สรุปงบล่าสุด MEGA
บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
9 เดือนแรกรายได้คงที่เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ใน Q3/67 รายได้เพิ่มขึ้น 5.2%YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 49.6% จาก 45.0% ในปีก่อน แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้นเป็น 28.3% ของรายได้รวม หากปรับตัวเลขทั้งหมดให้เป็นปกติ ไม่รวมอัตราแลกเปลี่ยน กำไรเพิ่มขึ้น 3.5%YoY
กำไรสุทธิลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามแผน แม้กำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้น บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่งที่ 1,600 ล้านบาท คิดเป็น 117% ของกำไรสุทธิ สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนลดลง 4.0% จากการได้รับคืนเงินลงทุน
บริษัทมีแผนลงทุน 390 ล้านบาทในปี 2567-2568 เพื่อสร้างโรงงานใหม่ในอินโดนีเซียและลงทุนด้านความยั่งยืนในประเทศไทย คาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลงภายในสิ้นปี บริษัทมุ่งเน้นขยายธุรกิจและพัฒนาศักยภาพท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จํากัด (มหาชน) : ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567
บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จํากัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") เป็นผู้นำด้านสุขภาพในประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศ ธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก คือ 1) ธุรกิจผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้า Mega We Care™ และ 2) ธุรกิจการจัดจำหน่ายภายใต้เครื่องหมายการค้า Maxxcare™
ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 11,523.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรขั้นต้นในช่วงนี้ปรับตัวดีขึ้น โดยอยู่ที่ 49.6% เทียบกับ 45.0% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากส่วนผสมของกำไรขั้นต้นตามส่วนงาน อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิหลังปรับปรุงในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 ลดลง 6.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารตามแผนการใช้จ่ายที่ได้วางเอาไว้ โดยรวมแล้ว บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยคิดเป็น 117% ของกำไรสุทธิตามรายงาน
บริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีตัวตน 160 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้จ่ายสำหรับโรงงานผลิตในประเทศไทย อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย บริษัทฯ เชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินงานรวมในปี 2568 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ๆ ในทวีปแอฟริกา
**สถานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2567**
* บริษัทฯ มีเงินสดและเงินฝากธนาคารรวม 2,915.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 203.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* ลูกหนี้การค้าอยู่ที่ 2,970.0 ล้านบาท ลดลง 343.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* สินค้าคงคลังอยู่ที่ 3,117.8 ล้านบาท ลดลง 259.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนลดลง 164.0 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* หนี้สินหมุนเวียนลดลง 550.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 64.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
* อัตราส่วนเงินทุนหมุนเวียนยังคงระดับอยู่ที่ 2.5 เท่า
* วงจรเงินสด ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 อยู่ที่ 132 วัน ยังคงระดับเมื่อเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2566
**วิเคราะห์โอกาสการลงทุน**
MEGA มีศักยภาพเป็นโอกาสการลงทุน โดยมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ปัจจุบัน MEGA มี D/E อยู่ที่ระดับ 0.52 ซึ่งต่ำกว่า 1 แสดงถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.63% ถือว่าอยู่ในระดับดี และบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ยังคงมีการลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ สะท้อนจากเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุนติดลบ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 38.11 บาท P/E และ P/BV ของบริษัทฯ อยู่ในระดับต่ำ โดยล่าสุดอยู่ที่ 16.35 เท่า และ 3.34 เท่า ตามลำดับ สะท้อนว่าราคาหุ้นของบริษัทฯ อยู่ในระดับที่น่าสนใจ การที่ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 4.27% ถือว่าน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับเงินปันผล อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้น MEGA มีความเสี่ยงบางประการ เช่น
* การแข่งขันในตลาด
* การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบด้านสุขภาพ
* ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
* ความเสี่ยงทางการเมืองในประเทศที่กำลังพัฒนา
โดยรวมแล้ว MEGA เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว รับเงินปันผล และรอการเติบโตของธุรกิจ เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงในระดับปานกลาง
(1.32%)
(5.29%)
(11.89%)
(22.82%)
(10.44%)
(16.65%)
(3.54%)
(7.71%)
(25.39%)
(28.56%)
(100.40%)
(100.61%)