THG
บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday THG: กลยุทธ์รับมือความท้าทาย สร้างโอกาสเติบโตปี 2568

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน ขอบคุณที่ให้เกียรติเข้าร่วมรับฟังงาน Opportunity Days ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ของบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด มหาชน วันนี้เราได้รับเกียรติจากผู้บริหาร 2 ท่าน คือ คุณ ภูมิพัฒน์ ฉัตรนรเศรษฐ ประธานเจ้าหน้าที่การเงินกลุ่ม และคุณ โยธิกา สิงห์พงษ์พันธกุล ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชี

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 THG ได้รับผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้:

  1. ผลกระทบเชิงลบ: รายได้รวมลดลง 8.3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง จำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการลดลง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีสิทธิน้อยลง
  2. ผลกระทบเชิงบวก: บริษัทสามารถทำรายได้ต่อ Visit ของ OPD ได้ดีขึ้น 4.8% และรายได้ต่อ Discharge ของ IPD เพิ่มขึ้น 7% แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการรายได้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้จำนวนผู้ป่วยจะลดลง

โดยรวมแล้ว รายได้สะสม 9 เดือนของปี 2568 อยู่ที่ 641 ล้านบาท ลดลง 15.1% YoY แต่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ทำให้ EBITDA ปรับตัวดีขึ้นมาก ทั้งในมุมของจำนวนและ Margin แม้รายได้จะลดลงอย่างมากก็ตาม

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

THG ยังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจในหลายด้าน ดังนี้:

  1. การเติบโตของโรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง: หากสถานการณ์ลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาเป็นปกติ โดยเฉพาะกัมพูชาและตะวันออกกลาง จะเป็น Upside ที่สำคัญสำหรับโรงพยาบาล
  2. การขยายศูนย์หัวใจ: บริษัทอยู่ระหว่างการประมูลสัญญากับศูนย์การแพทย์ปัญญา นันทภิกขุ และมีแผนที่จะเปิดศูนย์หัวใจแห่งใหม่ในต่างจังหวัดเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคต
  3. โครงการ Jin Wellbeing County: บริษัทมีแผนที่จะทำการตลาดใหม่ โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่จำกัดช่วงอายุ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายห้องชุด

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

THG ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงและความท้าทายหลายประการ:

  1. การแข่งขันที่รุนแรง: การแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนยังคงรุนแรง ทำให้ THG ต้องรักษาคุณภาพการบริการและควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง
  2. ความผันผวนของเศรษฐกิจ: สภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการ
  3. นโยบายภาครัฐ: นโยบายควบคุมราคายาและ Co-payment ของประกันอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท
  4. อุทกภัย: โรงพยาบาลธนบุรีราษฎร์ยินดีที่หาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมฟื้นฟู

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

THG มีแผนการรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ดังนี้:

  1. การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย: บริษัทมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการบริการ
  2. การสร้าง Synergy กับกลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหง: บริษัทมีแผนที่จะ Implement ระบบจัดซื้อกลาง บริหารการเงินแบบรวมศูนย์ และสร้าง Inter-Hospital Network เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
  3. การปรับกลยุทธ์ทางการตลาด: บริษัทมีแผนที่จะปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่จำกัดช่วงอายุ และขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ
  4. การฟื้นฟูโรงพยาบาลธนบุรีราษฎร์ยินดี: บริษัทมีแผนที่จะฟื้นฟูโรงพยาบาลธนบุรีราษฎร์ยินดีอย่างรวดเร็ว เพื่อกลับมาให้บริการได้อย่างเต็มศักยภาพ

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

THG คาดการณ์ว่ารายได้รวมหลังหักรายการพิเศษในปี 2568 จะอยู่ที่ประมาณ 9,260 ล้านบาท ลดลงราว 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่บริษัทเชื่อมั่นว่ารายได้ในไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ทำจุดสูงสุดของปี จาก Seasonality Shift ของโรคระบาดตามฤดูกาล และการตั้งเป้าโอนคอนโด 4 Units ภายในสิ้นปีนี้

THG วางแผนที่จะเปิดอาคารใหม่และขยายโรงพยาบาลในเครืออย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเตียงและขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ บริษัทคาดการณ์ว่าปี 2569 จะเป็นปีแห่งการเติบโต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการกลับมาของ Elective Case และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 46:58]

ความคืบหน้ากับกลุ่มราม และ รามช่วยอะไร THG บ้าง?

THG ได้รับการเตรียมความพร้อม ในการสร้าง Synergy เพื่อ create value เพิ่มขึ้น หลักๆจะเน้นโฟกัสไปที่เรื่อง cost saving ก่อน โดย THG ร่วมกับ ราม ในการ implement ระบบจัดซื้อกลาง โดยมีการเปรียบเทียบราคาซื้อยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ร่วมกัน โดยจะใช้ราคาที่ต่ำที่สุดมันรวมอยู่ในตัว Master list และมีการต่อรองเจรจาเป็นภาพรวมกลุ่ม เพื่อสร้าง Bargaining Power to supplier ซึ่งในส่วนนี้สามารถสร้างประโยชน์ได้ค่อนข้างเยอะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับแผนการขยายกิจการโรงพยาบาลทั้งสองเครือ นอกไปจากนั้น THG มีการ implement ในเรื่องของ Treasury Center ซึ่งจะเป็นการบริหารการเงินแบบรวมศูนย์ เพื่อที่จะได้มีการบริหารสภาพคล่อง รวมทั้งวงเงินธนาคารการบริหารกระแสเงินสดส่วนเกิน เพื่อนำไปลงทุนในแหล่งลงทุนความเสี่ยงต่ำ และยังให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมอยู่ นอกจากนั้น THG คุยกันระหว่างเครือในเรื่องของการสร้าง Inter Hospital Network ในเรื่องของการส่งต่อคนไข้ภายในเครือ เพื่อให้สามารถ utilize ในเรื่องของศูนย์เฉพาะทางของแต่ละเครือของแต่ละสาขาโรงพยาบาลในเครือได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ในปีถัดไปTHG จะมีแผนที่จะสร้าง Cost saving เพิ่มเติมอีกในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการบริหารงานด้าน Back Office เพื่อลด redundancy หรือความซ้ำซ้อนของการบริหารจัดการงานหลังบ้าน ซึ่งในส่วนนี้จะนำมาอัพเดทในช่วงไตรมาสหน้าต่อไป

การเพิ่มทุนที่เอาไปชำระหนี้ส่งผลต่อ สภาพคล่องของบริษัทอย่างไร และในอนาคตจะทำอย่างไร?

THG ได้รับเงินเพิ่มทุนทั้ง PP และ RO มาเต็มจำนวน 6,279 ล้านบาท นำไปชำระหนี้กว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนเกินจากการเพิ่มทุน THG นำมาบริหารสภาพคล่องของ THG เอง ซึ่งในส่วนนี้ช่วยลดดอกเบี้ยจ่ายของเครืออย่างน้อย 200 ล้านบาท แต่จะวิ่งอยู่ที่ 200-280 ล้านบาท ที่จะมี saving ในส่วนของดอกเบี้ยจ่าย รายได้ในไตรมาส 4 อย่างที่ได้เรียนไปว่าTHG จะเป็นในเรื่องของ seasonality shift ที่เห็นชัดเจนว่าโรคระบาดตามฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลงผันแปรไปตามฤดูฝนที่ถูกเลื่อนออกไปประกอบกับการที่มีพายุเข้ามาด้วย โดยจะเห็นว่า Flu A หรือไข้หวัดใหญ่ เกิดขึ้นหนาแน่นกระจุกตัวในช่วงต้นไตรมาส 4 ซึ่งสะท้อนมาที่ภาพผลการดำเนินงานตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมและต่อเนื่องมาพฤศจิกายน ซึ่งTHG เชื่อมั่นว่าในไตรมาส 4 เครือของTHG จะสามารถทำผลการดำเนินงานในจุดสูงสุด ในช่วงไตรมาส 4 และน่าจะปิดปีที่ภาพรวมรายได้รวมที่เป็น normalized revenue อยู่ที่ประมาณ 9,260 ล้านบาท

ผลกระทบจากนโยบายภาครัฐ เรื่องควบคุมราคายา และ นโยบาย Copayment ของทางประกัน?

ในเรื่องนโยบายควบคุมราคายา เรื่องนี้มันเกิดขึ้นต่อเนื่องมาในอดีตและในปัจจุบันมีการนำประเด็นนี้มาพูดคุยกันอีกที สิ่งที่ทางภาครัฐมีการควบคุมในเรื่องของการเปิดเผยราคายา ซึ่งเครือโรงพยาบาลของ THG มีการเปิดเผยราคายาให้ กับทางผู้ป่วยอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่ทางภาครัฐกำหนด ในเรื่องของประกัน Copayment THG ได้รับผลกระทบในเรื่องของประกัน Copayment ไม่มากนัก จะเป็นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของรายได้ OPD กับ IPD มากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้จะกระจุกตัวไปที่ OPD ซะส่วนใหญ่ อันนี้พูดถึงภาพรวมทั้ง industry ตอนนี้จะถูกชิปไปที่ IPD มากขึ้น แต่ถ้าเทียบกับในกลุ่มTHG ปกติ IPD จะเยอะกว่าอยู่แล้ว โดยเฉพาะโรงพยาบาลธนบุรีที่มีศักยภาพในการรักษาโรคยากสูงได้รับผลกระทบไม่มากนักในเรื่องของประกัน Copayment

ปัจจัยบวก ลบ ที่ส่งผลต่อ performance ปีหน้า จะเป็นอย่างไรบ้าง และปัญหาความเชื่อมั่นตอนนี้ THG ถือว่ากลับมาเป็นปกติแล้วหรือยัง?

ในเรื่องของความเชื่อมั่นอย่างที่ได้เรียนไปว่าความเชื่อมั่นของผู้ป่วยรวมถึงบุคลากรภายในTHG เอง เริ่มฟื้นตัวกลับมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ปีที่ผ่านมา หลังTHG ได้รับการเพิ่มทุนและ การเข้ามามีส่วนร่วมของทาง กลุ่มรามคำแหง ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นของ Stakeholder กลุ่มอื่นๆมากขึ้นโดยเฉพาะทางนักลงทุน ผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน ในเรื่องของประเด็นความเชื่อมั่น ไม่น่าจะมีประเด็นมากนัก THG มองว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทดสอบ THG เหมือนกัน เนื่องจากรายได้ลดลงต่ำกว่าจุดที่ THG ยังสามารถที่จะดำรงตัวอัตราการทำกำไรไว้ได้ แต่THG มีการปรับ มีการใช้มาตรการในเรื่องของการ cost saving และการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ทำให้ปีที่ผ่านมายังสามารถ Maintain อัตรากำไรขั้นต้นได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าตัวรายได้จากโรงพยาบาลจะลดลงสู่จุดที่อาจจะกระทบต่ออัตราการทำกำไร ในปีหน้า THG คาดการณ์ว่า ตัว Ebitda Margin จะเห็นว่าTHG ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง สามารถที่จะ implement ในเรื่องของ cost reduction measure ได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาต้องทำรายได้ได้กว่า 90 ล้านบาทถึงจะเป็น Ebitda เป็นบวก ปัจจุบันนี้ เขาสามารถทำรายได้ 60 กว่าล้านต่อเดือนก็จะเห็นว่า Ebitda เป็นบวกแล้ว ในปีหน้าหลังจากการปรับโครงสร้าง และในเรื่องของการจัดการต้นทุนTHG ในปีนี้ THG จะทดสอบตัวรายได้สู่จุดที่อาจจะทำให้เรายากต่อการดำรงอัตราการทำกำไรปีหน้า THG จะเป็นปีแห่งการเติบโตเพราะ THG เชื่อว่าตัวรายได้จะกลับสู่สภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นในเรื่องความเชื่อมั่นและปัจจัยภายนอกที่เชื่อว่าปีหน้าตัว elective case ที่เลื่อนออกไปในช่วงปีนี้จากภาวะเศรษฐกิจปีหน้าจะเริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติแล้วก็จะสามารถสร้างตัวรายได้รวมถึงอัตราการทำกำไรได้ดีขึ้นต่อเนื่อง

ขออัพเดทโรงพยาบาลธนบุรีราษฎร์ยินดี สถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้าง?

สำหรับโรงพยาบาลธนบุรีราษฎร์ยินดี ที่หาดใหญ่ THG พูดเรียนตรงๆว่าครั้งนี้เป็นอุทกภัยครั้งใหญ่กระทบต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลพอสมควร สิ่งแรกที่ให้ความสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากร มีการอพยพและปรับการให้บริการบางส่วนตามแผนรองรับฉุกเฉินที่วางไว้ ในเชิงธุรกิจแน่นอนว่ามีผลกระทบต่อรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งจากการหยุดชะงักของบริการบางส่วนและค่าใช้จ่ายด้านซ่อมแซมฟื้นฟู ซึ่งขณะนี้ทีมงานกำลังอยู่ในระหว่างการประเมินตัวเลขผลกระทบอย่างละเอียด และเมื่อสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายโรงพยาบาลจะเดินหน้าฟื้นฟูแล้วก็จะกลับมาให้บริการอย่างเต็มที่โดยเร็วที่สุด หากมีผลกระทบที่เป็นสาระสำคัญต่อประมาณการทั้งปีTHG จะรีบแจ้งต่อนักลงทุนและตลาดหลักทรัพย์ตามเกณฑ์กำกับอย่างโปร่งใสTHG มีนโยบายประกันภัยทรัพย์สินและ ความเสียหายจากภัยพิบัติ ตามมาตรฐาน แต่ละเคสจะมีรายละเอียดความคุ้มครองแตกต่างกันไป ซึ่งโรงพยาบาลกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นเคลมกัน ตอนนี้THG ยังไม่สามารถสรุปตัวเลขสุทธิหลังหักประกันได้อย่างแม่นยำ หลังเห็นอุทกภัย ผ่านช่วงวิกฤตแล้วสิ่งที่THG คาดไว้คือความต้องการเข้ารับการรักษาจะกลับมาสูงขึ้น ทั้งจากผู้ที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพโดยตรงและผู้ป่วยโรคประจำตัวที่อาจเลื่อนการมารักษาในช่วงน้ำท่วม จึงเตรียมแผนในการเพิ่มกำลังบุคลากรทางการแพทย์และ ทรัพยากร รวมทั้งการส่งทีมสนับสนุนจากโรงพยาบาลในเครือไปช่วยเพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาให้บริการได้เต็มศักยภาพเร็วที่สุด

โดยสรุป THG กำลังเผชิญกับความท้าทายจากสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกต่างๆ แต่บริษัทมีแผนการรับมือที่ชัดเจนและมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาว โดยเน้นการควบคุมต้นทุน การสร้าง Synergy และการขยายฐานลูกค้า THG ยังคงเป็นธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่สำคัญและพร้อมที่จะดูแลผู้ป่วยและผู้ประสบภัยอย่างดีที่สุด