สรุป OPPDAY หุ้น MASTER
Oppday
สรุป OPPDAY
สรุป Oppday MASTER ปี 2568 Q3: วิเคราะห์ผลกระทบและโอกาสทางธุรกิจในยุคการแข่งขันสูง
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
MASTER ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมในส่วนของตัว Master หลักๆ ไม่ว่าจะเป็น Store หน้า ร้าน, แพทย์, จำนวนพนักงานต่างๆ รวมถึง influencer ที่มี Impact โดยภาพรวมยังคงที่
ในส่วนของ Operation hour มีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ตลาดความงามมีการเติบโตแต่จะชะลอตัวในปี 2569 ที่มีการคาดการณ์ไว้ประมาณ 1.0% กระทบต่อ MASTER คือ แม้ว่าจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในส่วนของประเทศไทย แต่ Average per bill ลดลง ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ แต่แตกต่างกันในรายละเอียด
ปกติแล้วไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นช่วงที่ทำรายได้ แต่ไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ สถานการณ์ยังทรงๆ ตัว ปัจจุบันคู่แข่งมีการเปิดโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น ทำให้มีผลกระทบบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะในส่วนของ Market Share หลายแห่งมีการทำโปรโมชั่นเรื่องราคา ทำให้บางตัวของ MASTER แม้รายได้จะเพิ่มขึ้น แต่พอมีเรื่องราคา ทำให้ Average per bill ลดลง และต้นทุนคงที่ ทำให้ Margin บางลง
รายได้จากลูกค้าศัลยกรรมในส่วนของต่างชาติยังคงที่ แม้ว่าในส่วนของคนชาติจะมีการลดลงในระยะสั้น
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
โอกาสทางธุรกิจปัจจุบันคือเรื่องของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับ Partner ที่ MASTER มีการพูดคุยไว้
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
ความเสี่ยงคือ บุคลากรทางการแพทย์ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การลงทุนตามเทคโนโลยีใหม่ๆ
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
Gross profit margin อยู่ที่ประมาณ 52%, Operating Hour อยู่ที่ 32% เป็น Q on Q ในส่วนของรายได้ศัลยกรรมลดลง แต่จำนวนเคสยังอยู่ในระดับที่สูง HM (จำนวนลูกค้า) เพิ่มขึ้น แต่เรทลดลง
ลูกค้าต่างชาติทรงตัว, Average per bill ของต่างชาติสูง ทำให้คุณภาพของรายได้เป็นไปตาม Position ที่วางไว้
ผลกระทบจากกัมพูชา โดยปกติไตรมาสเราได้รายได้อยู่ที่ 12-15 ล้านบาท ตรงนี้ต้อง Bid มาจากกัมพูชา แล้วก็ยาวไปจนถึงสิ้นปี
นโยบายบัญชี หากลูกค้า Bid จะรับรู้รายได้เมื่อครบเวลา 5 ปี Policy นี้มีตั้งแต่ตอนเข้า IPO
การใช้ทรัพยากรศัลยกรรมยังถือว่ามี Potential
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
Strategy ต่างๆ เพื่อเสริมจุดแข็ง ลดความเสี่ยง และก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน
เรื่องของตัวต่างชาติ ยังมองเรื่อง Brand Royalty ที่สูงขึ้น แม้ว่าช่วงที่ผ่านมา กัมพูชาจะมีการสงคราม และอินโดนีเซียมีการประท้วง แต่ท้ายสุดจะเห็นการเติบโตของต่างชาติในไทยในไตรมาสที่ 4
เพิ่ม Productivity คุณหมอต่างๆ มีการ Operate เร็วขึ้น ทำให้ระยะเวลาในการใช้ต่อเคสลดลง รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่นำมาใช้
เติบโตเพื่อให้เข้ากับ Long-gevity ตอนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในโรงพยาบาลแล้วมี Cosmetic ร่วมด้วย
V Square ก็เพิ่งเปิด Operate
Masterpiece ที่เป็นที่ตั้งปัจจุบัน มี TYM จากจีน
Masterpiece จะมีทั้ง ดร. เชน ที่อยู่ในโรงพยาบาล
ที่กำลังก่อตั้ง จะมี Grand U-City ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 10 กว่าปีในการก่อสร้างเป็นโรงพยาบาล Grand U-City Commitment
มี Shanti Senior Living ซึ่งมีการนำเข้า Approve เป็นการเพิ่มห้องสำหรับดูแลผู้สูงอายุประมาณ 40 ห้อง
Financial Performance รายได้ลดลง 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 65 แต่ในขณะที่รายได้ 9 เดือนอยู่ที่ 1,416 ล้านบาท ประมาณ 5%
กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ลดลง 41% ในขณะที่กำไร 9 เดือน ลดลงประมาณ 50% เช่นเดียวกัน
Highlight สำคัญคือ ตัวที่กระทบเยอะสุดในส่วนของรายได้คือรายได้ต่างชาติ
สัดส่วนรายได้ภาพรวมยังคงเดิม มีในตัวของหน้าอกที่เพิ่มขึ้นมา
กำไรขั้นต้นจากไตรมาส 4 นอกจากการควบคุมต้นทุน ยังเพิ่ม Efficiency ในการใช้ห้องผ่าตัด และต้องยอมรับว่าต้องกำหนดราคาให้เหมาะสมกับต้นทุน โดยจะไม่เล่นสงครามราคาโดยตรง แต่จะตั้งราคาระดับที่สามารถแข่งขันได้ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษากำไรขั้นต้นได้อยู่ในกรอบที่ 35%
S,G&A ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน , ค่าใช้จ่ายทางการตลาด ลดลง
ค่าที่พี่นักลงทุนเห็นตัวเลขการใช้ จริงๆ มีสัดส่วนลดลง แต่พอมาดูถึง Sales อาจจะยังดูในระดับสูง ต้องบอกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการชะลอตัวของรายได้ มีผลทำให้โครงสร้างต้นทุนมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ MASTER ยังคงควบคุมการใช้จ่ายในภาพรวม และรักษาสัดส่วน S,G&A ให้สอดคล้องกับความผันผวนของรายได้ ในปีนี้มั่นใจว่าสามารถทำเข้าเฉลี่ยได้ในระดับ 41%
ตัวเลขต่างชาติในไตรมาสนี้อยู่ที่ 119 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อันนี้เป็นปกติที่ไตรมาส 3 นะครับ แล้วก็จะค่อยๆ Ramp Up ในช่วงไตรมาส 4 แต่ถ้าเทียบ Year on Year ยังโตอยู่ประมาณ 2% ทำให้สัดส่วน Net Profit ต่อรายได้ของไตรมาสนี้อยู่ที่ 26.87%
มี 2 เรื่องที่เป็นปัจจัยที่เจอในไตรมาส 3 คือ อินโดนีเซียมีเรื่องของภาวะเหงา ความไม่สงบในประเทศ ทำให้ลูกค้าอินโด มีปัญหาในการเดินทางมา
Impact เยอะที่สุดคือ กัมพูชา จากสถานการณ์นี้
สัดส่วนรายได้กัมพูชา ในภาพรวมจะอยู่ประมาณ 32% แต่ในไตรมาส 3 ลดลงมาเหลือ
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 44:53]
- เทรนด์ค่าใช้จ่าย S,G&A และแผนการใช้ งบการตลาด
- S,G&A คาดว่าจะอยู่ที่ 41% และไม่สูงกว่านี้แล้ว
- ใช้ AI ในการตรวจสอบ Search ของ Google ทุกๆ วัน
- ลูกค้าจาก Master บอกต่อกันปากต่อปาก ทำให้เกิดการบอกต่อกันอย่างต่อเนื่อง
- Outlook Q4 ทั้งรายได้คนไทย ต่างชาติ มุมมองค่าใช้จ่าย
- ค่าใช้จ่ายพอๆกับ Q3 แต่ปีหน้าจะมีการปรับแผน
- ควบคุมค่าใช้จ่ายทางการตลาด
- Cozy Up Monitor ทุกๆ 3 วัน
- มีกลยุทธ์จาก Inside Out เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ
- จีนที่เป็น Mainland ที่อยู่ในไทย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
- แผนปรับลด/เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น ในบริษัท Partner
- ลงทุนเข้าสู่ปีที่ 2
- ประชุมทุกเดือน Cozy Up ตัดสิน ทุกๆ 6 เดือน
- เมื่อครบ 3 ปี จะมีการ Monitor และแจ้งผลอีกที
- Outlook Q4 จากจำนวนลูกค้าวางมัดจำ
- มัดจำปกติ วางล่วงหน้า 1-3 เดือน
- อาจจะเกิดรายได้ใน Q1 ปีถัดไป
- เทียบ Year on Year อยู่ที่ 60%
- ผลกระทบจากการลดลงของกัมพูชา
- ให้ตีกัมพูชาเป็น 0
- กระทบ 2-5% ของสัดส่วนรายได้ต่างชาติ
- Update บริษัทร่วมกลุ่มโรงพยาบาลศัลยกรรม
- Doctor Shane U Rate ปัจจุบันใช้ 2 OR อยู่ที่ 40% (8-10 ชม.)
- การผ่าตัดหลักคือ จมูก, EBL
- KRM Q2 อยู่ที่ 20%, Q3 อยู่ที่ 30%
- การผ่าตัดหลักคือ หน้าอก, ไลโป, Men Health
- ใช้เวลา 8 ชม.
- Win เพิ่งเปิด Q3 U Rate อยู่ที่ 5-10% ใช้ 6 ชม.
- ส่วนใหญ่เป็นการทำ Skin
- Surgery ที่เปิดเพิ่มคือ หน้าอก, ปลูกผม, ตา 2 ชั้น
- สัญญาแพทย์ที่เคยเป็นจุดแข็ง
- ไม่ได้มีไว้ให้ใครทำผิดจากตรงนี้
- อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี
- ไม่สามารถให้ Public ได้
- การย้ายไปอยู่คู่แข่ง สามารถดำเนินคดีตามสัญญาได้
- ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ อย่างที่เป็นข่าว
- อัตราการเติบโตของ Men Health ยังดี
- คุณหมอมาเป็นแพทย์บริหาร ไม่ได้บริหารหัตถการเป็นหลัก
- รายได้คุณหมอเป็น 0 มาครึ่งปีแล้ว
- Q3 และ Q4 ที่ดีกว่า Q1 และ Q2 แต่ปีนี้ไม่เป็นตามนั้น
- Concept คือ Regional Component
- Live ในส่วนของตลาดต่างประเทศ
- ปัยจัยที่ไม่สามารถ Control ได้
- Black Swan
- ภยันตรายต่างๆ
- จะเลื่อนไป ธันวาคม-มกราคม
- V Square จะทำกำไรเท่าไหร่
- เริ่มเข้าไปจับมือ
- เจอ Price War
- ปรับตัวกระบวนการ
- ตัดสินใจลงทุน/หยุดลงทุนในบางสาขา
- Long Term ที่ทำได้คือ 5%
- โครงสร้างการลงทุน BiOactive
- ลงทุนผ่าน Twinkle Star
- Joint Venture กับ Metaverse
- biOactive เครตินกินได้ ได้ทั้งผม, เล็บ, ผิว
- แนวโน้ม Q4 และ QonQ
- Y on Y ลดลง
- Q on Q ทรงๆ กับ Q3
- ช่วงปลายพฤศจิกายน - ธันวาคม ลูกค้าลง 60%
- ในส่วนต่างชาติ ไม่ Postpone จะโตกว่า Q3 เล็กน้อย
- ปัจจัยบวก/ลบ ปี 2568
- ปรับ Strategy + Positioning ใหม่
- ประเมินภาพรวมปี 2569
- สร้างกำไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน
- เติบโต 10% (Best Case)
- มองภาพรวมอุตสาหกรรม
- ความต้องการซื้อยังมี แต่ลดลง
- Economic Sensitives
- Trend ในอนาคต ยังอยู่ใน Mega Trend
- Fix Cost จะลดลง
- Q4 ปี 2568
- หน้าอก (Price Sensitivity)
- พวกฉีดๆ (Botox Filler)
- ยกเลิกลุมยุก -> เลื่อนมากกว่า
- ลูกค้าอินโด จองมากขึ้น+ทำในธันวาคม
- Q4 รับรู้ส่วนแบ่งกำไร เติบโตจาก Q3
- นโยบายปันผล
- จ่ายไม่ต่ำกว่า 50%
สรุป: MASTER เผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจและคู่แข่ง แต่ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ และมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศ รวมถึงการลงทุนในนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค