บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

บมจ. บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น (BIG) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 ขาดทุนสุทธิ 7.92 ล้านบาท ลดลงอย่างมากถึง 153.59% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 14.78 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจโดรน และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา

ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกและภายใน

รายได้รวมจากการขายและบริการของ BIG ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 877.15 ล้านบาท ลดลง 1.55% จาก 890.93 ล้านบาทในปีก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งคือ ข้อกำหนดการขึ้นทะเบียนโดรนของ กสทช. และการระงับใช้งานในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยยังส่งผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นอีกด้วย

ต้นทุนขายและบริการลดลงเล็กน้อย 0.40% แต่กำไรขั้นต้นลดลง 6.47% ในขณะที่รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 8.92% จากการสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดจากแบรนด์ผู้ผลิตสินค้า อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารกลับเพิ่มขึ้นถึง 10.58% เนื่องจากการขยายสาขา (ทั้งกลุ่มโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ถ่ายภาพ) การปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่ และผลกระทบจากอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับขึ้น

นอกจากนี้ ต้นทุนทางการเงินยังเพิ่มขึ้น 73.00% ส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าตามมาตรฐานรายงานทางการเงินฉบับที่ 16 ส่งผลให้กำไรก่อนภาษีเงินได้ลดลงอย่างมากถึง 153.18% และกำไรสุทธิลดลงในทิศทางเดียวกัน

ข้อสังเกตและประเด็นที่น่าสนใจ

แม้ว่า BIG จะพยายามเพิ่มรายได้จากส่วนอื่น เช่น รายได้จากการสนับสนุนทางการตลาด แต่ก็ไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงจากธุรกิจโดรนและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้ การขยายสาขาซึ่งปกติเป็นปัจจัยบวก กลับกลายเป็นภาระเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น

สรุป

ผลประกอบการของ BIG ในไตรมาส 3 ปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทฯ กำลังเผชิญ ทั้งจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ (กฎระเบียบของ กสทช.) และปัจจัยภายใน (การบริหารจัดการค่าใช้จ่าย) บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อกลับมาสร้างผลกำไรได้อีกครั้ง