THANA
บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

## บทสรุปผลประกอบการหุ้น THANA (บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)) ปี 2567: บทวิเคราะห์ฉบับสมบูรณ์พร้อมข้อมูลด้านความยั่งยืน

บทความนี้เป็นบทวิเคราะห์ผลประกอบการที่สมบูรณ์ของบริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA ในปี 2567 (12 เดือนล่าสุด) ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งรายได้รวม, สถานการณ์เศรษฐกิจ, การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร, ยอดจองซื้อ, ยอด Backlog, ค่าใช้จ่ายต่างๆ, งบแสดงฐานะทางการเงิน, งบกระแสเงินสด, และที่สำคัญคือข้อมูลด้านความยั่งยืน (ESG) เพื่อให้นักลงทุนและผู้สนใจได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุดสำหรับการตัดสินใจ

**1. สรุปรายได้รวม:**

ในปี 2567 THANA มีรายได้รวม 542.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8 ล้านบาท หรือ 3.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีรายได้รวม 525.9 ล้านบาท รายได้หลักมาจาก:

* **รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์:** 471.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 446.9 ล้านบาท
* **รายได้จากการให้บริการ:** 63.7 ล้านบาท ลดลง 5.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 68.9 ล้านบาท
* **รายได้จากการขายสินค้า:** 7.7 ล้านบาท ลดลง 2.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่ 10.1 ล้านบาท

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 34.0 ล้านบาท คิดเป็น 6.3% ของรายได้ ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน

การเติบโตของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เป็นผลมาจากการเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ "ธนาพาร์ค พรีเว่" จำนวน 2 โครงการ ที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีสังคมส่วนตัวสูง และได้รับการตอบรับที่ดี อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นจากการโอนบ้านลดลงจากการปรับลดราคาเพื่อเร่งการขายบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนและระบายสินค้าคงค้าง โดยกำไรสุทธิหลักมาจากรายได้จากการให้บริการค้ำประกันวงเงินกู้และค่าบริการจัดหาที่ดิน

**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ:**

ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 ยังคงมีความท้าทายจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศหลายประการ ได้แก่:

* **ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว:** ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
* **หนี้ครัวเรือนสูง:** เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
* **อัตราดอกเบี้ยสูง:** เป็นภาระสำหรับผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัย
* **การเข้าถึงสินเชื่อที่ยากลำบาก:** สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ
* **ต้นทุนการก่อสร้างสูง:** ราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ
* **กำลังซื้อไม่ฟื้นตัว:** รายได้ไม่เพิ่มขึ้นและค่าครองชีพสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกที่อาจช่วยกระตุ้นตลาดได้ เช่น ความหวังต่อมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ, การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว, และการปรับตัวของผู้ประกอบการ

ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตในปี 2568 โดยเน้นแบรนด์ "ธนาพาร์ค พรีเว่" ที่มีแนวคิดการออกแบบที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวสูง

**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร:**

* **ต้นทุนขายอสังหาริมทรัพย์:** เพิ่มขึ้น 41.8 ล้านบาท หรือ 12.7% จาก 329.9 ล้านบาท เป็น 371.7 ล้านบาท
* **ต้นทุนการให้บริการ:** ลดลง 22.3 ล้านบาท หรือ 7.1% จาก 31.3 ล้านบาท เป็น 9.1 ล้านบาท
* **ต้นทุนขายสินค้า:** ลดลง 11.1 ล้านบาท หรือ 63.1% จาก 17.6 ล้านบาท เป็น 6.5 ล้านบาท
* **กำไรขั้นต้น:** เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านบาท หรือ 5.7% จาก 147.1 ล้านบาท เป็น 155.4 ล้านบาท
* **อัตรากำไรขั้นต้น (Project Development and Services):** อยู่ที่ 28.6% เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ 28.0% อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นเฉพาะส่วนของการพัฒนาโครงการลดลง 5.1% เนื่องจากนโยบายเร่งขายบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอนและระบายสินค้าคงค้าง
* **รายได้อื่น:** เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาท หรือ 30.7% จาก 7.5 ล้านบาท เป็น 9.8 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกำไรจากการจำหน่ายที่ดินเพื่อการลงทุน
* **ค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่าย:** คิดเป็น 7.0% ของรายได้จากการขาย เท่ากับปีก่อนหน้า
* **ค่าใช้จ่ายในการบริหาร:** เพิ่มขึ้น 12 ล้านบาท หรือ 16% จาก 75 ล้านบาท เป็น 87 ล้านบาท เนื่องจากการเสริมทีมบริหารและการปรับโครงสร้างใหม่ระหว่างกลุ่มบริษัท
* **ต้นทุนทางการเงิน:** เพิ่มขึ้น 13.7 ล้านบาท หรือ 133% จาก 10.3 ล้านบาท เป็น 24.1 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการใหม่
* **ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า:** เพิ่มขึ้น 19.0 ล้านบาท จากการขายในโครงการร่วมทุนกับกลุ่มอนาบุกิและกลุ่มโลฟิส

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีสาเหตุหลักมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่, การปรับลดราคาเพื่อระบายสินค้าคงค้าง, การลงทุนในโครงการใหม่, การปรับโครงสร้างต้นทุนธุรกิจบริการ, และการเสริมทีมบริหาร

**4. ยอดจองซื้อและ Backlog:**

* **ยอดจองซื้อ (รวมทั้งกลุ่มบริษัท):** 910 ล้านบาท ลดลง 149 ล้านบาท หรือ 14% เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่ 1,059 ล้านบาท มีอัตราการยกเลิกการจองซื้อประมาณ 40% บริษัทได้ปรับแนวทางป้องกันการยกเลิกจองซื้อด้วยการขอยื่น Pre-approve และตรวจสอบศักยภาพของลูกค้าก่อนการจองซื้อ
* **ยอด Backlog:** 57 ล้านบาท ลดลง 246 ล้านบาท หรือ 87% จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากนโยบายเร่งกระตุ้นยอดขายโดยกลยุทธ์การปรับราคาขายบ้านสร้างเสร็จพร้อมโอน และระบายสินค้าคงค้าง ประกอบกับการเร่งการก่อสร้างเพื่อการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรับรู้รายได้ในปี 2567

**5. งบแสดงฐานะทางการเงิน:**

บริษัทมีฐานะการเงินโดยรวม ณ 31 ธันวาคม 2567 ดังนี้:

* **สินทรัพย์รวม:** 2,129 ล้านบาท ลดลง 154 ล้านบาท จากปีก่อนหน้า โดยหลักๆ มาจากสินค้าคงเหลือและลูกหนี้อื่น(บริษัทระหว่างกัน)ในโครงการใหม่ต่างๆ
* **หนี้สินรวม:** 1,263 ล้านบาท ลดลง 169 ล้านบาท จากส่วนของเงินกู้ยืมระยะสั้นและเจ้าหนี้การค้า
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** 866 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16 ล้านบาท จากผลกำไรสุทธิ
* **เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด:** 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36 ล้านบาท
* **สินค้าคงเหลือ:** 911 ล้านบาท ลดลง 119 ล้านบาท
* **เงินลงทุนในการร่วมค้า:** 73 ล้านบาท ลดลง 8 ล้านบาท
* **เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้น:** 162 ล้านบาท ลดลง 30 ล้านบาท
* **เงินกู้ยืมระยะยาว:** 336 ล้านบาท ลดลง 64 ล้านบาท
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E):** 1.5 เท่า ลดลงจาก 1.2 เท่าในปีก่อนหน้า และไม่เกินกว่าอัตราส่วนที่บริษัทต้องดำรงไว้ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน

**6. งบกระแสเงินสด:**

บริษัทมีกระแสเงินสด ณ 31 ธันวาคม 2567 ดังนี้:

* **กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** 153.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
* **กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมลงทุน:** 15.8 ล้านบาท
* **กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมจัดหาเงิน:** -133.6 ล้านบาท

กระแสเงินสดรวมเพิ่มขึ้น 35.6 ล้านบาท

**7. ปัจจัยความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุน:**

**ปัจจัยความเสี่ยง:**

* **ความผันผวนของเศรษฐกิจ:** ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
* **การแข่งขันที่รุนแรง:** ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูง ทำให้ต้องมีการปรับลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า
* **ความเสี่ยงด้านต้นทุน:** ราคาที่ดิน วัสดุก่อสร้าง และค่าแรงที่สูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการ
* **อัตราการยกเลิกการจองซื้อ:** ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

**โอกาสในการลงทุน:**

* **การขยายโครงการใหม่:** บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
* **การพัฒนาทรัพย์สินที่มีศักยภาพ:** บริษัทอาจมีทรัพย์สินที่สามารถพัฒนาเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม
* **ความร่วมมือกับพันธมิตร:** การร่วมทุนกับกลุ่มอนาบุกิและกลุ่มโลฟิสช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและโอกาสในการเติบโต
* **การปรับกลยุทธ์เพื่อลดการยกเลิกการจองซื้อ:** การตรวจสอบศักยภาพของลูกค้าก่อนการจองซื้ออาจช่วยลดความเสี่ยงได้
* **กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น:** แสดงถึงความสามารถในการสร้างรายได้จากการดำเนินงานหลักของบริษัท

**8. พัฒนาการด้านความยั่งยืน (ESG):**

THANA ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีการดำเนินงานที่โดดเด่นในด้าน ESG ดังนี้:

* **ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental):**
* ลดการใช้กระดาษและตัดต้นไม้
* ล้อมต้นไม้ในพื้นที่เดิมของโครงการใหม่
* เพิ่มพื้นที่สีเขียว
* ใช้พลังงานสะอาดด้วยการติดตั้ง Solar Cell
* ลดปริมาณการตัดเสาเข็มตอกและกระเบื้องหลังคา
* ลดปริมาณขยะเศษอาหาร
* คัดเลือกคู่ค้าและวัสดุที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน
* ได้รับประเมินให้บ้านเดี่ยว บ้านแฝด โครงการ ภิรมย์ เป็น "บ้านประหยัดพลังงานเบอร์ 5"
* **ด้านสังคม (Social):**
* จัดหาอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านประหยัดพลังงาน
* จัดกิจกรรมสำหรับท่านเจ้าของบ้านเพื่อส่งเสริมความสุข
* ลดค่าไฟฟ้าให้ท่านเจ้าของบ้านเดี่ยวโครงการภิรมย์ได้ประมาณ 42,790 บาท/ปี
* ส่งเสริมการเรียนรู้ออนไลน์และสุขภาวะของพนักงาน
* ประเมินการดำเนินงานด้าน ESG ของคู่ค้า
* ยกระดับความเป็นอยู่และสร้างความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานให้แก่นักสร้าง
* ดูแลความเป็นอยู่ของชุมชนรอบด้าน
* **ด้านบรรษัทภิบาล (Governance):**
* จัดทำขั้นตอนการซื้อที่ดินให้มีความเป็นมาตรฐาน
* ลดต้นทุนงานก่อสร้างจากการลดปริมาณเสาเข็มตอกและกระเบื้องหลังคา
* ลดค่าใช้จ่ายจากการประหยัดพลังงานและลดการใช้ทรัพยากร
* กระบวนการ THANA Green มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้

จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทำให้บริษัทได้รับการประเมินเป็น **หุ้นยั่งยืน ระดับ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2** และได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการ หรือ **CG ระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8**

**9. สรุปสั้นท้ายสุด:**

THANA มีผลประกอบการปี 2567 ที่ผสมผสาน โดยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ แต่กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากสถานการณ์ตลาดที่ท้าทายและการลงทุนต่างๆ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีฐานะทางการเงินที่มั่นคง มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ดี และให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว การบริหารจัดการความเสี่ยงต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตในอนาคต

* **รายได้:** เพิ่มขึ้น 3.2%
* **กำไรสุทธิ:** ลดลง 1.5%
* **อัตรากำไรขั้นต้น:** 28.6% (รวม Project Development and Services)
* **ยอดจองซื้อ:** ลดลง 14%
* **ยอด Backlog:** ลดลง 87%
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E):** 1.5 เท่า
* **ESG:** ได้รับการประเมินเป็นหุ้นยั่งยืน ระดับ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้รับการประเมิน CG ระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8

**ภาพรวม:** THANA เป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการใหม่, การร่วมมือกับพันธมิตร, การบริหารจัดการต้นทุน, การปรับกลยุทธ์เพื่อลดการยกเลิกการจองซื้อ, และที่สำคัญคือความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย


รายได้รวม
204.41 ล้านบาท
70.90ล้านบาท
(53.11%)
ไตรมาสก่อนหน้า
151.28ล้านบาท
(284.74%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
43.75 ล้านบาท
2.23ล้านบาท
(5.37%)
ไตรมาสก่อนหน้า
29.51ล้านบาท
(207.23%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
21.40 ล้านบาท
9.70ล้านบาท
(31.19%)
ไตรมาสก่อนหน้า
5.40ล้านบาท
(20.15%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
22.03 ล้านบาท
15.45ล้านบาท
(41.22%)
ไตรมาสก่อนหน้า
11.85ล้านบาท
(34.98%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
10.78 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
1.59 ล้านบาท
0.43ล้านบาท
(21.17%)
ไตรมาสก่อนหน้า
12.67ล้านบาท
(114.35%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
0.78 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
126.32 ล้านบาท
72.69ล้านบาท
(135.54%)
ไตรมาสก่อนหน้า
258.56ล้านบาท
(195.52%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล