สรุป OPPDAY หุ้น TPIPP

บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
TPI Polene Power: พลิกโฉมธุรกิจพลังงานสะอาด มุ่งสู่ Net Zero
TPI Polene Power นำเสนอภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 โดยเน้นย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์สู่พลังงานสะอาดและความยั่งยืน ภายใต้ชื่อ TPI ซึ่งย่อมาจาก Technology, Product, Innovation บริษัทมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ผลิตสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ
รายได้รวมลดลงเล็กน้อยจาก 10,900 ล้านบาทในปีที่แล้ว เหลือ 10,700 ล้านบาทในปีนี้ แต่หากพิจารณาเฉพาะไตรมาส 4 พบว่ามีการเติบโตจาก 2,600 ล้านบาท เป็น 2,800 ล้านบาท รายได้จากโรงไฟฟ้าลดลงจาก 10,300 ล้านบาท เหลือ 10,000 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 4 เติบโตขึ้นจาก 2,500 ล้านบาท เป็น 2,600 ล้านบาท
Gross Profit ลดลงเล็กน้อยจาก 4,000 ล้านบาท เหลือ 3,900 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 4 เติบโตขึ้นจาก 860 ล้านบาท เป็น 1,070 ล้านบาท EBITDA ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 4,600 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านบาท เป็น 1,200 ล้านบาท Nภาษีลดลงจาก 3,600 ล้านบาท เหลือ 3,300 ล้านบาท แต่ในไตรมาส 4 (ไม่รวม FX) เพิ่มขึ้นจาก 740 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท
ภาพรวมรายได้ลดลง 2.1% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่รายได้ในไตรมาส 4 เติบโตขึ้น 4% EBITDA ลดลง 1% เมื่อเทียบปีต่อปี แต่ในไตรมาส 4 สูงกว่าปีที่แล้วถึง 9.9% การผลิตไฟฟ้าในไตรมาส 4 อยู่ที่ 597.4 ล้านหน่วย ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ
หนี้สินรวมสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท มีเงินสด 3,000 ล้านบาท ทำให้หนี้สินสุทธิอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (DE Ratio) อยู่ที่ 7.72 เท่า และอัตราส่วนความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย (Interest Coverage Ratio) อยู่ที่ 5.28 เท่า
Adder ที่มีอยู่ 3 ตัวจะหมดอายุลงในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่บริษัทต้องเผชิญ
โอกาสทางธุรกิจ
FT ยังคงทรงตัว โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้ยังคงบวกอยู่ที่ 0.44 สตางค์ หากขาย Polene แทนไฟฟ้า จะบวกอยู่ที่ 0.46 สตางค์
ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ
การลดลงของรายได้และกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การหมดอายุของ Adder และความไม่แน่นอนของราคาพลังงาน
วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ
บริษัทมุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า การลงทุนในโครงการใหม่ๆ เช่น โซลาร์ฟาร์มและ EV Charger การปรับปรุงคุณภาพ RDF และการขยายธุรกิจไปยังโรงไฟฟ้าที่สงขลาและมุกดาหาร
การลงทุนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท โดยเน้นการลดการใช้ถ่านหิน การเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และการสร้างรายได้จากโครงการใหม่ๆ
แนวโน้มและอนาคต
บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำด้าน Waste to Energy และเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียวที่เติบโตไปพร้อมกับความยั่งยืน โดยไม่ลืมเรื่องของ CSR และ BCG Economy ภายในปี 2569 บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 541.4 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนพลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ พลังงานขยะ 420 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ 81.4 เมกะวัตต์ และจะยกเลิกการใช้ถ่านหินทั้งหมด
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะติดตั้ง Battery Storage เพื่อกักเก็บไฟฟ้าจากโซลาร์ในช่วง Peak Time และนำมาจำหน่ายในช่วงที่แดดไม่ค่อยมี
ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [01:01:08]
CapEx Plan ในปีนี้
CapEx โดยรวมอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท ได้จ่ายส่วนใหญ่ไปแล้ว ปีนี้เหลืออีกประมาณ 3,700 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็น CapEx ย่อยๆ
โครงการลงทุนส่วนใหญ่
โครงการที่ลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีอยู่แค่นี้ จนกว่าจะมีโครงการใหม่ ส่วนโครงการ Modify น่าจะจบแค่นี้ก่อน โครงการใหม่ที่จะมีขึ้นมา คือการประมูลของภาครัฐ ซึ่งรอ PDP ออกมาว่าจะมีการประกาศรับซื้อไฟอะไรบ้าง
นโยบายการปันผล
นโยบายการปันผลของบริษัท คือการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ แต่จะดู Cash Flow ในช่วงเวลาการจ่ายในปีนั้นๆ ด้วย ยังมีการลงทุนเหลืออยู่ ทำให้การจ่ายปันผลในปีนี้อาจจะลดลงเล็กน้อย อาจจะเกือบๆ 50% เท่านั้น แต่ปีหน้าหากไม่มี Cash Flow อะไรที่ใหญ่ๆ เข้ามา ก็น่าจะกลับมาปันผลได้ที่ 50% หรือมากกว่านั้นได้
ปี 2567 กำไรน้อยกว่าปี 2566
EBITDA ปี 2567 สูสีกับปี 2566 ไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ กำไรสุทธิหลักๆ มาจากเรื่องของภาษี ที่มี Boiler บางตัวที่ไม่ได้ BOI แล้ว ทำให้ต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น และจะแก้ไขโดยการมีโปรเจกต์ใหม่ๆ มีเรื่องของ Solar Farm ที่สงขลาและมุกดาหาร และการพยายามเปลี่ยนจากพลังงานถ่านหินเป็นพลังงานขยะ
ในแง่ของ Operation ปี 2567 มีปัจจัยหนึ่งที่กระทบกับเรื่องของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า คือราคาถ่านหิน ในปีที่ผ่านมายังเหลือ Boiler ที่เดินด้วยถ่านหินอีก 150 เมกะวัตต์ ราคาถ่านหินมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น มันก็ส่งผลเรื่องต้นทุน แต่ในปีนี้จะมีการลดการใช้ถ่านหินลง จนถึงขั้นยกเลิกการใช้ถ่านหิน นั่นคือในปี 2568 ปัจจัยในเรื่องของต้นทุนเชื้อเพลิงก็จะเป็นสิ่งที่จะสนับสนุนให้ผลประกอบการดีขึ้น
คดีความของบริษัท
- คดีปี 2565 ที่มีชาวบ้าน 222 คนกล่าวหาว่าบริษัทออก EIA ของโรงไฟฟ้าโรงที่ 8 ไม่ถูกต้อง ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่าบริษัททำถูกต้อง
- คดีที่ชาวบ้านฟ้องร้องว่าบริษัทบุกรุกที่ดินของเขา ศาลชั้นต้นตัดสินว่าบริษัทและเจ้าหน้าที่ที่ดินไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกัน และการออกโฉนดถูกต้องด้วยกฎหมาย
บริษัทยืนยันว่าทำทุกอย่างอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามขั้นตอนตามกฎหมายทุกอย่าง
รางวัลที่ได้รับ
- Best Sustainable Practice in Energy Sector ประเทศไทย จาก World Business Outlook Award ประจำปี 2024
- Quality Choice Prize in 2022 in Diamond Category จาก ESQR (European Standard for Quality Research)
- CG Scoring ในระดับ 5 ดาว ทั้งบริษัทแม่ TPI Polene และบริษัทลูก TPIPP เป็น 2 ปีติดต่อกัน จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
- ESG Rating จากตลาดหลักทรัพย์ บริษัทแม่ TPI Polene ได้ AA และบริษัทลูก TPIPP ได้ AAA ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุด
- Thailand Energy Award ปี 2514, 2515, 2517, 2518, 2520, 2521 และล่าสุดปี 2567
- Asean Energy Award ปี 2567
สรุป
TPI Polene Power กำลังเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน แม้ว่าจะมีอุปสรรคและความท้าทาย แต่บริษัทก็มีแผนการที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาและคว้าโอกาสใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น