บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SICT Oppday Q2/2568: เจาะลึกผลประกอบการและโอกาสเติบโตในอนาคต
P/E 12.18 YIELD 3.68 ราคา 2.28 (0.00%)
SICT Oppday Q2/2568: เจาะลึกผลประกอบการและโอกาสเติบโตในอนาคต
ขอสวัสดีผู้ลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน บริษัท Silicon Craft Technology จำกัด (มหาชน) กลับมาพบกันในไตรมาสที่ 2 ปี พ.ศ. 2568 นำโดยผู้บริหารระดับสูง ดร. บดินทร์ เกษมเศรษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณโกวิท เนื่องสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน พร้อมด้วยคุณกัณฐลี กระจ่างแสง เลขานุการบริษัทและผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
คุณโกวิทได้สรุปผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
- รายได้รวม 5.94 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.3% (QoQ) และ 7% (YoY)
- รายได้หลักยังคงมาจาก Animal ID แต่มีการฟื้นตัวของ Industrial IoT
- หากคิดเป็นเงินบาท รายได้รวมอยู่ที่ 197.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% (QoQ) แต่ลดลง 2.8% (YoY) เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
- Gross Profit Margin ปรับตัวดีขึ้นจาก 41% ในไตรมาส 1 เป็น 46% ในไตรมาส 2 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง Product Mix และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
- กำไรสุทธิ 32.1 ล้านบาท ลดลง 5.5% (QoQ) และ 22.6% (YoY) จากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและการลงทุนใน Research & Development
โดยรวมแล้ว ผลประกอบการไตรมาสนี้ถือว่าเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในอดีต แต่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก เช่น อัตราแลกเปลี่ยน
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตในหลายด้าน:
- การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาด Animal ID จากการบังคับใช้กฎระเบียบในหลายประเทศ
- การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะช่วยเพิ่ม Gross Profit Margin
- การลงทุนใน Research & Development เพื่อสร้างนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในอนาคต
- โอกาสในการขยายตลาดไปยังกลุ่ม Medical Device และ Medical Application
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Risks) ระหว่างจีนและสหรัฐฯ
- ผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้า (Tariffs) ของสหรัฐฯ
- การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะในอุตสาหกรรม Semiconductor
- ปัญหา Over Supply และ Shortage ในบาง Segment ของอุตสาหกรรม
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทมีแผนการรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
- การกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย
- การลงทุนใน Research & Development เพื่อสร้างความแตกต่างและนวัตกรรม
- การบริหารจัดการต้นทุนและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาบุคลากรและดึงดูดผู้มีความสามารถเข้าสู่องค์กร
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
ดร. บดินทร์กล่าวถึงแนวโน้มของธุรกิจในอนาคต โดยอ้างอิงจากข้อมูลและสถานการณ์ปัจจุบัน:
- ตลาด Semiconductor ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมี AI และ Data Storage เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก
- บริษัท Silicon Craft สามารถเติบโตได้ดีกว่าคู่แข่งใน Segment Analog Mixed Signal
- บริษัทมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีก 4 ตัวในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Revenue และ Portfolio Expansion
- บริษัทคาดการณ์ว่า Gross Profit Margin จะปรับตัวดีขึ้นในอนาคต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม 00:36:34]
-
ผลกระทบจาก Tariff ต่อรายได้ในอเมริกา
คำถาม: สัดส่วนรายได้ที่ส่งตรงไปที่อเมริกาเป็นอย่างไร และจะได้รับผลกระทบจาก Tariff มากน้อยแค่ไหน?
คำตอบ (คุณกัณฐลี): ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่ส่งโดยตรงไปที่อเมริกาเพียง 1-2% เท่านั้น และยังอยู่ใน Except List ของ IC Component จึงมีผลกระทบน้อย อย่างไรก็ตาม จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
-
แนวโน้มงบไตรมาส 3-4 และ GP Margin
คำถาม: แนวโน้มของงบในไตรมาส 3-4 จะเป็นอย่างไร และคาดหวัง GP Margin ที่แตกต่างกันในแต่ละ Segment หรือไม่?
คำตอบ (คุณกัณฐลี): แนวโน้มอาจจะต้องมาดูกันอีกที แต่สิ่งที่น่าจะดีขึ้นคือเรื่องของ GP Margin
-
GP Margin ของแต่ละ Segment
คำถาม: สินค้าแต่ละ Segment มี GP Margin แตกต่างกันอย่างไร?
คำตอบ (คุณโกวิท): โดยรวมบริษัทมีค่าเฉลี่ย GP Margin ที่ 45% (กลางๆ บวก-ลบ) Animal ID อาจต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย แต่มี Major Contribution ส่วน Segment อื่นๆ เช่น Industrial IoT, Immobilizer, NFC, และ New Product มี GP ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาก
-
นโยบายการลงทุน R&D และผลกระทบต่อ DE
คำถาม: บริษัทมีแผนปรับนโยบายการลงทุน R&D อย่างไร จะกระทบ DE หรือไม่ และจะคงระดับ DE ต่ำแบบนี้ต่อไปหรือไม่?
คำตอบ (คุณโกวิท): ปกติลงทุนใน R&D ประมาณ 20% ของยอดขาย และ Source of Fund หลักยังมาจาก Operation Cash Flow DE มีโอกาสสูงขึ้นได้ และ Internal อยากเซ็ตไว้ว่าไม่ควรเกิน 1 เท่า อาจมีการลงทุนใน Capital Expenditure หรือ M&A ซึ่งยังอยู่ใน Pipeline หากมีการลงทุนระยะยาวมากขึ้น อาจใช้เงินกู้บางส่วนเข้ามา ทำให้ DE ปรับสูงขึ้นได้
-
Value Added สูงสุดในอุตสาหกรรม Semiconductor
คำถาม: จุดไหนของอุตสาหกรรม Semiconductor มี Value Added มากที่สุด และบริษัทมีศักยภาพในการมีส่วนร่วมอย่างไร?
คำตอบ (ดร. บดินทร์): Value Add ก็คงต้องพูดถึง Revenue ใน Application ตอนนี้ Logic เช่น Computing (GPU, High Performance Computing, AI) มี Value ที่ใหญ่ที่สุด และ RFID ทำหน้าที่นำ Data จาก Analog หรือ Physical Data (อุณหภูมิ) ส่งเป็น Digital เข้าไปในระบบ เพื่อให้ AI เอา Data เหล่านั้นมาประมวลผล RFID จึงเป็น Media ในการส่ง Data เข้า Cloud หรือ Storage
-
แรงกดดันจาก AI ต่อศักยภาพการแข่งขัน
คำถาม: วิวัฒนาการของ AI จะกดดันศักยภาพการแข่งขันในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ของบริษัทเมื่อเทียบกับบริษัทใหญ่ๆ อย่างไรบ้าง?
คำตอบ (ดร. บดินทร์): Part ของงาน Design ส่วนใหญ่ยังมีการ Limitation ในการใช้ AI ในการ Design และงาน Software Development น่าจะมี Impact มากกว่า ใน Part Hardware Design/Development ยังมีข้อจำกัดของ AI ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในการพัฒนา Chip เหล่านี้ แต่ทั้ง Program, EDA, Wafer Fab หรือคนที่อยู่ใน Ecosystem ต่างๆ ได้มีการพัฒนา หรือได้เข้าไปมองดูว่าเราจะใช้ AI ยังไงเพื่อให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น
-
แผนการเติบโตใน IoT และการเน้นอุตสาหกรรม
คำถาม: มีการเน้นในอุตสาหกรรมใดเป็นพิเศษหรือไม่ ใน IoT และบริษัทมีแผนอย่างไรในการฟื้นยอดขายใน Segment นี้?
คำตอบ (ดร. บดินทร์): ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการขยายตัวของตลาดอุตสาหกรรม โดยภาพรวมในช่วงครึ่งปีแรก ลูกค้าหลายๆ เจ้าค่อนข้างจะ Delay Tender เพราะ Uncertainty เรื่อง Tariff ต่างๆ ก็จะเห็นได้ว่า ตอนนี้ภาพต่างๆ มันดูจะชัดเจนมากขึ้น เพราะว่าทางยุโรปก็เซ็นสัญญาแล้ว ทางเกาหลีญี่ปุ่นอะไรต่างๆ ทุกลูกคนภาพที่เกี่ยวข้องกับ Geopolitical และก็แทบจะรีบไปต่างๆ เนี่ย ก็มีความชัดเจนมากขึ้น แต่แน่นอนครับมันก็ยังมีความไม่ชัดเจนอีกหลายๆ ส่วนแต่ว่าจากความความไม่ชัดเจนอะไรเลยเนี่ยตอนนีมันชัดเจนได้มากขึ้น ตอนนี้ policy ต่างๆ หรือโปรเจคต่างๆ ก็มีภาพชัดเจนมากขึ้นนะครับ
หัวข้อที่ถามและคำตอบที่ผู้บริหารตอบในคลิป
- ผลกระทบ Tariff ต่อรายได้ในอเมริกา: สัดส่วนรายได้น้อยและยังอยู่ใน Except List
- แนวโน้มงบไตรมาส 3-4 และ GP Margin: GP Margin น่าจะดีขึ้น
- GP Margin ของแต่ละ Segment: Animal ID ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย, Segments อื่นสูงกว่า
- นโยบายการลงทุน R&D และผลกระทบต่อ DE: ลงทุน 20% ของยอดขาย, DE มีโอกาสสูงขึ้นได้
- Value Added สูงสุดในอุตสาหกรรม Semiconductor: Logic (AI, Computing) มี Value ใหญ่สุด
- แรงกดดันจาก AI ต่อศักยภาพการแข่งขัน: Hardware Design ยังมีข้อจำกัดในการใช้ AI
- แผนการเติบโตใน IoT และการเน้นอุตสาหกรรม: ขยายตลาดและเน้น Automation, Heavy Industry
โดยสรุป Silicon Craft Technology ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่ม Animal ID และ Industrial IoT แม้จะมีความท้าทายจากปัจจัยภายนอก แต่บริษัทมีแผนการรับมือและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต