SAFE
บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

Oppday

ไตรมาสที่ 3 ปี 2568

สรุป OPPDAY

SAFE Fertility Group: สรุป Oppday ไตรมาส 3 ปี 2568 - โอกาสเติบโตในตลาดผู้มีบุตรยาก

SAFE Fertility Group จัดงาน Oppday สรุปผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีผู้บริหารระดับสูงให้ข้อมูล:

  • นายแพทย์ วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
  • คุณ ชนิดา พัฒโนทัย (ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน)

บริษัทมีธุรกิจหลัก 3 ส่วน:

  1. SAFE Fertility: คลินิกเพื่อการมีบุตร
  2. NGG: บริษัทรับทำแล็บเกี่ยวกับตัวอ่อนและการตรวจพันธุกรรม
  3. The Fountain: Wellness Center (ธุรกิจน้องใหม่)

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

SAFE มี 5 สาขา (กรุงเทพฯ, ขอนแก่น, ศรีราชา, ภูเก็ต) ให้บริการแบบ All-in-One (ตรวจ, รักษา, แล็บ, ใส่ตัวอ่อน) NGG มีแล็บที่อุดรธานีและเชียงราย (กำลังจะเปิดต้นปี 2569)

ผลิตภัณฑ์หลักของ SAFE คือเด็กหลอดแก้ว ICSI, ฟรีซไข่/สเปิร์ม/ตัวอ่อน, การฉีดเชื้อ, การย้ายตัวอ่อน, การเจาะดูดอสุจิ, การคัดเลือกสเปิร์ม (ไลก้า IMSI, Max Sperm), และการส่องกล้องในโพรงมดลูก โดยเฉพาะการส่องกล้องในโพรงมดลูกสร้างรายได้มากขึ้นและเป็น World Standard

NGG มีบริการหลัก 3 อย่าง:

  • ตรวจโครโมโซมตัวอ่อนก่อนฝังตัว
  • ตรวจเลือดแม่เพื่อดูโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT)
  • ECS (Expanded Carrier Screening): ตรวจคัดกรองยีนในคู่แต่งงานเพื่อดูความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรม

Safe Wellness เป็นหน่วยธุรกิจเล็ก ๆ เกี่ยวกับ Wellness และ Aesthetic

แนวโน้ม Egg Freezing และ Embryo Banking โตขึ้นชัดเจน เพราะคนชะลอการมีบุตร บริษัทหลายแห่งมีสวัสดิการให้พนักงานฟรีซไข่/ตัวอ่อน

SAFE ได้รับการรับรองคุณภาพโดยสถาบัน R-Tag เป็นที่แรกของไทย และกำลัง Re-accredit โดยองค์กรจากออสเตรเลีย (สาขาเกษร อัมรินทร์และภูเก็ต)

SAFE มีมาตรฐาน UK NEQAS, ISO 15189 (เวอร์ชัน 2022), ISO 15190 (เวอร์ชัน 2020), ISO 9001 (เวอร์ชัน 2015), และกำลังทำ ISO 27001 (IT, Privacy, Data Protection)

SAFE สาขาภูเก็ตฉลองครบรอบ 10 ปี

ในไตรมาส 3 ปี 2568 SAFE มีรอบการเก็บไข่ 238 รอบ (ต่างชาติ 122, ไทย 116) 9 เดือน มี 724 รอบ (ไทย 370, ต่างชาติ 354) ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 560,000 บาทต่อรอบ (รวมตั้งแต่เตรียมตัว กระตุ้นไข่ ฟรีซ ปฏิสนธิ เลี้ยงตัวอ่อน ตรวจโครโมโซม ย้ายตัวอ่อน ตรวจการตั้งครรภ์) โดยการตรวจโครโมโซมเป็นผลิตภัณฑ์ของ NGG

NGG มีรายได้ 49.04 ล้านบาทในไตรมาส 3 (เพิ่มขึ้นเล็กน้อย) และ 145 ล้านบาทในรอบ 9 เดือน ให้บริการตรวจแล็บโครโมโซมแก่คลินิก IVF และโรงพยาบาลทั้งในและต่างประเทศ

รายได้รวมของ SAFE ในไตรมาส 3 คือ 178.23 ล้านบาท (SAFE 137.4 ล้าน, NGG 36.9 ล้าน, Wellness Center 3.9 ล้าน) เพิ่มขึ้นจาก Q2 เล็กน้อย (2.7%) รายได้ 9 เดือนคือ 527.5 ล้าน (SAFE 405 ล้าน, NGG 106.88 ล้าน, Safe Wellness 14.9 ล้าน)

สัดส่วนรายได้หลักมาจาก SAFE (76.91%), NGG (20.3%), และ Safe Wellness (2.8%) กำไรขั้นต้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 97.88 ล้านบาท (Margin 55%) 9 เดือนอยู่ที่ 296 ล้านบาท (Margin 56.1%) EBITDA ไตรมาส 3 อยู่ที่ 55.3 ล้านบาท (Margin 30.2%) 9 เดือนอยู่ที่ 163.29 ล้าน (Margin 30.2%)

Net Profit ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 2 เป็น 34.9 ล้านบาท (Margin 19.1%) 9 เดือน กำไร 101 ล้านบาท (Margin 18.7%)

Asset รวมอยู่ที่ 1,909 ล้านบาท, Equity 1,701 ล้าน, และ Liability 209 ล้าน Interest-bearing debt ต่อ Equity อยู่ในระดับต่ำ (0.04 เท่า) ไม่มีเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ROA 9 เดือนอยู่ที่ 6.9% analyze, ROE อยู่ที่ 7.55% analyze

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

SAFE เน้นการใช้ Growth Driven Growth ด้วย 4 แกน:

  • เทคโนโลยี (Juno เห็นผลชัดขึ้น)
  • Marketing (Billboard, Partnership, Exhibition, Social Media)
  • กฎหมาย (รอการปรับปรุง)
  • การขยายธุรกิจ

การตรวจตัวอ่อนด้วยวิธี PGS ทำให้คนไข้มีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้น แท้งลดลง และมีตัวอ่อนให้ใส่มากขึ้น

SAFE ให้บริการ ECS (Expanded Carrier Screening) เต็มรูปแบบ ตรวจเลือดฝ่ายชายและหญิงเพื่อดูพาหะโรคทางพันธุกรรม (ถ้ามีก็คัดออกเพื่อไม่ให้ลูกเป็นโรค)

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

การแข่งขันในตลาด IVF สูง ผู้เล่นรายเล็กจะเฟดไป ต้อง Scale เท่านั้นถึงจะอยู่ได้ รัฐบาลในต่างประเทศ (เช่นมาเลเซีย,เวียดนาม) เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดนี้

กฎหมายอุ้มบุญของไทยยังไม่ทันสมัยและติดขัดทางการเมือง ทำให้การผลักดันเป็นไปได้ยาก รัฐบาลมี Timeline ยุบสภา ทำให้กฎหมายอาจถูก Delay ไปอีก

การ Subsidies จาก สปสช. (30 บาทรักษาทุกโรค) อาจไม่ส่งผลโดยตรงต่อ SAFE เพราะการเบิกจ่ายค่อนข้างต่ำ แต่จะช่วยสร้าง Awareness มากขึ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

SAFE ไม่เน้นสงครามราคา แต่จะดูแลไม่ให้ราคาตั้งไว้สูงเกินไป และเพิ่มคุณภาพ

  • สาขาอัมรินทร์เป็น Premium
  • สาขาอื่น ๆ จะทำเป็น Tier (ภูเก็ต, ศรีราชา, รามอินทรา, ขอนแก่น ราคาไม่เท่ากัน)

SAFE พยายามขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทำการตลาดครอบคลุม (Billboard, Partnership, Exhibition, Social Media, Influencer)

SAFE ใช้ Internal Audit แทนการ Audit จากภายนอก (ค่าใช้จ่ายสูง) เพื่อให้มาตรฐานทุกสาขาคล้ายกัน

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

SAFE ยังเน้นการดูแลแบบองค์รวม บริการดี อบอุ่น แม่นยำ รวดเร็ว มีคนดูแลส่วนตัว สถานที่สะอาด ปลอดภัย เทคโนโลยีทันสมัย ใส่ใจดูแลทุกขั้นตอน สร้างประสบการณ์ที่ดีให้คนไข้และญาติ

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 33.23]

คำถาม: ภาพรวมการแข่งขันในตลาด IVF เป็นอย่างไร มีคู่แข่งเพิ่มขึ้นมากน้อยแค่ไหน?

คำตอบ: การแข่งขันสูง ธุรกิจนี้ต้อง Scale เท่านั้นถึงจะอยู่ได้ ผู้เล่นรายเล็กต้องรวมกับรายใหญ่หรือปิดตัวไป ในต่างประเทศรัฐบาลเริ่มให้ความสนใจ (เช่นมาเลเซีย, เวียดนาม)

คำถาม: การแข่งขันด้านราคาเป็นอย่างไร SAFE มีนโยบายรับมืออย่างไร?

คำตอบ: SAFE ไม่ลงเล่นตลาดล่าง ไม่ทำ Price War แต่จะดูแลไม่ให้ราคาสูงเกินไป และเพิ่มคุณภาพ สาขาอัมรินทร์เป็น Premium สาขาอื่น ๆ จะทำเป็น Tier

คำถาม: แนวโน้ม OPU Cycle ของลูกค้าไทยเป็นอย่างไร มีกลยุทธ์ดึงดูดลูกค้าอย่างไร?

คำตอบ: คนไข้ไทยลดลง แต่ SAFE ได้คนไข้ไทยมากขึ้นในสาขาต่าง ๆ อัมรินทร์อาจลดลง (ตั้งใจให้เป็น Premium) เน้นต่างชาติ รอ Scammer ดีขึ้น ความสัมพันธ์ไทย-จีนดีขึ้น (คนไข้จีนอาจกลับมา) ประเทศอื่น ๆ (เวียดนาม, อินเดีย, ญี่ปุ่น, สิงคโปร์) ดีขึ้น

คำถาม: ธุรกิจ Wellness ปัจจุบันยังขาดทุน SAFE มีแผนกลับมามีกำไรเมื่อไร?

คำตอบ: ปีนี้ Wellness ยังขาดทุน (รายได้ไม่เยอะเมื่อเทียบกับกลุ่ม) แต่ปีหน้าน่าจะเทิร์นเป็นกำไรได้ ไม่เน้น Aesthetic (แข่งขันสูง) เน้น Wellness และ Protection ตอนนี้ Longevity เป็นกระแสที่มาแรง

คำถาม: คอร์สของลูกค้าต่างชาติ SAFE มีช่องทางดึงดูดลูกค้าอย่างไร และโครงสร้างค่า Commission เป็นอย่างไร?

คำตอบ: Word of Mouth เป็นจุดแข็งที่สุด (คนไข้สำเร็จเป็นหมื่น ๆ คน) ใช้ช่องทางอื่น ๆ ด้วย (Facebook, Social Media, Agent) ช่องทาง Agent ยังไม่ใช่ช่องทางหลัก (รายได้ 10% จากทั้งหมด) ลูกค้าส่วนใหญ่ติดต่อเข้ามาโดยตรงผ่าน Social Media และ Word of Mouth โครงสร้างค่า Commission จ่ายเป็น % ที่ Competitive ได้

คำถาม: รายได้ปี 2568 น่าจะต่ำกว่าปี 2567 หรือไม่ และคาดว่าจะเติบโตได้หรือไม่?

คำตอบ: ไตรมาสแรกปี 2567 แข็งแกร่งมาก (อานิสงส์ปีมังกร) Q2-Q4 ลดลง Q4 ต่ำสุด ปีนี้ค่อย ๆ เกณฑ์ขึ้นมา (Q1-Q3) น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

คำถาม: โครงการตรวจเลือดแม่ที่ตั้งครรภ์ร่วมกับ สปสช. มีความแน่นอนหรือยัง สร้างรายได้เท่าไร?

คำตอบ: เซ็นสัญญา MOU แล้ว กำลังทำ Validation เครื่อง (เปลี่ยนจากเครื่องอเมริกาเป็นเครื่องจีนเพื่อให้ราคาถูกลง) น่าจะให้บริการได้ต้นปี Volume ในตลาดเยอะ ผู้ให้บริการในไทยมี 5-6 เจ้า SAFE เป็นหนึ่งในนั้น Volume ไม่กังวล ตอนนี้กำลังตั้งราคาให้เข้ากับ สปสช. โดย Manage Cost และ Expense แทน ถ้า Scale ได้และ Mix กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ (ที่มี Qualify Premium Qualify ) จะมีผลิตภัณฑ์ NIPT ทุกระดับ

คำถาม: สาขาที่ยังไม่ได้รับ A-Tag เพราะอะไร และจะได้รับเมื่อไร มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?

คำตอบ: เพราะมีคนไข้ต่างชาติน้อย ค่าใช้จ่ายสูง อาจไม่คุ้มกัน แต่ SAFE มี Internal Audit (แผนกต่าง ๆ ของเรา โดยเฉพาะห้อง Lab) จะไป Audit อยู่แล้ว (ใช้ Internal Audit แทน) มาตรฐานทุกสาขาคล้ายกัน ยังไม่มีแผนให้ A-Tag มา Audit

คำถาม: บริษัทมีการใช้ AI มาช่วยในการดำเนินงานหรือไม่?

คำตอบ: มี AI เป็น Trend ของโลก ด้านการแพทย์ใช้ดูห้อง Lab ดูตัวอ่อนที่มี Potential (การเกาะ การสำเร็จ) ด้าน Back Office ก็ใช้ (App ที่ใช้กันทั่วไป) ใช้ Analyze ข้อมูล ส่วนในห้อง Lab ใช้ Robotic หลายเครื่อง

คำถาม: แผน 3 ปีข้างหน้า มีการใช้เงินทุนที่เป็น CapEx ก้อนใหญ่หรือไม่ จะกระทบกับการจ่ายเงินปันผลหรือไม่?

คำตอบ: ตอนนี้ Capacity ยังรับได้ (50-60%) ไม่มีการลงทุนก้อนใหญ่ (สร้างเครื่องมือ, ห้อง Lab) น่าจะเป็น Maintenance CapEx เป็นปกติของแต่ละปี Depreciate บางสาขาหมดอายุ (บางเครื่องตัด 5 ปี แต่ใช้ได้ 8-10 ปี) อาจช่วย Margin ในอนาคต ส่วน CapEx จะมีในแง่ของการไปลงทุน เช่นการเปิดร่วมกับเชียงราย ตอนนี้คุยกับโรงพยาบาลอีก 1 แห่ง กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเพิ่มประชากร โรงพยาบาลศูนย์จะเปิดคลินิกเด็กหลอดแก้ว (SAFE ดูแลห้อง Lab) ลงทุนไม่เยอะ เป็นข้อดีที่สามารถ Rotate เครื่องรุ่นใหม่ไปสาขา Premium (อัมรินทร์) และเครื่องรุ่นรองลงไปสาขาอื่น ๆ

คำถาม: คุณหมอมีนโยบายซื้อหุ้นคืนไหม?

คำตอบ: บริษัทไม่มีนโยบายซื้อหุ้นคืน แต่ส่วนตัวมีการลงทุนเพิ่มบ้าง ตามที่ประกาศตามกฎหมาย (ก.ล.ต.)

คำถาม: คาดว่าปันผลปีนี้จะจ่ายในอัตรา 100% หรือไม่?

คำตอบ: ถ้าไม่มีการใช้ Partnership (อาจใช้งบลงทุนส่วนหนึ่ง แต่ไม่กระทบ Cash Flow) อาจปันผลเหมือนเดิม เดี๋ยวพิจารณาและแจ้งตลาดอีกที

คำถาม: คุณผู้บริหารมองแนวโน้มคนไข้ต่างชาติ (จีน, อินเดีย, CLMV) ใน 3 ปีข้างหน้าอย่างไร มีความกังวลเรื่องนโยบายประชากรของประเทศเหล่านั้นหรือไม่?

คำตอบ: ต้องมองคนอื่นและย้อนมองตัวเอง ประเทศที่เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบก่อนคือญี่ปุ่น (มีอัตราการทำเด็กหลอดแก้วที่สูงมาก เกือบ 1 ล้านครั้งต่อปี) ของไทยยังอยู่ที่หลักหมื่น (2-3 หมื่น) ยังไปได้อีกไกล สปสช.เริ่มให้ทำได้ ประกันสังคมก็ต้องทำ (ไฟต์บังคับ) สิทธิประโยชน์ของบริษัทประกันภัยก็เริ่มมี ก็ยังโตไปได้เรื่อย ๆ

คำถาม: สำหรับปีมะเมีย (ปีม้า) ในปีหน้า จะกระตุ้นบริการให้ SAFE เพิ่มมากขึ้นไหม?

คำตอบ: ไม่ใช่ปีหลัก แต่อินเดีย ญี่ปุ่นไม่สนเรื่องปีนักษัตร คนไข้จีนอาจสน (แต่จะชดเชยกัน) คนไข้จีนลดจากเรื่องเศรษฐกิจ เรื่อง Scammer (หลัก ๆ คือ Scammer) จะกลับเข้ามา คาดหวังว่าสถานการณ์กัมพูชาจะดีขึ้น

คำถาม: ในการขยายธุรกิจจะเน้น M&A เน้นร่วมทุน หรือลงทุนเองเป็นหลัก?

คำตอบ: M&A ยังอยู่ในแผน มี Cash on Hand เยอะ มีความสามารถในการร่วมทุนสูง แต่ต้องหาจังหวะและราคาที่ดี น่าจะเป็น Trend ที่จะเปิดร่วมกับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน (SAFE ดูแลห้อง Lab)

คำถาม: ราคาหุ้นตกลงมาเยอะ คุณหมอมีนโยบายซื้อหุ้นคืนไหม?

คำตอบ: บริษัทไม่มีนโยบายซื้อหุ้นคืน แต่ส่วนตัวมีการลงทุนเพิ่มบ้าง ตามที่ประกาศตามกฎหมาย (ก.ล.ต.)

โดยรวมแล้ว SAFE Fertility Group ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย, การขยายตลาด, และความต้องการของผู้มีบุตรยากที่เพิ่มขึ้น