สรุป OPPDAY หุ้น TPIPP
Oppday
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday TPIPP ไตรมาส 3 ปี 2568: ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ สู่ความยั่งยืน
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
ในภาพรวม ธุรกิจของ TPIPP ได้รับทั้งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีปัจจัยสำคัญทั้งภายในและภายนอกที่ส่งผลต่อผลการดำเนินงาน
- ผลกระทบเชิงลบ:
- รายได้ลดลง 12.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดย Q3 ลดลงจาก 2,500 ล้านบาท เหลือ 1,900 ล้านบาท
- รายได้จากธุรกิจ RDF (Refuse Derived Fuel) ลดลงจาก 5,400 ล้านบาท เหลือ 3,900 ล้านบาท (YoY)
- กำไรขั้นต้น (Gross Profit) ลดลงจาก 2,800 ล้านบาท เหลือ 2,300 ล้านบาท
- EBITDA ลดลงจาก 3,400 ล้านบาท เหลือ 3,000 ล้านบาท
- Net Profit ลดลงจาก 2,300 ล้านบาท เหลือ 1,900 ล้านบาท
- ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:
- Adder หมดอายุ ทำให้รายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง
- ราคาค่าไฟฟ้า (FT) ลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้
- สถิติที่สำคัญ:
- รายได้ลดลง 22.8% YoY (ตัวเลขนี้จะถูกอ้างอิงถึงในภายหลัง)
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
บริษัทกำลังมองหาและดำเนินการตามโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยมีกลยุทธ์และแผนการดังนี้:
- การลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่:
บริษัทลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงจากขยะ (Waste-to-Energy) เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้
- การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power):
มีการลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มเพื่อผลิตไฟฟ้าและขายให้กับลูกค้าโดยตรง
- การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่:
บริษัทกำลังพิจารณาเข้าร่วมโครงการ Liquid Wind ของกระทรวงพลังงาน
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
บริษัทเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน:
- ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน:
การแข่งขันในตลาดพลังงานที่สูงขึ้น
- ความเสี่ยงด้านราคาพลังงาน:
ความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า
- ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน:
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าและโครงการใหม่
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทได้ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังนี้:
- การลดต้นทุนการผลิต:
เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็น RDF เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
- การเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่:
ขยายธุรกิจไปยังพลังงานแสงอาทิตย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับขยะ
- การปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน:
ปรับปรุงกระบวนการผลิตและบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีแผนการดังนี้:
- เป้าหมายระยะยาว:
เป็นผู้นำด้าน Waste-to-Energy และสร้างระบบ Zero Waste ในบริษัท
- การเติบโตอย่างยั่งยืน:
ดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG (Environmental, Social, and Governance) และ BCG (Bio-Circular-Green) Economy
- การขยายกำลังการผลิต:
- ปี 2569: มีกำลังการผลิต 541.4 เมกะวัตต์ โดยไม่มีการใช้ถ่านหิน
- ปี 2570: เพิ่มกำลังการผลิตจากขยะเป็น 420 เมกะวัตต์
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 41:05]
- ปันผลระหว่างกาล
- คำถาม: ปีนี้จะไม่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลแล้วใช่หรือไม่?
- คำตอบ: ปีนี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง (Q1 Adder หมด, Q2 B8C เสร็จ, Q3 B8B เสร็จ, Q4 B8A เสร็จ, มีสงขลาเข้ามาอีก) ทำให้กำไรแต่ละไตรมาสผันผวนมาก จึงรอสรุปงบสิ้นปีแล้วจ่ายปันผลทีเดียวดีกว่า คาดว่าจะจ่ายปันผลสิ้นปีเป็นรอบเดียว
- การลงทุนในอนาคตและผลกระทบต่อปันผล
- คำถาม: หลังจากนี้มีการลงทุนอะไรอีกหรือไม่ และจะกระทบกับปันผลหรือไม่?
- คำตอบ: ยังมีการลงทุนต่อเนื่อง (มุกดาหาร, Solar Farm) แต่ยังคงนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของ Net Profit โดยจะดู Cash Flow ประกอบด้วย
- Adder หมดและโครงการใหม่
- คำถาม: Adder หมดทำให้กำไรลดลง โครงการสงขลาและ Solar จะชดเชยได้หรือไม่?
- คำตอบ: ถ้าโครงการใหม่เสร็จทั้งหมด คาดว่าจะมีรายได้ถึง 2,100 ล้านบาท ซึ่งจะ Offset กับ Adder ที่หายไปได้ แต่เพื่อความแฟร์ จะเทียบกับ EBITDA ปี Q4/65 (ก่อน Modify) คาดว่า Q1/70 จะสามารถดึง EBITDA กลับมาได้เท่ากับช่วงนั้น
- ประมาณการการลดต้นทุนและการประเมิน EBITDA
- คำถาม: มีการประเมินการลดต้นทุนและการปรับปรุงการใช้ RDF อย่างไร?
- คำตอบ: หากทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ ต้นทุน Steam จะลดลงมาก คาดว่า EBITDA จากการใช้ RDF แทนถ่านหินจะอยู่ที่ปีละ 1,039 ล้านบาท, Solar ประมาณ 400 กว่าล้านบาท และโรงไฟฟ้าขยะ (ค่ากำจัดขยะ+ขายไฟ) จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 370-380 ล้านบาท
- โครงการใหม่และการประมูล
- มีการประเมินโครงการใหม่และการประมูลไว้อย่างไร?
- คำตอบ: ยังไม่รวมโครงการใหม่ (ข้อ 2 เรื่องการประมูล) โดยร่วมทุนกับ BPP (ปัจจุบันได้รับการประกาศและคัดเลือกแล้ว 208.5 MW) และยังไม่รวม Solar ที่ถือหุ้น 50% (141 กว่า MW) คาดว่าจะโตขึ้นจาก 500 กว่าเป็น 600 กว่า MW, มี Solar Farm ชุมชน (1,500 MW) ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมประมูล (ร่วมกับชุมชนและองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น) รอความชัดเจนในการประกาศรับซื้อ
- การเข้าถึง Liquid Wind
- จะเข้าโครงการ Liquid Wind ของกระทรวงพลังงานหรือไม่?
- คำตอบ: มีการเตรียมการไว้ แต่ยังไม่มีการเซ็น PPA (Power Purchase Agreement) จึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก แต่เล็งอยู่
- รายได้และกำไรปี 2568-2569
- คำถาม: ขอทราบรายได้และกำไรปี 2568 และ 2569?
- คำตอบ: EBITDA ควรจะลดลง 46% แต่ Revenue ลดลงแค่ 22% (เพราะเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นขยะ ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า) และ B8A จะเสร็จในอาทิตย์หน้า สงขลาก็กำลังจะ COD ในอาทิตย์หน้าเช่นกัน ซึ่งจะช่วย EBITDA ของ Q4/68 และไปถึงปี 2569
- ผลกระทบต่อกำไร
- ไตรมาส 4 จะมีอะไรมากระทบกำไรของบริษัทหรือไม่?
- คำตอบ: B8A เสร็จ, สงขลาเสร็จ, Solar Zone 3 ใกล้จะเสร็จ ซึ่งจะช่วยในไตรมาส 4 ปี 2568 และไตรมาส 1 ปี 2569 และต่อ ๆ ไป
- แหล่งเงินทุน
- มีแผนหาเงินทุนจากที่อื่นหรือไม่ นอกจากการกู้เงิน?
- คำตอบ: สามารถกู้จากธนาคารได้ (โรงไฟฟ้าสงขลา, มุกดาหาร, ที่อื่น ๆ ที่ประมูลมา, Solar) ซึ่งปัจจุบันก็มีการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์อยู่
- ค่ากำจัดขยะ
- ค่ากำจัดขยะบันทึกลงในรายได้ส่วนไหน?
- คำตอบ: เป็นรายได้อื่น ๆ (3Q ปีนี้อยู่ที่ 190 กว่าล้านบาท)
- แผนการลงทุน
- ปีหน้ามีแผนลงทุน คาดว่าจะมี Capex เท่าไหร่?
- คำตอบ: ปีนี้เหลืออีกไม่ถึง 1,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้ายังมีมุกดาหาร (อีกประมาณ 1,400 กว่าล้านบาท) (ยังไม่รวม Solar 280 MW แต่รวมใน Solar Farm ที่สระบุรีแล้ว)
- แผนการเข้าถึงโครงการ
- จะเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการ Liquid Wind หรือไม่?
- คำตอบ: มีการเตรียมการไว้ แต่ยังไม่มีการเซ็น PPA จึงไม่สามารถพูดอะไรได้มาก แต่เล็งอยู่
- การลดRevenue
- มีการลดRevenueหรือไม่?
- คำตอบ: EBITDA ควรจะลดลง 46% แต่ Revenue ลดลงแค่ 22% (เพราะเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นขยะ ทำให้ต้นทุนต่ำกว่า)
โดยสรุป TPIPP กำลังมุ่งเน้นการลดต้นทุน เพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ และขยายการลงทุนในพลังงานสะอาด เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและชดเชยผลกระทบจากการหมดอายุของ Adder และราคาค่าไฟฟ้าที่ลดลง