TU
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

ถอดรหัส Oppday TU: ไตรมาส 3 ปี 2568 เจาะลึกผลกระทบ โอกาส และอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

รายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 34,501 ล้านบาท ลดลง 1% YoY หลักๆ มาจากการลดลงของผลกระทบจาก FX Translation Impact

Organic Sales กลับมาเติบโตขึ้น ถือเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา

นอกจาก FX แล้ว ยังมีผลจากการ Delay ของ Shipment Delivery ในเดือนกันยายน ในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นหลัก

Volume มีการเติบโตขึ้น 3.7% YoY

Gross Profit Margin ลดลงราว 4% แต่ Gross Profit Margin ต่อรายได้ยังสูงอยู่ที่ 19% ซึ่งสอดคล้องกับ Target Full Year ที่ตั้งไว้ 18.5-19%

ธุรกิจอาหารแช่แข็ง (Frozen) และธุรกิจ Feed ช่วยพัฒนา Gross Profit Margin ในไตรมาสนี้

Adjusted Operating Profit อยู่ที่ราว 2,000 ล้านบาท ลดลง 13% YoY หลักๆ มาจาก Gross Profit ที่เป็นตัวเงินลดลง รวมไปถึง SG&A หรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น (ค่า Marketing)

Adjusted Net Profit อยู่ที่ราว 1,500 ล้านบาท โดยมีผลของ FX, Tax และ Financial Cost เข้ามาเกี่ยวข้อง

รายงานกำไรสุทธิลดลงราว 7% YoY หลักๆ มาจาก Operating Profit ที่ลดลง แต่มีการชดเชยด้วย FX Gain ที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการจ่ายดอกเบี้ย และ Tax ที่เพิ่มขึ้น

Earning per share เพิ่มขึ้น 12.1% YoY หลักๆ มาจากการยกเลิก Share Buyback ใน 2 รอบที่ได้ซื้อมา จากจำนวน 4 รอบ

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทกำลังมองหาโอกาสในการเติบโตจาก Organic Sales และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ

Project Transformation (Sona และ Tailwin) เป็นกลยุทธ์หลักในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

Sona: ตั้งเป้าประหยัด 75 ล้านเหรียญต่อปี ภายในปี 2570

Tailwin: ตั้งเป้าเพิ่ม Operating Profit ราว 50 ล้านเหรียญต่อปี เริ่มบันทึกในปี 2570

Cost Reset Program: โปรแกรมลดค่าใช้จ่ายระยะยาว 3 ปี (2568-2570) เน้นธุรกิจอาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารแช่แข็ง ตั้งเป้าประหยัด 118 ล้านเหรียญ ในปี 2570

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ความเสี่ยงจากผลกระทบของ FX Translation ที่ทำให้รายได้ลดลง

ความเสี่ยงจากการ Delay ของ Shipment Delivery ในบางภูมิภาค

ความเสี่ยงจาก US Tariff ที่อาจส่งผลต่อ Volume ในตลาดอเมริกา

ความเสี่ยงจาก Global Minimum Tax (Beb Pillar 2) ที่อาจทำให้ค่าใช้จ่ายด้านภาษีเพิ่มขึ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

การปรับ Target รายได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

การดำเนินงานตาม Project Transformation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน

การใช้ Cost Reset Program เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

การ Monitor สถานการณ์ US Tariff และปรับกลยุทธ์ตามความเหมาะสม

การติดตามความคืบหน้าของมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐเกี่ยวกับ Top-up Tax

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะปรับตัวดีขึ้น YoY หลักๆ มาจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็ง

Target ทั้งปีในมุมของ Gross Profit Margin, SG&A และ Capex ยังคงเท่าเดิม

บริษัทตั้งเป้าว่ารายได้ในปีหน้า (2569) ควรจะโตขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก FX Impact ที่ไม่น่าจะสูงเท่าปี 2568

กิจกรรมการซื้อขายจากลูกค้าใน US น่าจะคลี่คลายลง เนื่องจากทุกคนรับทราบเรื่อง Tariff แล้ว

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:36]

  • Q: แนวโน้มใน Q4/2568 เป็นอย่างไร?

    A: สอดคล้องกับเป้า Full Year รายได้ Q4 น่าจะ Improve YoY หลักๆจาก ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารแช่แข็ง จะเป็น 2 ตัวที่ Drive Organic Growth ตอนนี้เริ่มเห็นการเติบโตแบบปกติ(Organic Growth ไม่รวมผลกระทบจาก FX) Q3 แล้วและเชื่อว่า Q4 จะเข้ามาช่วย Support Growth ใน Q4 ต่อไป ทั้งนี้ Target ทั้งปีในมุม Gross Profit Margin, SG&A และ Capex ยังคงเท่าเดิม

  • Q: เป้าปี 2569 เป็นอย่างไร?

    A: โดยปกติอยู่ในช่วงทำ Budget จะให้ Guideline ในช่วง กพ. ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับ การแถลง Performance ของ Full Year ของเรา สามารถให้ภาพได้ในมุมของภาพใหญ่ ว่าในปีหน้าเราตั้งเป้าว่ารายได้ควรจะโตขึ้น หลักๆมาจากการที่ ตัว FX Impact ไม่น่าจะสูงเท่ากับปี 2568 ที่ผ่านมาแล้ว เพราะว่าตัว FX ตอนนี้เองจะเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 32-33 ซึ่งเราเองคิดว่า FX ไม่น่าจะลงไปมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นปีหน้าเราก็จะใช้ ตัว FX ที่สูงขึ้นกว่าปีนี้ และปีหน้าเองเราเชื่อว่า กิจกรรมการซื้อขายจากลูกค้า โดยเฉพาะของทางฝั่ง US จะคลี่คลายลง เพราะว่าเรื่องของ Tariff เองตอนนี้ก็ทุกคนก็รับทราบไป แต่ละประเทศรับเรทของตัวอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่เท่าไหร่ ปี 2568 ต้องเรียนตามตรงว่ามีผลกระทบของการที่ เกิด Action ของลูกค้าก็คือรอสถานการณ์ว่า USTariff จะเป็นอย่างไร แต่ว่าปีหน้าเนี่ยพอตอนนี้สถานการณ์ของ USTariff ทุกคนทราบแล้วว่าจะต้องมีการขึ้นแน่นอน ก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีผลจากการที่ลูกค้าเฝ้ารอว่าจะเ

  • Q: Q3/2568 ทำไม Frozen ถึงโต?

    A: ใน Frozen เองมีการรวม Segment หลายๆSegment ตัวที่โตหลักๆคือFeed หรืออาหารสัตว์เศรษฐกิจ กุ้ง,อาหารปลา,อาหารเม็ดสำหรับกุ้งและปลา ได้รับผล Positive เพราะTFM ทำรายได้และVolume ดีที่สุด เป็น All Time High และทางฝั่ง US เอง Frozen กุ้งแช่แข็งมีการสั่งที่มากขึ้น ตัวนี้เป็นผลดีต่อรายได้และGross Profit Margin ที่จะเกิดขึ้นเช่นเดียวกัน

  • Q: Premium Mix ใน Pet ทำไมถึงดีขึ้น Q3/2568 ? เป็น Short Term หรือ Long Term ?

    A: ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้มี Premium Mix ที่สูงเท่านี้ แต่ตอนนี้ Q3 เกิดผลดี จากการที่ลูกค้าสั่งอาหารประเภท Treats เพื่อบำรุงสุขภาพของสัตว์เลี้ยง(น้องหมาน้องแมว) เข้ามาช่วย Support ตัว Proportion ของ Premium Mix ให้โตขึ้น Target ของตัว Premium Mix ในอนาคตของเรา คาดหวังว่าจะอยู่ที่ Range 47-50% ซึ่งเราก็คิดว่า Range นี้จะถือว่าเป็นมุมที่ Balancing

  • Q: TFM มีการขายอาหารสัตว์ มี Conflict ไหมกับอาหารแช่แข็ง?

    A: TFM ขายอาหารเม็ด แต่ Frozen เป็นการขายตัวกุ้ง ซึ่งอันนี้เองจะไม่ได้มี Conflict กัน จะถือว่าเป็นการ Support กันด้วยซ้ำ เพราะว่าอย่าง TFM เองเวลาขาย ก็จะขายไปที่เกษตรกรไทย เวลาที่เราทำการสั่ง สั่งกุ้งมา Process หรือว่ามาขายต่อ สั่งจากทั้งเกษตรกรไทย สั่งส่งจากทั้ง Import จากทั้งต่างประเทศเข้ามา อันนี้ก็ไม่ได้มี Conflict ระหว่างกัน

  • Q: ราคาวัตถุดิบใน Q4/2568 จะเป็นอย่างไร?

    A: Q4 ตัวของทูน่า จะดีขึ้นกว่า Q3 เพราะว่า ณ ปัจจุบันมีผลของตัว ปรากฏการณ์ลานินญ่า จะทำให้ตัว การจับปลา จับได้ใน Rate ที่ค่อนข้างน้อย มันก็จะส่งผลให้ตัวราคาปลาปรับตัวสูงขึ้น แต่ว่าไม่ ไม่มีความน่าเป็นห่วง เพราะว่าตัวปลาที่บริษัทได้ทำมา Stock ไว้น่ะค่ะก็ถือว่ายังมีเพียงพอใช้ สำหรับ Order ที่จะเข้ามาในอนาคตในมุมของราคากุ้ง,ราคา กุ้งกับแซลมอน,กุ้งก่อนกุ้งเนี่ยคิดว่าจะเติบโต ราคาจะดีขึ้น Q on Q เพราะว่าใน ฤดูหนาวในQ4 จะเป็นฤดูที่กุ้งจะทำการ กินอาหารได้ดี มีผล ผลิตที่ดีมากขึ้นจะเป็น Seasonal ของมันอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่าตัวราคากุ้งจะดีขึ้น ถัดมาสำหรับตัวแซลมอน เราคาดว่าจะ มีราคาที่ดีขึ้นเช่นเดียวกันนะคะเพราะว่า ในช่วงที่ผ่านมาเนี่ยค่ะตัวปลาแซลมอนเองเนี่ยมีการประสบ ปัญหาเรื่องตัว Supply นะคะที่ลดน้อยลงนะคะจะทำให้ตัวผลของราคาดีขึ้น

  • Q: สัดส่วนในการส่งออก นะคะเข้า เราเข้าข่ายหรือไม่หรือว่ามีผลกระทบอย่างไร?

    A: ทางทีมได้ทำการอธิบายเรื่องของ Global Minimum Tax ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องเรียนว่าในที่ผ่านมาก็มีผลการบันทึกภาษีที่เพิ่มมากขึ้นจากการ Apply ตัวGlobal Minimum Tax หรือว่า Beb Pillar 2 เข้ามา ซึ่งก่อนหน้านี้เราตั้งเป้าว่าเราให้ Guideline ว่ามันจะกระทบอยู่ที่ราวๆ300-350 ล้านบาท แต่ว่า เดินทางมาถึง Q3 แล้วเนี่ยเราก็จะเห็นว่าตัวGlobal ตัวGlobal Top Up Tax ที่จะทำการเสียมันจะลดลงมาอยู่ที่ราวๆ 100 ล้านบาท ซึ่งตัวนี้เองเนี่ยก็ดีกว่าที่เราคาดการณ์ดังนั้นเนี่ยก็จะกระทบต่อตัว Bottom Line ของเราที่ค่อนข้างน้อย

  • Q: Conflict ของ TFM ที่เป็นการขายอาหารตัดน้ำไปต่างประเทศแล้วเขาจะมาเป็นคู่แข่งของอาหารแช่แข็งหรือไม่?

    A: เวลาที่เราส่งออกตัว ตัวกุ้งเนี่ยค่ะเราก็จะส่งออกจากไทยไปที่US หรือว่าไปที่ตามทวีปต่างๆ ทางฝั่งของทวีปต่างๆเองก็จะมีการนำเข้าจากหลายๆที่ ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย,อินโด,เวียดนาม ซึ่งบริษัทเองก็มีพาร์ทเนอร์ที่เราถือหุ้นเป็น Minority Shareholders อยู่ที่ประเทศอินเดียผ่านกลุ่มที่ชื่อ อวันติ ซึ่งกลุ่มนี้เองเนี่ยก็มีPerformance ที่ค่อนข้างดี เรามีการTake ตัว Equity Take กำไรบน Take กำไรตามส่วนที่เราถือหุ้นในบริษัทนั้นๆก็ถือว่ามันเป็น Complimentary กัน ไม่ได้มีความเป็นห่วงอะไร

  • Q: การขึ้นภาษีของ US ที่ 19%

    A: จริงๆต้องเรียนว่าณปัจจุบันบริษัทก็ยังเฝ้ามองอยู่นะคะว่าดีมานของทางฝั่งต่างประเทศจะเป็นอย่างไร แต่ว่าต้องเรียนว่าสถานการณ์ณปัจจุบันเองคลี่คลายมากๆแล้วกว่าตอน เดือนเมษาที่ผ่านมานะคะเพราะว่าตอนนั้นเองเนี่ยเราไม่ทราบว่าภาษีจะออกมาเป็นในรูปแบบไหน ประเทศไทยเนี่ยจะได้รับภาษีที่มากกว่าประเทศอื่นๆหรือเปล่าแต่ว่าณปัจจุบันเองอะค่ะถ้ามองในหลายๆCategory เนี่ย ภาษีที่ชาที่ประเทศไทยเนี่ยก็ยังถือว่าทำให้บริษัทไทยยูเนี่ยนมีความสามารถในการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นเองเนี่ยเราก็รู้สึกว่าคลี่คลายมากขึ้น ก็รหว่างนี้ก็ รอชม ตัวQ4 นะคะว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

โดยสรุป, TU เผชิญกับความท้าทายจาก FX และ Tariff แต่ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรและมองเห็นโอกาสในการเติบโตจาก Organic Sales และการขยายตลาด Project Transformation และ Cost Reset Program เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระยะยาว