต้องมีปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าอะไรบ้างปีหน้า?
    • คำตอบ: ปีนี้มีเรื่องการซ่อมบำรุงของ SPN ซึ่งเป็นการ Overhaul ใหญ่ เป็นแผน ปีหน้าไม่มีแล้ว เพราะปีนี้คิดว่าจะเรียบร้อย กับมีเรื่องที่เป็น Preventive Maintenance ปกติของโรงไฟฟ้าทั่วไป อย่าง Waste to Energy ปีนึง 365 วันก็จะปิดประมาณ 15-20 วันต่อปี อันนี้ซ่อมบำรุงปกติ ตัวของ TTTV ที่มีปัญหา มันเป็นลักษณะของอุบัติเหตุ ซึ่งไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มีประกัน Cover ทุกโรงไฟฟ้ามี All Risk และ Business Interruption
  5. มุมมองเกี่ยวกับแบตเตอรี่:
    • คำถาม: อยากทราบมุมมองของบริษัทเกี่ยวกับแบตเตอรี่?
    • คำตอบ: ดี แล้วก็เริ่มมี แต่แบตเตอรี่จะเข้ามาช่วยถ้ามีเรื่อง Corporate PPA หรือเรื่องอื่นเข้ามาช่วย หรือแม้แต่การที่มาลงทุนเพื่อที่จะขายไฟในกรณีปกติ เห็นเทรนด์เข้ามาหลายเจ้าเริ่มมาคุยว่าที่ญี่ปุ่นอยากจะสนใจเรื่องพวกนี้ กำลังศึกษาอยู่
  6. แนวโน้ม Q4 ปี 2567:
    • คำถาม: Q4 ดีกว่า Q4 ปีที่แล้วไหม?
    • คำตอบ: Q4 ปีนี้ก็คงเป็น Q4 ที่ดีที่สุดของปี เพราะเป็น High Season ของลม แต่คงจะไม่ดีกว่าปีที่แล้ว คงซอฟต์ลงมานิดนึง เพราะ Leo 2 เพิ่ง Operate ได้กลางไตรมาสแค่นั้นเอง และ Q4 ปีที่แล้วยังมี Adder เพราะฉะนั้นประมาณ 100 นึงอะฐานมันหายไปแน่ๆ แต่มันก็ควรจะดีขึ้น และ Q4 ปีหน้าก็น่าจะดีกว่า Q4 ปีนี้
  7. โรงไฟฟ้าที่ Adder หมดแล้ว:
    • คำถาม: โรงไฟฟ้าที่ Adder หมดแล้วทำกำไรได้อยู่ไหม?
    • คำตอบ: ทำกำไร ผมยกตัวอย่างง่ายๆ แบงค์เขาก็ยังปล่อยกู้ ไม่ใช่ว่าพอ Adder หมดแล้วแบงค์ไม่ปล่อยกู้ ถึงแม้ว่า Adder หมดแบงค์ก็ยังปล่อยกู้ แสดงว่าเขาก็มองว่าถึงแม้ว่า Adder มันหมดไปแล้วโรงไฟฟ้าก็มีศักยภาพสร้างรายได้และผลกำไรมากพอที่จะไปจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้นได้ เพราะฉะนั้นมันมีกำไรอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวล
  8. Leo 2 ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการ:
    • คำถาม: Leo 2 ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการจะเห็นกำไรช่วงไหน?
    • คำตอบ: จริงๆ ก็กำไรทันทีที่เริ่มดำเนินการ เพียงแต่มันจะมากจะน้อยมันอยู่ที่ Seasonality Leo 2 กำลังการผลิตติดตั้งที่เพิ่มขึ้นมา 22 MW ถ้าดูในภาพของทั้งหมดที่มีอาจจะประมาณ 6-7% เท่านั้นเอง แต่ถ้าไฟเขา 36 เยน ถ้าตีเป็นเงินไทยก็เกือบ 7 บาทกว่า เกือบ 8 บาท ถ้าไฟค่อนข้างสูง ในเชิง Contribution ที่เป็นกำไร ตีคร่าวๆ ว่าน่าจะประมาณ +10% จากฐานที่เรามี ในมุมของกำไร Season มันไม่เหมือนในเมืองไทย เมืองไทยมันก็แค่ร้อนกับฝน แต่ญี่ปุ่นมีหิมะเลย มันหนาวเลย High Season ที่ดีที่สุดคือช่วงเดือน 8 (สิงหาคม) เดือน 7-8-9 ช่วงนี้ก็จะเป็นไตรมาส 3 ที่เป็น High Season รองลงมาก็อาจจะเป็นช่วงไตรมาส 2 ช่วงไตรมาส 4 กับไตรมาส 1 ก็อาจจะ Lowๆ หน่อย เพราะเป็นช่วงหน้าหนาวของเขา
  9. Quick Win:
    • คำถาม: Quick Win คืออะไร?
    • คำตอบ: แน่นอนคือ เรื่อง Solar ชุมชนที่จะออกมา แล้วหวังว่าจะได้มีส่วนร่วม และเรื่องที่ทำ Solar Rooftop ธุรกิจ EPC เรามี และคิดว่าน่าจะได้ Benefit จากตัวนี้ที่รัฐบาลพยายามให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ก็ทั้งสองส่วนคิดว่าจะเข้าไปร่วมแน่นอน

โดยสรุป SSP ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการขยายการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน และการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทมีศักยภาพที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด