สรุปงบล่าสุด NOBLE
สรุปงบการเงิน
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 3 ปี 2568
**ภาพรวมผลการดำเนินงาน**
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:
* **รายได้รวม:** มีรายได้รวม 2,152.1 ล้านบาท ลดลง 28.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (2,991.4 ล้านบาท) ในขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 5,554.1 ล้านบาท ลดลง 25.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (7,416.4 ล้านบาท) การลดลงของรายได้ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของรายได้จากการให้เช่าและบริการ
* **กำไรสุทธิ:** มีกำไรสุทธิ 687.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 21,146.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (3.3 ล้านบาท) และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 715.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 258.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (199.8 ล้านบาท) การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิมีสาเหตุหลักมาจากกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนและกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของที่ดิน
**1. สรุปรายได้รวม**
ในไตรมาส 3 ปี 2568 โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ มีรายได้รวม 2,152.1 ล้านบาท ลดลง 28.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีรายได้รวม 2,991.4 ล้านบาท (หน้า 4) สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการให้เช่าและบริการ เนื่องจากโครงการร่วมทุนบางโครงการได้เสร็จสิ้นลงแล้ว เช่น โครงการนิวคอร์คูคต และโครงการนิว ไฮบ์สุขสวัสดิ์ นอกจากนี้ บางโครงการอยู่ในช่วงปลายของ S-curve ทำให้การรับรู้รายได้ลดลง เช่น โครงการโนเบิลครีเอท และโครงการนิวริเวอร์เรสต์ราษฎร์บูรณะ (หน้า 1) อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีรายได้จากการขายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการนิวอีโวอารีย์ (เริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568) รวมถึงมีรายได้อื่นเพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารโครงการ (Management Fee) ของโครงการร่วมทุนที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มโครงการคูคต และโครงการนิว ไฮบ์สุขสวัสดิ์ (หน้า 1)
**2. สถานการณ์เศรษฐกิจ**
ในไตรมาส 3 ปี 2568 เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก จากผลกระทบของสงครามการค้าโลกและการส่งออกที่หดตัวตามมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ และภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของประเทศคู่ค้า ส่งผลให้ภาคธุรกิจไทยเผชิญความท้าทายมากขึ้น ขณะเดียวกันกำลังซื้อในประเทศยังอยู่ในภาวะเปราะบางจากภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สะท้อนโดยตรงต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยและการเข้าถึงสินเชื่อของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องปรับตัวอย่างระมัดระวังท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน (หน้า 2)
ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุว่า ในไตรมาส 2 ปี 2568 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศจำนวน 77,343 หน่วย คิดเป็นมูลค่ารวม 210,056 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.9 และ 13.6 ตามลำดับ สะท้อนถึงภาวะกำลังซื้อที่ยังเปราะบาง อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสแรกของปี ตลาดเริ่มมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น โดยจำนวนหน่วยโอนเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 และมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐในการปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนอง เหลือร้อยละ 0.01 สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท รวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (LTV) สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่สองที่มีมูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่มีมูลค่าตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปของธนาคารแห่งประเทศไทย (หน้า 2)
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2568 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงเป็นปัจจัยหนุนสำคัญที่จะช่วยพยุงตลาด โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.50 ในการประชุมเดือนตุลาคม 2568 ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า กนง. อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 ในเดือนธันวาคม 2568 และอาจมีการปรับลดเพิ่มเติมในช่วงครึ่งแรกของปี 2569 เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งระดับดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ต่ำจะช่วยลดภาระการผ่อนชำระของผู้กู้ และเสริมความเชื่อมั่นในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย (หน้า 2)
**3. การเปลี่ยนแปลงในรายได้และกำไร**
* **รายได้จากการขาย - ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์:** ในไตรมาส 3 ปี 2568 มีรายได้ 1,608.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (1,478.5 ล้านบาท) (หน้า 4)
* **รายได้จากการให้เช่าและบริการ:** ลดลง 70.4% เหลือ 416.4 ล้านบาท (หน้า 4)
* **รายได้อื่น:** เพิ่มขึ้น 18.7% เป็น 127.5 ล้านบาท (หน้า 4)
* **ต้นทุนขาย - ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์:** ลดลง 9.1% เหลือ 1,143.1 ล้านบาท (หน้า 5)
* **ต้นทุนจากการให้เช่าและบริการ:** ลดลง 57.7% เหลือ 504.9 ล้านบาท (หน้า 5)
* **ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร:** เพิ่มขึ้น 10.4% เป็น 430.0 ล้านบาท (หน้า 5)
* **กำไรขั้นต้น:** ลดลง 12.9% เหลือ 376.6 ล้านบาท (หน้า 5) แต่อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 28.9% (หน้า 6)
* **ต้นทุนทางการเงิน:** ลดลง 8.0% เหลือ 106.3 ล้านบาท (หน้า 6)
**4. สินทรัพย์และหนี้สิน**
* **สินทรัพย์รวม:** ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 มีสินทรัพย์รวม 24,936.4 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2567 (27,253.6 ล้านบาท) (หน้า 7)
* **หนี้สินรวม:** มีหนี้สินรวม 18,061.1 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2567 (20,944.7 ล้านบาท) (หน้า 7)
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** เพิ่มขึ้นเป็น 6,875.3 ล้านบาท (หน้า 7)
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** ลดลงจาก 3.32 เท่า ณ สิ้นปี 2567 เป็น 2.63 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 (หน้า 7)
* **อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** ลดลงจาก 2.15 เท่า ณ สิ้นปี 2567 เป็น 1.75 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 (หน้า 7)
**สรุปประเด็นสำคัญ**
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ มีผลประกอบการที่ผสมผสานในไตรมาส 3 ปี 2568 โดยรายได้รวมลดลงเนื่องจากการลดลงของรายได้จากการให้เช่าและบริการ แต่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการจำหน่ายเงินลงทุนและการปรับมูลค่ายุติธรรมของที่ดิน ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง
**อ้างอิง:** เอกสารคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการสำหรับงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 ของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
(35.66%)
(72.47%)
(35.17%)
(12.86%)
(110.11%)
(216.63%)
(17.98%)
(72.13%)
(1,254.78%)
(21,146.48%)
(436.04%)
(67.43%)