สรุป OPPDAY หุ้น TU

บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
Tuna's Tale: Thai Union's Strategic Catch and Future Outlook
ภาพรวมผลประกอบการปี 2024 ไทยยูเนี่ยน (Thai Union) ประสบความสำเร็จในการกลับมาเติบโตของยอดขาย (Sales Back on Track) ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นอันดับ 3 นับตั้งแต่ที่เคยทำมา แม้ว่าการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 1.7% แต่บริษัทฯ ก็สามารถทำสถิติ Gross Profit Margin สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18.5% นอกจากนี้ Operating Profit และ EBITDA ก็เพิ่มขึ้นราว 4.6% และเกือบ 9% ตามลำดับ โดย EBITDA ในรอบนี้ถือเป็น The Second Best ของ Performance ในด้าน EBITDA ของบริษัทฯ
Net Profit ของไทยยูเนี่ยนอยู่ที่ราว 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากการบันทึกผลขาดทุนจาก Impairment ใน Red Lobster ในปีที่แล้ว หากพิจารณา Net Profit ในปีที่แล้วที่ติดลบ 14,000 ล้านบาท และถอด One-Time Discontinued Operation ออกไป จะพบว่า Adjusted Net Profit อยู่ที่ราว 4,650 ล้านบาท
ในช่วงระหว่างปี Operating Profit ดีขึ้น มี FX Gain และ Other Income ที่ได้รับ Interest เพิ่มขึ้นจาก ITC รวมถึง Share of Profit ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากตัว Avan তি และ Lucky Union อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผลของ Financial Cost ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และ NCI ที่มาจาก Performance ที่ดีขึ้นของ ITC และ TFM ทำให้ปี 2024 ไทยยูเนี่ยนมีผลกำไรอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2% จากปี 2023 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Earning per Share เติบโตที่ราว 13% Year-on-Year
ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทำ Transformation Project 2 โครงการ หากถอดผลกระทบที่เป็นทางด้านของ SG&A ที่มาจาก Transformation Project ออกไปราว 700 ล้านบาท จะเห็นว่า Net Profit ที่ไม่รวม Transformation Project จะอยู่ที่ 5,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 22% Year-on-Year
Top Line หรือ Sales ของไทยยูเนี่ยนอยู่ที่ราว 35,000 ล้านบาท ลดลง 1.2% Year-on-Year ซึ่งมาจากการลดลงของ Impact ของตัว FX Translation เป็นหลัก แต่ก็ยังมี Organic Sales ที่เติบโตขึ้นราว 1.9% Gross Profit ใน Quarter ที่ 4 อยู่ที่ราว 6,500 ล้านบาท ด้วย Gross Profit Margin ที่ 18.7% ซึ่งถือว่าเป็น Margin ที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในช่วง 14 Quarters ที่ผ่านมา Operating Profit อยู่ที่ราว 1,590 ล้านบาท ด้วย Operating Profit Margin อยู่ที่ 4.5% ซึ่งได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากตัว Higher SG&A แต่หากไม่รวม Transformation Cost จะเห็นว่า Operating Profit จะอยู่ที่ราว 1,900 ล้านบาท สุดท้าย Net Profit ใน Quarter ที่ 4 อยู่ที่ราว 1,200 ล้านบาท แต่ถ้าไม่รวม Transformation Cost จะมี Net Profit อยู่ที่ราว 1,500 ล้านบาท
บริษัทฯ ยังคงจ่าย Dividend อย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 28 ก.พ. ถือเป็นวันที่ XD เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งปี 2024 จ่าย Dividend per Share อยู่ที่ 0.66 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Payout Ratio อยู่ที่ราว 60% อีกทั้งยังมี Dividend Yield ที่ Attractive ที่ราว 5.7%
Transformation ที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2024 มี 2 Project ได้แก่ 1) Project Zona เป็นการทำใน Level ของ Thai Union เป็นการวาง Foundation ใหม่ให้กับบริษัท ซึ่งใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2024 ไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2026 โดยในช่วง 3 ปีนี้ จะมีค่าใช้จ่ายที่มาจากการจ้าง Consult เพื่อที่จะมาปรับปรุงตัวระบบของบริษัท ในปี 2025 นี้ ตั้ง Target ว่าจะมี Saving ที่ราวๆ 15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 2) Project Tailwin มีการทำ Transformation Project เช่นเดียวกัน แต่เป็นการทำเพื่อให้เกิด Growth ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งภายใต้บริษัท i-Tail ซึ่งปีนี้คาดว่าจะมี Operating Profit Uplift จากการทำ Project นี้อยู่ที่ราว 17 ล้านเหรียญฯ
ในด้าน Sustainability ในช่วงปีที่ผ่านมามีการทำ Project อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้รับตัว DJSI เป็นรางวัล Global Recognition ถือว่าเป็นการที่ได้รับรางวัลสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มของ Food Industry ซึ่งบริษัทฯ เป็นสมาชิกของ DJSI ทั้งสิ้น 11 ปี โดยได้รับ Award ในอันดับ 1 มาตั้งแต่ปี 2018, 2019, 2022 และ 2024 เป็นต้นมา ในตัวของ Set ESG Rating บริษัทฯ ได้รับกลับเข้าไปอยู่ใน Set ESG Rating ด้วย A Rating เมื่อประกาศเมื่อ December ของปี 2024 ที่ผ่านมา
Organic Sales Growth หรือยอดขายจากการดำเนินงานปกติเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน โดยอยู่ที่ 1.9% จากปีก่อน ซึ่งหลักๆ จะมาจากธุรกิจ Ambient และธุรกิจ Frozen ที่มีการขยายตัวของปริมาณขายที่ดี ตัว Gross Profit Margin อยู่ที่ 18.7% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในรอบ 14 ไตรมาส โดยเห็นถึงการฟื้นตัวของ Gross Profit Margin ในทั้งธุรกิจ Ambient และธุรกิจ Frozen เลย
ภาพ Full Year ของปี 2024 ตัว Organic Sales Growth ก็มีการเติบโตได้ดี โดยที่ในปีนี้ มีตัว Gross Profit Margin สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 18.5% ตัวยอดขายสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลักๆ จะมาจากทางสหรัฐฯ แคนาดา และตะวันออกกลาง ซึ่งมีการฟื้นตัวของความต้องการซื้อ รวมถึงเป็นผลจากการที่ได้มีการทำกลยุทธ์ส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีด้วย
ถ้าเราย้อนกลับไปในปี 2023 มีการทำ Rightsizing หรือการยกเลิกการขายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรต่ำ หรือไม่มีเลย ในตลาดสหรัฐอเมริกา เลยทำให้ผลของการทำ เห็นภาพเต็มเต็มปีแล้วในปี 2024 นี้ และทำให้เห็นถึงตัวฐานใหม่ของตัวยอดขายธุรกิจ Frozen นะคะ ที่อยู่ระดับราวๆ 42,000 ล้านบาทค่ะ แล้วเราก็มองว่า ยอดขายของธุรกิจ Frozen เนี่ยจะกลับมาเติบโตตามปกติ ในปี 2025 นี้ค่ะ
ทั้งยอดขายแล้วก็ตัว Gross Profit Margin ก็เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ตัวยอดขายเนี่ยขยายตัวถึง 15.5% จากปีก่อน และตัว Gross Profit Margin เนี่ยก็อยู่ในระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 28.5% นอกจากนี้นะคะ ในปี 2024 เรายังสามารถสร้างกระแสเงินสดอิสระ หรือ Free Cash Flow นะคะ ได้ในระดับที่สูงที่สุดตั้งแต่เราดำเนินธุรกิจมาที่ 11,700 ล้านบาทนะคะ
ซึ่งการที่เรามีระดับของ Free Cash Flow ที่สูงเนี่ยก็จะช่วยในเรื่องของ ให้เราพร้อมรับการลงทุน การเติบโตในอนาคตนะคะ แล้วก็ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Balance Sheet ของธุรกิจด้วยค่ะ และในหน้าก็จะเป็นในเรื่องของผลประกอบการ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาค่ะ อยากจะขอไฮไลท์ในส่วนของกราฟเส้นสีส้มนะคะ ซึ่งเป็น Gross Profit Margin ราย Quarter นะคะ เราจะเห็นว่าในช่วงปี 2024 เนี่ยระดับของ Gross Profit Margin เนี่ยอยู่สูงกว่า ในช่วงของปี 2023 ในทุกๆ ไตรมาสเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ช่วงครึ่งปีหลังของ 2024 นะคะอันนี้ เราก็เห็นถึงการฟื้นตัวของ Gross Profit Margin อย่างแท้จริง
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 ไตรมาส 1 ไตรมาส 2 เราได้รับผลบวกจากเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะว่าในช่วงนั้นเนี่ยเงินบาทนะคะอ่อนค่า เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก แต่ว่าภาพในครึ่งปีหลังค่ะ จะเห็นว่า อัตราแลกเปลี่ยนเนี่ย กลายเป็นผล Negative นะคะ เพราะว่าใน ช่วงครึ่งปีหลังเนี่ย อัตราแลกเปลี่ยน เอ่อเงินบาทเนี่ยค่ะ แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก ทุกสกุลนะคะ แต่ อย่างไรก็ดีค่ะ เราก็จะเห็นถึง ตัวสีน้ำเงินนะคะ Organic Sales Growth ที่กลับมาเติบโต ในไตรมาส 3 แล้วก็ต่อเนื่องมายังในไตรมาส 4 ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปีเนี่ย ยอดขายเติบโตขึ้น 1.7% จากปีก่อน ก็มาทั้งจากเรื่องของตัว Organic Sales แล้วก็ผลของอัตราแลกเปลี่ยนค่ะ
โดยราคาปลาทูน่าในไตรมาส 4 อยู่ที่ 1,530 เหรียญสหรัฐต่อตันนะคะ และราคา ทั้งช่วงปีเนี่ยก็เคลื่อนไหวอยู่ในระดับที่เราเรียกว่าเป็น Comfort Level ของเราที่ราวๆ 1,400-1,700 เหรียญสหรัฐต่อตันค่ะ แต่ถ้ามาดูกันที่ ราคากุ้งนะคะ จะเห็นว่า ราคากุ้งในไตรมาส 4 เนี่ยปรับตัวสูงขึ้นมาก เพิ่มไปอยู่ที่ 167 บาทต่อกิโลกรัมนะคะ ซึ่งอันนี้เนี่ย ก็เป็นผลมาจากการที่ ถ้าเราไปดูในช่วงปี 2023 แล้วก็ ครึ่งปีแรกของปี 2024 เนี่ย จะเห็นว่า ระดับราคากุ้งเนี่ย อยู่ที่ค่อนข้างต่ำนะคะ ก็เลยทำให้ในช่วงนั้นเนี่ย เกษตรกรมีการเพาะเลี้ยงกุ้ง ลดน้อยลง เลยทำให้ปริมาณกุ้งในตลาด ก็ลดน้อยลงด้วยส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
ในไตรมาส 4 ค่ะ เงินบาทนะคะ ก็แข็งค่า เทียบกับเงินสกุลหลักของเราทุกสกุลเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง US ดอลลาร์แล้วก็ยูโรนะคะ ซึ่งสิ่งนี้เนี่ย ก็สะท้อนอยู่ในตัวอัตราการเติบโตของยอดขายตามที่ได้กล่าวไปแล้วค่ะ ความสามารถในการทำกำไรไม่ว่าจะเป็น ROE หรือ ROIC เนี่ยจะเห็นได้ว่า เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ไตรมาสนะคะ ส่วน lock กลางค่ะ ในเรื่องของ Inventory กับตัว Networking Capital นะคะ แล้วก็มีการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยสัดส่วนของทั้งคู่เนี่ยก็ปรับลดลงนะคะ โดยเฉพาะตัว Networking Capital นะคะลดลงจากปีก่อน ซึ่งอันนี้ก็เป็นส่งผลดีให้กับตัว Free Cash Flow ที่ปรับตัวสูงขึ้นค่ะ
โดย Net Debt to EBITDA ในไตรมาส 4 ของปี 2024 เนี่ย เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3.97 เท่า นะคะ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4.0 เท่าค่ะ ซึ่งการเพิ่มขึ้นครั้งนี้เนี่ย เป็นผลมาจากการที่เรา Convert ตัว Perpetual Bond หรือว่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ที่มีลักษณะคล้ายทุนนะคะ และตามหลักวิธีการทางบัญชีเนี่ยเมื่อมีการ Convert Perpetual Bond แล้วจะทำให้ตัว Net Debt เพิ่มสูงขึ้น และ Equity ปรับลดลงค่ะ ก็เลยส่งผลต่อมาที่ตัวอัตราส่วน Net Debt to Equity นะคะให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น มาอยู่ที่ 0.94 เท่าในไตรมาส 4 แต่ก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ Comfort Level ของเราที่ 1.0-1.1 เท่านะคะ
ณ สิ้นปี 2024 Net Debt เนี่ยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นราวๆ 1,500 ล้านบาท มาอยู่ที่ 53,000 ล้านบาทนะคะ ทั้งนี้เนี่ยก็เป็นผลมาจากที่ในระหว่างปีนะคะ เรามีการทำตัวการไถ่ถอนแล้วก็ Convert Perpetual Bond นะคะ มูลค่าราวๆ เอ่อ 6,000 ล้านบาท และเราก็มีการทำตัวโครงการซื้อหุ้นคืน ซึ่งเป็นโครงการที่ 3 เราทำในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มูลค่าราวๆ 3,000 ล้านบาทด้วย แต่การเพิ่มขึ้นนี้นะคะส่วนใหญ่ก็ถูกชดเชยด้วยตัว Free Cash Flow ที่เราสามารถสร้างได้อย่างมหาศาลนะคะ กว่า 11,700 ล้านบาทค่ะ
ในช่วงเดือนธันวาคมช่วงปลายปีเลยค่ะ ของปีที่แล้วเนี่ยเราก็ได้ประกาศว่าเราจะดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนเป็นโครงการที่ 4 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 นะคะ ซึ่งก็ได้เริ่มดำเนินการไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 2 มกราคม 2025 ที่ผ่านมานะคะ และสถานะ ณ ปัจจุบันนะคะ ข้อมูล ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเมื่อวานนะคะ เราก็ได้ซื้อหุ้นคืนไปแล้วทั้งสิ้น 124 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 1,476 ล้านบาทค่ะ ทั้งนี้นะคะในการซื้อหุ้นคืนเนี่ยเราก็ทำเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นนะคะ แล้วก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่น ให้กับนักลงทุนด้วยค่ะ
ณ สิ้นปีมี Short-Term Loan อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท และ Short-Term Loan สำหรับตราสารหนี้ที่มีการ Refinance อีก 9,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้จะมาจาก 2 ตัวด้วยกัน ตัวแรกก็คือ Bond ที่ครบกำหนดในเดือนตุลาคม มูลค่า 3,500 ล้านบาท และตัว Perpetual Bond ที่เราไถ่ถอนแล้ว Convert นะคะ มูลค่า 6,000 ล้านบาท และในปี 2025 เราก็มีตราสารหนี้ที่จะครบกำหนดอีกมูลค่า 12,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าจะมีมูลค่าที่จะต้อง Refinance ค่อนข้างพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่ง ณ ปัจจุบันสถานการณ์ดอกเบี้ยเนี่ยอยู่ในทิศทางที่ดีก็คือเราเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยต่างๆ เนี่ยทยอยปรับตัวลงค่ะ ทางบริษัทฯ ก็เลยมองว่าน่าจะมีการทำตัว Refinance นะคะ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ค่ะ
หลักเกณฑ์ Global Minimum Tax 15% ได้บังคับใช้ในประเทศไทยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งจะใช้กับกลุ่มบริษัทที่เป็น Multinational Enterprise ที่มีรายได้รวมทั้งปี เกินกว่า 750 ล้านยูโร ซึ่งการจะคำนวณจะต้องมองแยกเป็นรายประเทศที่ธุรกิจมีการดำเนินงานธุรกิจอยู่ แล้วก็ดูว่ามีกำไรก่อนหักภาษีเท่าไหร่ มีคิดภาษีเป็นเท่าไหร่ แล้วก็มี Effective Tax Rate เป็นเท่าไหร่ แล้วก็มาเทียบกับตัวขั้นต่ำ ซึ่งขั้นต่ำของ Effective Tax Rate ในแต่ละประเทศจะอยู่ที่ 15%
สำหรับการคาดการณ์และเป้าหมายปี 2025 ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปเองนะคะ เราก็ ได้ประเมินผลกระทบนะคะ พบว่าจากการที่บังคับใช้ตัวหลักไกอันนี้นะคะ เราจะได้รับผลกระทบในส่วนของธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ในประเทศไทยค่ะ ซึ่งทั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าธุรกิจในไทยนะคะ เราจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับสินค้าส่งออกนะคะ โดยทำให้ตัวธุรกิจของเราที่ได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนนี้เนี่ย ก็จะมีตัว Effective Tax Rate ในระดับที่ต่ำ
แต่ก็มีบางกิจกรรมนะคะที่เราเสียภาษีอยู่ที่ 20% เช่น การขายสินค้าในประเทศค่ะ เลยทำให้ภาพรวม Effective Tax Rate ของไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปนะคะ อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 15% ปัจจุบันนะคะต่ำกว่า 15% ดังนั้นเนี่ยเราก็จะต้องมาดูว่าส่วนต่างของ 15% ขั้นต่ำ กับที่เราเป็นอยู่ปัจจุบันเนี่ยเป็นเท่าไหร่ ซึ่งเราได้ประเมินผลกระทบโดยคร่าวๆ นะคะ ว่าภาพรวมแล้วเนี่ย ในปี 2025 ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ปทั้งกรุ๊ปนะคะ เราจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ราวๆ 300-350 ล้านบาทนะคะ อย่างไรก็ดีค่ะเราก็มีความเชื่อมั่นว่าทางภาครัฐแล้วก็ BOI เนี่ยจะออกมาตรการที่ช่วยเหลือเยียวยาในส่วนนี้นะคะ ซึ่งหากรวมมาตรการนี้เข้าไปนะคะ เราก็เชื่อว่าผลกระทบก็จะลดลงจากที่เราได้ประเมินไว้ค่ะ
สัดส่วนรายได้ของธุรกิจ Ambient ในปี 2024 มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 50% เพิ่มขึ้นจาก 47% ในปีก่อนหน้า ธุรกิจ Frozen สัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 31% ลดลงจาก 35% จากปีก่อนหน้า ธุรกิจ PetCare มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณ 13% เพิ่มขึ้นจาก 11% ในปีก่อนหน้า ธุรกิจ Value-Added ยังคงสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 7% จะเห็นได้ว่าธุรกิจ High-Margin ของบริษัทฯ ได้แก่ ธุรกิจ PetCare และ Value-Added หากรวมสัดส่วนรายได้ของ 2 ธุรกิจนี้ จะมีอยู่ประมาณ 20% ซึ่งสอดคล้องกับ Strategy 2030 ของบริษัทฯ ที่ตั้งเป้าจะมีสัดส่วนรายได้จาก 2 ธุรกิจนี้ประมาณ 25-30% ภายในปี 2030 ค่ะ
ในไตรมาส 4 ของปี 2024 มีรายได้อยู่ที่ 15,961 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่ 1.7% หลักๆ มาจากปริมาณการขายที่เติบโตเช่นเดียวกันประมาณ 6.2% แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแปลงค่าจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ยอดขายก็ยังเห็นการเติบโตอยู่
ปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 6.2% จากปีก่อนหน้า หลักๆ ได้รับผลกระทบเชิงบวกจาก 2 ปัจจัย 1) ความต้องการซื้อกลับมาฟื้นตัวในกลุ่มประเทศ Middle East 2) การส่งเสริมการขายของสินค้าแบรนด์ Ambient ของบริษัทฯ อัตรากำไรขั้นต้นเติบโตตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 เติบโตเรื่อยมาจนถึงไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ 20.6% ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ไตรมาสที่ผ่านมา ระดับนี้เองจะเป็นระดับเดียวกับที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าของอัตรากำไรเติบโตในธุรกิจ Ambient อยู่ที่ 20-22% ซึ่งปัจจัยที่มา Support ในตัวนี้ 1) Demand ที่เติบโตเพิ่มสูงขึ้น 2) ราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน
ธุรกิจ Frozen มีรายได้ในไตรมาส 4 ของปี 2024 อยู่ที่ 11,930 ล้านบาท ลดลงประมาณ 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 หลักๆ สาเหตุหลักที่รายได้ลดลง มาจากการบริโภคสินค้า Frozen ในสหรัฐอเมริกาลดลง รวมถึงราคาขายเองก็ลดลงด้วยเช่นกัน แต่ก็เห็นความต้องการซื้อที่ฟื้นตัวกลับมาในกลุ่มยุโรป และในประเทศไทยด้วย นอกจานี้ ปริมาณการขายก็เพิ่มสูงขึ้นประมาณ เติบโตประมาณ 8% จากไตรมาส 4 ของปี 2023 ซึ่งในส่วนนี้จะได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธุรกิจอาหารสัตว์ที่ดำเนินการภายใต้บริษัท ไทยยูเนียน ฟีดมิลล์ มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
จะเห็นได้ว่ารายได้แล้วก็ปริมาณการขายเนี่ยมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างมีนัยยะสำคัญนะคะ ในส่วนนี้นะคะ ได้รับปัจจัยบวกมาจากการในเรื่องของ Seasonol นะคะที่ ตลาดต่างประเทศอะค่ะ มี เป็น Festive Season นะคะในส่วนนี้ก็ ส่งผลกระทบเชิงบวกนะคะ สำหรับ ไตรมาสเมื่อเปรียบเทียบกัน
อัตรากำไรขั้นต้น 12.1% ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.4% เมื่อไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ในส่วนนี้นะคะจะเป็นอะอัตรา กำไรขั้นต้นที่สูงเป็นพิเศษใน ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนนะคะ หลักๆ ได้รับ ปัจจัยบวกนะคะจากการที่ราคาวัตถุดิบเนี่ย หรือว่าราคา กุ้งลดลงอย่างมีนัยสำคัญนะคะ แต่ว่าอย่างไรก็ดี นะไตรมาสปัจจุบันเนี่ย ราคากุ้งเริ่มปรับตัว ขึ้น สูงขึ้นมานะคะ นี้ก็จะเป็นปัจจัยที่ยังคงกดดัน ในเรื่องของอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Frozen อยู่ค่ะ
ธุรกิจ PetCare รายได้ในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 4,625 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อยประมาณ 0.1% จากไตรมาส 4 ของปี 2023 ซึ่งในไตรมาส 4 ของปี 2023 เนี่ยเป็นปีที่ค่อนข้างเป็น High Base นะคะ ก็คือมีลูกค้ารายการStockสินค้า เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณ การขายนะคะลดลงประมาณ 3.1% หลักๆ มาจากการตระหลาดส่งการแอร์อัดในช่วงของ ภาคเรือนะคะ ก็ทำให้มีการส่งสินค้านะช้าบ้าง นะคะ หากมาดูในมุมของ รายไตรมาสเพื่อเปรียบเทียบกัน ไตรมาส 4 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 ของ ปี 2024 จะเห็นได้ว่าก็ฟื้นตัวกลับมานะคะทั้งรายได้แล้วก็ปริมาณการขาย หลักๆ ก็มาจากเรื่องของ Seasonality นะคะ ถากมาดูที่อัตรากำไรขั้นต้นจะเห็นได้ว่าในไตรมาส 4 ของปี 2024 เนี่ย อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ประมาณ 26.1 ก็ ปิด สูงสูงกว่าปี ก่อนหน้านะคะที่อยู่ที่ 23.4 หลักๆ เนี่ย เอ่อมาจาก ผลกระทบเชิงบวกนะคะจากการที่มีสัดส่วนของ Premium Mix เนี่ยที่มีสัดส่วนที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่หากมาดูเปรียบเทียบรายไตรมาสนะคะ 26.1 เนี่ยเปรียบเทียบกับ 30.6 เนี่ยลดลงเพราะว่ามาจาก 2 สาเหตุนะคะ มาจากการที่ต้นทุนการผลิตเนี่ยเพิ่มสูงขึ้นและรวมถึงต้นทุนของวัตถุดิบเองก็สูงขึ้นด้วยเช่นกันค่ะ
ธุรกิจ Value-Added ไตรมาสที่ 4 มีรายได้อยู่ที่ 2,574 ล้านบาท ลดลงประมาณ 5% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า หลักๆ ที่ลดลงมาจากการบริโภคสินค้าใน US เนี่ยที่ลดลงรวมถึงราคาขายสินค้าเนี่ยลดลงในทุกภูมิธุรกิจอีกด้วยค่ะ หากมาดูที่ปริมาณการขายนะคะ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญอยู่ที่ราวๆ ประมาณ 13% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้านะคะ หลักๆ เนี่ยที่ Drive ให้ตัวปริมาณการขายเพิ่มสูงขึ้นเนี่ย จะมาจากธุรกิจ Packaging นะคะหรือว่าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งธุรกิจนี้นะคะก็จะ เติบโตสอดคล้องกับธุรกิจ Ambient นะคะ คือถ้า Ambient เติบโตธุรกิจนี้ก็จะเติบโต ไปในทิศทางเดียวกันค่ะ
อัตรากำไรขั้นต้น ในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ประมาณ 23.5% ลดลง ทั้งไตรมาส ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการลดลงนี้นะคะเป็นการลดลงเป็นชั่วคราวเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายในเรื่องของต้น ทุนที่มีการ เอ่อเริ่มโรงงานใหม่นะคะ ซึ่งโรงงานอื่นก็ได้ มีการ Commercial Lunch ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยนะคะ เป็นโรงงาน Protein Hydrolysate ในประเทศนะคะ เอ่อที่เริ่ม Commercial Launch ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ
บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ราว 3-4% Year-on-Year หลักๆจะมาจาก Organic Growth ที่ตั้งเป้าว่าจะเติบโต6-7%สำหรับทุกBusiness Category Organic Growth มีFX Translation Impact ราว 3%เหมือนที่ทราบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอาจส่งผลกระทบบางส่วนต่อบริษัท Gross Profit Margin ปี 2024 บริษัทมี Gross Profit Margin ที่ 18.5% ปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 18.5-19.5% มาจากการ Improve ในทุก Business Category ยกเว้น PetCare ที่รายได้และกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปีนี้ Absolute Amount Gross Profit Margin ยังเติบโต แต่ Gross Profit Margin อาจ Maintain หรือ Softลงจากเดิม SG&A to Sales คาดว่า SG&A to Sales จะอยู่ในช่วง 13-13.5% Comapre กับปี2024 ที่อยู่ที่ 13.3% หลักๆมาจาก Transformation Cost ที่อยู่ที่ 0.7% to Sales และยังมีการ Boost Marketing Expense อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงตัว Freight Cost ที่คาดว่าจะ Maintain ในระดับ3-3.5% to Sales Effective Interest Rate คาดว่าจะ Refinance ในช่วงครึ่งปีหลัง และInterest Rate เริ่มปรับตัวลดลงคาดว่าปีนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักสำหรับEffective Interest Rate Capexปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 4,500-5,000 ล้านบาท หลักๆใช้ในการขยาย Store ของAutomation Storage ของPetCare Category DividendยังคงตัวDividend Policy เอาไว้ที่จ่ายอย่างขั้นต่ำ 50% ของตัวPayout Ratio
คำถามหลักๆมีการถามเกี่ยวกับเป้าหมายการเติบโตในปี2568 ว่ากี่% จากอะไรบ้าง 1. Sales เติบโต 3-4% มาจาก Organic Sales Growth ที่มาจากAmbient ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง PetCare ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกันรวมไปถึงตัวFrozen ที่มีตัวFeed Mill ที่บริหารโดยตัวTFM อยู่ในนั้นก็จะมีการขยายมีพัฒนาการที่เป็นอย่างดี 2.Feed Mill มีการTurn Aroundและมีการขยายธุรกิจไปยังประเทศอินโดนีเซียคาดว่าปีนี้ผลรายได้รวมไปถึงPerformance ของตัวFeed Mill ก็จะเพิ่มดีขึ้น 3.CAPEX คาดว่าจะใช้4,500-5,000 ล้านบาท ตามเป้าที่ตั้งไว้หลักๆมาจากการใช้ในกลุ่มของPetCare ที่จะไปทำตัวWarehouse นะคะที่มันมีความAutomation มากขึ้นค่ะ 4.Q1/2024 performance สไลด์full year guidelineมีการเกริ่นไว้เล็กน้อยว่ามีexpectation ว่าไตรมาสหนึ่งมีการsoftลง เหตุผล ค่าเงินบาทแข็งตัวส่งผลต่อตัวFX Translation กลับมาที่รายได้เป็นเงินบาท Marketing ปีที่แล้วมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ชื่อจอห์นเวสEcoTwistทางฝั่งยุโรปมีการทำการตลาดเพื่อboost การlaunch ของproductตัวนี้ ปีนี้เองคาดว่าจะมีการทำการตลาดให้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ถือว่าเป็นinnovation ของบริษัทเหมือนติดลมบนอยู่ในกระแสจะใช้ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น Transformation cost Transformation courseใช้ไปราว 700 ล้านบาทรวมของทั้งTUและITCที่ใช้จ่ายเยอะๆคือใช้จ่ายในครึ่งปีหลังของปี2024 ดังนั้นปีนี้2025 จะเป็นการใช้ตัวtransformation cost expense ใช้ในทุกๆQuarter อาจส่งผลกระทบให้Q1 performance softลง
การประกาศtransformation ตั้งแต่ปี 2024 และคาดว่าจะใช้ตั้งแต่ปี 2024 ไปเรื่อยๆอีก3ปีและจะไปจบที่ปี 2026 ซึ่งในปี 2025จากการguide ว่าtransformation costจะอยู่ที่ราว 0.7% ของtotal sales ก็จะมีการใช้ในทุกquarter และจะตกอยู่ที่ราวๆquarter ละ 200-250 ล้านบาท ซึ่งในแต่ละquarter จะเฉลี่ยๆกันไปหรือบางquarter มีค่าที่ปรึกษาเยอะหรือมีการทำ project เยอะก็จะสูงกว่าquarterอื่นๆ ในช่วงปลายปี 2026 คาดว่าจะเป็นช่วงปลายๆของการboost เรื่องของ build ตัวของtransformation และอาจมีตัวtransformation cost ที่ลดลง ในด้านFX ปี2024มีตัวFXที่สำหรับเฉลี่ยทั้งปีปิดอยู่ที่ 35.29 บาทต่อUSD ปี2025ตั้งเป้าFXว่าจะแข็งค่ามาถึง33.49บาทต่อUSD ในมุมของตัว Euro ก็เช่นเดียวกันคาดว่าจะแข็งขึ้นราว 2-3% ในมุมของราคาทุน ค่าเฉลี่ยของต้นทุนปลาทูน่าปี2024 อยู่ที่เฉลี่ยราว1,438เหรียญต่อตัน ปีนี้คาดว่าตัวต้น ตัวปลาทูน่า ราคาปลาเฉลี่ยทั้งปี จะอยู่ที่ราว 1,580 เหรียญต่อตัน ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเก็บ stock ของทูน่าที่ราคาค่อนข้างต่ำเอาไว้ใน stock เป็นจำนวนมากดังนั้นในช่วงจังหวะที่ราคาปลาทูน่าอยู่ในขาขึ้นต้นทุนที่ต่ำอยู่ใน stock พอเอาออกมา process เป็นตัวปลาทูน่าที่อยู่ในกระป๋องแล้วจะมีผลบวกต่อตัวMargin ของตัวAmbientที่ดีขึ้น ปี 2024 กุ้งเฉลี่ยอยู่ที่ราว144บาทต่อกิโล แต่คาดการปีนี้เพิ่มเล็กน้อย 150 บาทต่อกิโลกรัม คิดว่าไม่มีผลกระทบต่อมาร์จินมากนัก มาร์จินในด้านของ Frozen เองอาจทรงๆ
Global minimum tax ผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของตัวglobal minimum taxจะเพิ่มขึ้นในมุมของabsolute amountอยู่ที่จ่ายภาษีเพิ่มขึ้นอีก300-350 ล้านบาทหรือคิดเป็นEffective tax rate นะคะในส่วนของตัวเนี้ยอยู่ที่ราวๆ 3-4% หุ้นกู้ ปี 2025 มีหุ้นกู้Sustainability link loan 12,000 ล้านที่จะครบกำหนดอายุรวมไปถึงปี 2024 มีการ call perpetual bond รวมไปถึงมี loan บางตัวที่ครบกำหนดอายุ ในก้อนนั้นยังไม่ได้ทำการ refinance แต่ปี 2025 มีการ refinance ราว10,000 ล้าน บวกกับอีก 12,000 ล้าน ก้อนนี้กำลังหาจังหวะในการ refinance รอบใหม่อยู่เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นในช่วงของดอกเบี้ยขาลง คาดว่าใน second half ของปี 2024 น่าจะมีการประกาศให้ ได้เห็นว่ามีการ refinance เป็นจำนวนกี่บาท เป็นในรูปแบบของตัว Loan หรือเป็น bond ออกมา ผลกระทบที่มีต่อดอกเบี้ย ทางเราไม่ได้มองว่าตัวผลกระทบที่มีต่อดอกเบี้ยนั้นจะมีการสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): นาทีที่ 59.55
- เป้าหมายการเติบโต
- คำถาม: เป้าหมายการเติบโตในปี 68 เป็นอย่างไร? และ มาจากอะไรบ้าง?
- คำตอบ:
- Sales Growth 3-4% มาจาก Organic Sales Growth
- Ambiente เติบโตต่อเนื่อง, PetCare เติบโตต่อเนื่อง, Frozen บริหารโดย TFM ขยายและพัฒนาดีขึ้น
- เงินลงทุน
- คำถาม: การใช้เงินลงทุน(CAPEX) ในปีนี้ คาดว่าจะใช้เท่าไหร่?
- คำตอบ:
- CAPEX 4,500-5,000 ล้านบาท เน้นที่กลุ่ม PetCare เพื่อทำ Warehouse ที่มี Automation มากขึ้น
- แนวโน้มผลการดำเนินงาน
- คำถาม: แนวโน้ม Performance ในไตรมาสที่ 1 เป็นอย่างไร?
- คำตอบ:
- Q1/2024 คาดว่าจะ Soft ลง
- ค่าเงินบาทแข็งตัว ส่งผลต่อ FX Translation
- ปีที่แล้ว มีการทำการตลาดสินค้าตัวใหม่ (จอห์นเวส EcoTwist) ในยุโรป ทำให้มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
- มี Transformation cost เฉลี่ย Quarter ละ 200-250 ล้านบาท
- ระยะเวลา Transformation Cost
- คำถาม: Transformation Cost จะมีไปอีกกี่ Quarter? หรือ กี่ปี?
- คำตอบ:
- ประกาศทำ Transformation ตั้งแต่ปี 2024 และคาดว่าจะดำเนินการถึงปี 2026
- อัตราแลกเปลี่ยน
- คำถาม: ในปีนี้ มองกรอบ FX ไว้ที่เท่าไหร่?
- คำตอบ:
- ปี2024 FXเฉลี่ยทั้งปี 35.29 บาทต่อ USD
- ปี2025 ตั้งเป้า FX แข็งค่า 33.49 บาทต่อ USD Euro แข็งค่าขึ้นราว 2-3%
- ราคาวัตถุดิบ
- คำถาม: ราคาต้นทุน ปลาทูน่า กุ้ง และอื่นๆ ปีนี้เฉลี่ยที่เท่าไหร่?
- คำตอบ:
- ปลาทูน่าเฉลี่ยปี 2024 1,438 เหรียญต่อตัน
- ปีนี้คาดว่า 1,580 เหรียญต่อตัน
- กุ้งปี 2024 เฉลี่ย144 บาทต่อกิโล
- ปีนี้คาดว่าเพิ่มเป็น150 บาทต่อกิโลกรัม
- ผลกระทบจาก Global Minimum Tax
- คำถาม: Global Minimum Tax ต่อเป้าหมายกำไรปี 2568 เป็นอย่างไร?
- คำตอบ:
- คาดว่า จะมีผลกระทบทำให้เสียภาษีเพิ่มขึ้น 300-350 ล้านบาท หรือคิดเป็น Effective tax rate เพิ่มขึ้น 3-4%
- หุ้นกู้
- คำถาม: หุ้นกู้ ครบกำหนดปีนี้เท่าไหร่ ต้องออกทดแทนอย่างไร?
- คำตอบ:
- หุ้นกู้ Sustainability Link Loan 12,000 ล้านบาท ครบกำหนด
- รอจังหวะในการ Refinance โดยคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนในช่วง Second Half ของปี 2024 โดยอาจเป็น Loan หรือ Bond
- ข้อเสนอแนะ
- คำถาม: ไม่มีคำถาม
- คำตอบ:
- นักลงทุน: ขอชื่นชมบริษัท ในการซื้อหุ้นคืน และนำมาลดทุน (ผู้บริหารรับทราบและขอบคุณสำหรับ Feedback)
โดยสรุป, ไทยยูเนี่ยนยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยใช้กลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการเพิ่มยอดขาย, การลดต้นทุน, และการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในตลาดโลก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับผู้ถือหุ้น