SELIC
บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday SELIC: เจาะลึกผลประกอบการ Q3 ปี 2568, กลยุทธ์เติบโต, และโอกาสในอนาคต

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):

ในไตรมาส 3 ปี 2568, SELIC เผชิญกับผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญ:

  1. ตลาดในประเทศชะลอตัว: พฤติกรรมผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น, ความต้องการสินค้าลดลงเนื่องจากเป็นสินค้าตามฤดูกาล
  2. การท่องเที่ยวซบเซา: จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงส่งผลกระทบต่อยอดขาย

ถึงแม้จะมีปัจจัยท้าทาย, SELIC ยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้, โดยมีสัดส่วนการขายในประเทศ 52% และส่งออก 48%

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):

SELIC มองเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดต่างประเทศและกำลังดำเนินการตามกลยุทธ์เพื่อคว้าโอกาสเหล่านั้น:

  1. ขยายตลาดส่งออก: ชดเชยการชะลอตัวของตลาดในประเทศโดยเน้นการส่งออกมากขึ้น
  2. ออกผลิตภัณฑ์ใหม่: กระตุ้นตลาดและขยายฐานลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่, เช่น Neo bun spray
  3. ขยายช่องทางจำหน่าย: เพิ่มช่องทางจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้กว้างขวางขึ้น

SELIC วางแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายตลาดไปยังต่างประเทศเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตในระยะยาว

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):

SELIC ตระหนักถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ:

  1. การแข่งขันสูง: การแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากจีนในตลาดรองเท้า
  2. สถานการณ์ในกัมพูชา: ความไม่แน่นอนทางการเมืองในกัมพูชาส่งผลกระทบต่อการส่งออก
  3. ความผันผวนทางเศรษฐกิจ: ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):

SELIC มีแผนการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ:

  1. ปรับกลยุทธ์การตลาด: มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อกระตุ้นความต้องการ
  2. กระจายความเสี่ยง: ขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่ง
  3. ควบคุมต้นทุน: บริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไร
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):

SELIC มองเห็นแนวโน้มการเติบโตในระยะยาวในอุตสาหกรรม Healthcare และวางแผนที่จะลงทุนในด้านนี้มากขึ้น, โดยเน้น 4 แกนหลัก:

  1. พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
  2. เสริมสร้างความแข็งแกร่งช่องทางการขาย
  3. ขยายตลาดต่างประเทศ
  4. สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [นาทีที่ 54:07] * Q: ทำไมยอดขายไตรมาส 2 และ 3 ลดลงจากไตรมาส 1 เกิดจากอะไรเป็นหลัก * A: ภาพรวมตลาดในประเทศชะลอตัว + พฤติกรรมผู้บริโภคระมัดระวังมากขึ้น + สินค้าเป็น seasonal + การท่องเที่ยวลดลง * Q: แผนการตลาดและสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัว สามารถช่วยยอดขายได้ไหม * A: เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลัก เพราะ new product ช่วยขยายฐานลูกค้า เพิ่มการทดลองใช้ ขยายช่องทางจัดจำหน่าย กระตุ้นตลาด สร้างยอดขาย (ต้องใช้เวลา build brand awareness) * Q: สงครามกัมพูชา ยังมีผลกระทบต่อยอดขายหรือไม่ * A: (กาว) มีลูกค้าบางส่วนในกัมพูชา ตอนนี้ activity เกี่ยวกับการขายหยุดหมด แต่ยังติดต่อลูกค้าอยู่เรื่อยๆ + หาตลาดอื่นที่ดึงยอดขายกลับมาได้ (Healthcare) มีผลกระทบบ้างตามชายแดน แต่ Q2-Q3 การส่งออกยังไม่กระทบมากนัก * Q: ยอดขายลดลง เพราะพรีเซนเตอร์อย่างหนุ่มกรรชัยหมดสัญญาหรือไม่ * A: ไม่ใช่สาเหตุหลัก ยอดขายชะลอตัวเป็นเรื่องเศรษฐกิจ/การท่องเที่ยว การเปลี่ยนพรีเซนเตอร์เป็นแค่ส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ * Q: ตอนนี้บริษัทมีแผนการขายและการตลาดอย่างไร * A: (Healthcare) Q4 เป็นช่วงที่สินค้าเริ่มกลับมานิยมมากขึ้น (หมดหน้าฝน, อากาศดี, จัดกิจกรรม outdoor ได้) + เน้นขายทั้ง offline/online + ทำกิจกรรมหน้าร้านร่วมกับร้านขายยา/e-commerce + สร้าง content ให้ความรู้ + ขยายฐานลูกค้าด้วย new product + ออก roadshow ให้ลูกค้าเห็นเรามากขึ้น * (กาว) ทำตามแผนปี 2568 แต่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตลาดพม่าติดปัญหาชายแดนปิด เน้นตอบโจทย์ลูกค้า + บริการ + นำสินค้า bio-based สู่ตลาดเพิ่ม * Q: จะมีการสปอนเซอร์ เช่น ซีเกมส์ หรือไม่ * A: เปิดรับทุกโอกาส พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยดูจากกลุ่มลูกค้า/target ของงานนั้นๆ ว่าตรงกับแบรนด์ไหม (อายุ, เพศ, กิจกรรม, hobby) + ดูว่าสร้าง impact ให้แบรนด์ไหม สร้างการรับรู้ที่ดีไหม * Q: สินค้ากลุ่มไหนที่ยอดลดลงมากที่สุด เพราะอะไร * A: (กาว) กาวโซเว้นท์ (ขายตรงให้ผู้ผลิตรองเท้า/เครื่องหนัง) เป็นช่วง low season + กำลังซื้อน้อยลง + มีสินค้ารองเท้าสำเร็จรูปจากจีนเข้ามาแข่ง * (Healthcare) ผลิตภัณฑ์ pain relief เพราะ Q2-Q3 คนไม่ได้ออกไปทำ activity มากนัก + กิจกรรม outdoor น้อยลง * Q: มองไตรมาส 4 ไว้อย่างไร * A: (Healthcare) มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ (Neo bun spray) + วางขาย Neo bun ใน 7-Eleven/e-commerce/ร้านสะดวกซื้อทั่วไป + ขยายฐานลูกค้าให้เข้าถึงสินค้าเราได้มากขึ้น + ร่วมกิจกรรมต่างๆ (งานวิ่ง Amazing Thailand) + ทำกิจกรรม roadshow * Q: ช่วยแชร์แผนปี 2569 * A: (Healthcare) เดินหน้าด้วย 4 แกนหลัก: พัฒนาสินค้า/ขยายพอร์ต new product + เสริมความแข็งแกร่งช่องทางการขาย (online/offline) + ขยายตลาดไปต่างประเทศ + สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง * (กาว) โฟกัสตลาดในประเทศ (F&B) + เพิ่ม service + นำสินค้า bio-based สู่ตลาดเพิ่ม (3-4 รายการ) + ตลาดต่างประเทศโฟกัสที่ตลาดเดิม แต่เพิ่มปริมาณการขาย * Q: ปี 2568 คาดว่าจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ * A: จะพยายามเป็นไปตามแผนให้มากที่สุด ยังไม่มีการเปลี่ยนเป้าการขาย * Q: ทำไมทาง SELIC มีการซื้อหุ้นเพิ่มในบริษัท เทวกรรมโอสถ * A: (ตอบสั้นๆ) บริษัทจะโฟกัสไปข้างหน้าในด้าน Healthcare มากขึ้น + กรรมการบริษัทเห็นว่ามีโอกาสเปิดขึ้นมา จึงเป็นการดีที่จะเพิ่มหุ้นในเทวกรรม

โดยรวมแล้ว SELIC ยังคงมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว, แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ในระยะสั้น, การปรับกลยุทธ์และการมองหาโอกาสใหม่ๆ จะเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย