TIDLOR
บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567

สรุปสั้น

รายได้รวมเติบโตขึ้น 16.1%YoY โดยมีรายได้จากธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัยเป็นแรงผลักดันหลัก อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลง 1.6%YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและการตั้งสำรองที่ครอบคลุม ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมที่ดี

พอร์ตสินเชื่อคงค้าง ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 102,699.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8% จากปีที่ผ่านมา แต่เติบโตในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ที่เด่นมากคือยอดเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโตถึง 15.1% ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการขยายช่องทางการขายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม

บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่าย โดยในไตรมาสนี้ อัตราค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ปรับลดลงเล็กน้อยจาก 54.8% ในปีก่อนมาอยู่ที่ 54.2% NPL 1.88% และ Coverage Ratio 230.6%


ผู้เขียน อจน. นุ้ย

สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ในไตรมาส 3 ปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลักดันโดยการขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย ทำให้รายได้ดอกเบี้ยรับและค่าธรรมเนียมบริการปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย 1.6% เนื่องจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นตามกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงเชิงรุกและการตั้งสำรองอย่างครอบคลุม แม้ว่าอัตราส่วนสินเชื่อต้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL) จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.88% จาก 1.86% ในไตรมาสก่อน แต่ก็ยังคงอยู่ในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2% ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกของบริษัท

ในอนาคต บริษัทมีแผนจะปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการ โดยมีการจัดตั้ง บริษัท ติดล้อ โฮลติงส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อประกอบธุรกิจเป็นบริษัทลงทุน บริษัทตั้งเป้าหมายในการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่ง และเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจนายหน้าประกันภัย นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นการเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงินและลดความเสี่ยงด้านการกระจุกตัวของเงินทุน (concentration risk) โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำที่ 2.5 เท่า และมีวงเงินกู้ยืมคงเหลือกว่า 24,000 ล้านบาท

ผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลังชี้ให้เห็นว่า TIDLOR อาจเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 16.87 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาสูงสุด 52 สัปดาห์ที่ 27.5 บาท P/E ล่าสุดอยู่ที่ 11.29 เทียบกับ P/BV ที่ 1.55 และ YIELD อยู่ที่ 1.64% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) ที่ 15.96% และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ที่ 55.0% ที่ยังคงอยู่ในระดับที่ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาสล่าสุดได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น TIDLOR อาจเหมาะกับนักลงทุนที่มองหาโอกาสลงทุนในระยะกลางถึงยาว เพื่อรอการเติบโตของธุรกิจและการรับเงินปันผล


รายได้รวม
5,610.62 ล้านบาท
146.44ล้านบาท
(2.68%)
ไตรมาสก่อนหน้า
776.30ล้านบาท
(16.06%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
5,594.83 ล้านบาท
139.41ล้านบาท
(2.56%)
ไตรมาสก่อนหน้า
771.86ล้านบาท
(16.00%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
99.72 ล้านบาท
0.12ล้านบาท
(0.12%)
ไตรมาสก่อนหน้า
0.05ล้านบาท
(0.05%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
2,742.29 ล้านบาท
138.66ล้านบาท
(5.33%)
ไตรมาสก่อนหน้า
333.02ล้านบาท
(13.82%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
48.88 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
990.55 ล้านบาท
100.85ล้านบาท
(9.24%)
ไตรมาสก่อนหน้า
16.29ล้านบาท
(1.62%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
17.65 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
D/E
2.46 เท่า
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
1,447.16 ล้านบาท
3,138.20ล้านบาท
(185.58%)
ไตรมาสก่อนหน้า
4,830.76ล้านบาท
(142.77%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล