สรุป OPPDAY หุ้น MENA
Oppday
สรุป OPPDAY
MENA Oppday Q3/2568: เจาะลึกผลการดำเนินงานและทิศทางอนาคต
สวัสดีค่ะ ท่านนักลงทุน วันนี้เป็นการรายงานผลประกอบการของ มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ MENA ในรอบ Oppday Q3 ปี 2568 โดยมีผู้บริหารร่วมรายงาน 3 ท่าน ได้แก่ คุณกรอบชัย ชุติเชษฐสกุล (CFO), คุณพัชรีรัตน์ ขจรวุฒิเดช (รองผู้บริหาร) และคุณสุวรรณา ขจรวุฒิเดช (CEO) โดยมีหัวข้อหลักๆ 4 เรื่องด้วยกันคือ Key Highlight, Financial Performance, Business Outlook และช่วงถาม-ตอบ
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
MENA ได้รับความไว้วางใจมานานกว่า 30 ปี ในการให้บริการขนส่งแก่ลูกค้าหลัก ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มซีเมนต์ชั้นนำของประเทศ จุดแข็งของลูกค้าส่วนใหญ่คือความมั่นคงทางการเงิน อุตสาหกรรมหลักที่ MENA ให้บริการคืออุตสาหกรรมก่อสร้าง และมีการขยายไปสู่อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารสัตว์ รวมถึง Cold Chain ต่างๆ นอกจากนี้ MENA ยังได้ร่วมจัดตั้ง JV ชื่อ TTN Logistics เมื่อปี 2566 เพื่อต่อยอดการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัทได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ ESG และได้เริ่มโครงการที่เกี่ยวข้องมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา โดยมีการสร้างฐานที่มั่นคงและระบบรองรับการเติบโต จุดแข็งของ MENA คือการขนส่งในอุตสาหกรรมต่างๆ นอกเหนือจากอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยให้ความสำคัญกับการขยายฟลีทรถและการ Utilize Asset ซึ่งเป็นจำนวนรถที่มีอยู่มาก
ตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 แสดงให้เห็นว่าการลงทุนของภาครัฐติดลบเป็นครั้งแรก อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าการลงทุนของภาครัฐทั้งปีจะมีการเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนยังเป็นสัญญาณบวก
ถึงแม้ว่าการลงทุนในภาคเอกชนในหมวดของการก่อสร้างจะยังคงติดลบอยู่ แต่ก็เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น ส่วนการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยยังคงเป็นสัญญาณที่ดีและยังคงเป็นบวก สอดคล้องกับงานของบริษัท ซึ่งปัจจุบันรับงานโครงการภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง โครงการสายพิเศษประดับ 3 แนวคลองรอบเมือง และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าบางปะอิน
รายได้รวมใน Q3 ปีนี้อยู่ที่ 207 ล้านบาท ลดลงประมาณ 6 ล้านบาท หรือ 3% เมื่อเทียบกับ Q3 ปี 2567 หากไม่นับรวมรายได้จากการขายคอนกรีต รายได้รวมจะลดลง 2 ล้านบาท หรือ 1% สาเหตุหลักอาจเกิดจากอัตราค่าบริการที่ปรับลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยลดลงประมาณ 1 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน แต่ปริมาณการขนส่งคอนกรีตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 0.47 ล้านคิว เป็น 0.48 ล้านคิว
GP ของบริษัทลดลงจาก Q3 ปีที่แล้วประมาณ 9 ล้านบาท หรือ 25% สาเหตุสำคัญคือ กำไรขั้นต้นของ Mixser ลดลง 5 ล้านบาท และ GP ของ Trailer ลดลง 4 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าซ่อม เนื่องจากรถมีอายุมากขึ้น และมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก NGV มาเป็นดีเซลเพิ่มขึ้น
Net Profit หรือกำไรสุทธิ ตามวิธีส่วนได้เสีย ซึ่งรวมส่วนแบ่งกำไรของ TDM ใน Q3 แล้ว ลดลงหรือต่ำกว่า Q4 ของปีที่แล้วประมาณ 5 ล้านบาท จาก 20 ล้านบาท เหลือ 15 ล้านบาท โดยกำไรสุทธิลดลงตาม GP ที่ลดลงด้วย
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
บริษัทคาดการณ์ว่าการให้บริการด้วยรถ Mixser Red Trailer จะเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3% เนื่องจากราคาน้ำมันมีแนวโน้มลดลง และในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้ของ Trailer และ Mixser ของบริษัทยังมีการเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 3-4%
MENA ได้เข้าร่วมโครงการ "Jam Plus" ซึ่งเป็นโครงการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สนับสนุนให้บริษัทในตลาดดำเนินงานในเรื่องของแผน Business, Governance และ Climate Change โดยบริษัทได้ยื่นโครงการให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว และคาดว่าจะส่งข้อมูลต่างๆ ให้ตลาดได้ภายในเดือนมีนาคม 2569
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
อัตราส่วนผลตอบแทนสินทรัพย์ (ROA) และอัตราส่วนผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สำหรับ Q3 ปี 2568 ของบริษัทมีการลดลงเมื่อเทียบกับ Q3 ปีที่แล้ว สาเหตุหลักคือบริษัทมีกำไรสุทธิลดลง
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
บริษัทมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่เคยได้รายงานไปเมื่อครั้งที่แล้วว่าเปลี่ยนจากเทรลเลอร์ NGV มาเป็นดีเซลเพิ่มขึ้นอีก
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
ผลประกอบการ Q3 ปี 2568 รายได้ 207 ล้านบาท ลดลงจาก Q3 ปีที่แล้ว 6 ล้านบาท หรือ 3% สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยลดลง ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาท หรือ 2% จากค่าซ่อมแซมและเปลี่ยน NGV เป็นดีเซล ค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาท จากค่าตอบแทนพนักงานและการจัดสัมมนา ส่วนแบ่งกำไร TDM ลดลง 0.3 ล้านบาท หรือ 4% เพราะค่าใช้จ่ายรองรับขยายฟลีทและค่าเช่าลานจอดรถเพิ่มขึ้น
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session):
[ไม่มีข้อมูล Q&A Session ในไฟล์เสียง]
สรุป
MENA เผชิญกับความท้าทายจากราคาน้ำมันที่ลดลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุน การพัฒนาบุคลากร และการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว