สรุปงบล่าสุด NOBLE
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บทวิเคราะห์ผลประกอบการบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (NOBLE) ไตรมาส 3/2567
บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2567 มีรายได้รวม 2,991.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่มาจากการรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่ก่อสร้างเสร็จเพิ่มขึ้น เช่น โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง, โครงการโนเบิล สเตท 39, โครงการโนเบิล อราจน์ อารีย์, โครงการโนเบิล เทอร์รา พระราม 9 - เอกมัย, โครงการโนเบิล นอร์ส กรุงเทพกรีฑา และโครงการนิว โนเบิล ไฟอาย-วังหลัง นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้เช่าและบริการจากการบริหารงานก่อสร้างของโครงการร่วมทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 3.3 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ ลดลงจากกำไรในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากกำไรขั้นต้นลดลงจากการปรับกลยุทธ์ด้านราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย และรายได้อื่นลดลงจากการขายเงินลงทุนในโครงการร่วมทุนในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
แผนธุรกิจของ NOBLE ในอนาคต ยังคงเน้นการควบคุมพอร์ตโฟลิโอให้มีความเหมาะสม ทั้งในเชิงของประเภทสินค้า และการกระจายตัวของลูกค้า บริษัทฯ มีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เช่น ลูกค้าจีน, พม่า และไต้หวัน เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญในตลาดเหล่านี้ ในส่วนของตลาดภายในประเทศ NOBLE จะเน้นเจาะตลาดพื้นที่ในกรุงเทพฯ และทำเลศักยภาพ พร้อมปรับกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ มียอดจองและโอนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาล เช่น มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ และจดจำนองที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการประกาศลดอัตราดอกเบี้ย นโยบายร้อยละ 0.25 จากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
การลงทุนใน NOBLE ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจจากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดและอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง แม้ว่าจะมีขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2567 แต่บริษัทฯ ยังคงมีรายได้ที่รอการรับรู้ (Backlog) 26,899 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 4 ปีข้างหน้า อีกทั้ง NOBLE ยังคงมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 2.07 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน
ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีของ NOBLE อยู่ที่ประมาณ 8.5 บาท ขณะที่ P/E ล่าสุดอยู่ที่ 4.19 และ P/BV อยู่ที่ 0.62 ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม และค่าเฉลี่ยย้อนหลังของบริษัทฯ แสดงให้เห็นถึงความน่าสนใจในเชิงการลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด
**โอกาส**
* บริษัทฯ มี Backlog สูง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ในอนาคต
* มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
* อัตราส่วนทางการเงินที่ดี สะท้อนความแข็งแกร่งของฐานะการเงิน
* ราคาหุ้นและ Valuation ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ
**ความเสี่ยง**
* ภาวะเศรษฐกิจไทยที่อาจชะลอตัว
* การแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่สูง
* ความเสี่ยงด้านการก่อสร้างและการจัดหาที่ดิน
* การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐที่อาจกระทบต่อธุรกิจ
**เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด**
การลงทุนใน NOBLE เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมี Backlog ที่รองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ การลงทุนใน NOBLE ยังเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาการรับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
**ข้อมูลเพิ่มเติม**
จากข้อมูลอัตราส่วนทางการเงินของ NOBLE ที่สรุปข้างต้น แสดงให้เห็นถึงจุดแข็งหลายประการ เช่น
* อัตราส่วนกำไรขั้นต้น 19.1% สูงกว่าอัตราส่วนกำไรขั้นต้นของปี 2566 สะท้อนประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุน
* อัตราส่วนกำไรสุทธิ 2.7% ต่ำกว่าปี 2566 เนื่องจากมีขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/2567 แต่หากพิจารณา Backlog สูง ยอดขายในงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 น่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในอนาคต
* อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 3.34 เท่า แม้จะเพิ่มขึ้นจากปี 2566 แต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนความสามารถในการชำระหนี้
* อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น 6.3% ต่ำกว่าปี 2566 เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด แต่ด้วย Backlog สูง คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตในอนาคต
**สรุป**
NOBLE เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพและน่าลงทุน มี Backlog สูง อัตราส่วนทางการเงินแข็งแกร่ง ราคาหุ้นและ Valuation ต่ำ เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาการเติบโตและการรับเงินปันผล แต่ควรติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิด
(38.98%)
(3.42%)
(20.06%)
(32.08%)
(42.49%)
(34.33%)
(8.81%)
(5.80%)
(102.63%)
(100.61%)
(174.38%)
(649.22%)