สรุปงบล่าสุด MASTER
บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 3 ปี 2567
สรุปสั้น
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
สรุปด้วย AI(O) BOT
## บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) : วิเคราะห์ผลประกอบการและฐานะทางการเงิน
บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ได้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีรายได้รวมจากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 522 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.93 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการเติบโตของรายได้จากการศัลยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการศัลยกรรมยกคิว สุขภาพชาย และศัลกรรมหน้า ซึ่งได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
แผนธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคต เน้นการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม และ กัมพูชา เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2568 เติบโตอย่างน้อย ร้อยละ 15 จากปี 2567
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ MASTER สะท้อนให้เห็นจากอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ปี 2567 บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 20.95 สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง ร้อยละ 20.82 สาเหตุหลักมาจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้ง ต้นทุนยา เวชภัณฑ์ และวัสดุสิ้นเปลือง ค่าตอบแทนพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงค่าธรรมเนียมแพทย์ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายทางการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในการโฆษณาผ่านทางสื่อออนไลน์
## วิเคราะห์ฐานะทางการเงิน
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 4.023 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 386 ล้านบาท หรือคิดเป็นการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ชันวาคม 2566 โดยสาเหตุหลักเกิดจาก
* เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 336 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจาก การดำเนินงาน 250 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ได้ใช้เงินสดไปในการก่อสร้าง 360 ล้านบาท และจ่ายเงินซื้อเงิน ลงทุนในการร่วมค้า 1,396 ล้านบาท โดยได้ขายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น 1,126 ล้านบาท โดยให้กิจการร่วมค้า กู้ยืมเงิน 70 ล้านบาทและมีการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน 200 ล้านบาท
* เงินลงทุนในการร่วมค้าเพิ่มขึ้น 1.424 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 394 จากการซื้อเงินลงทุนในบริษัท
* อาคารและอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 152 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากการก่อสร้างอาคารและอุปกรณ์ ระหว่างงวด จํานวน 158 ล้านบาทและโอนจากเงินจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้างจํานวน 79 ล้านบาทและมีค่าเสื่อม ระหว่างงวดจํานวน 82 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีหนี้สินรวมเท่ากับ 733 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 87 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อย ละ 13.47 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยสาเหตุหลักเกิดจาก
* เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 194 ล้านบาทเนื่องจากบริษัทได้กู้เงินจากสถาบันการเงินจ้านวน 200 ล้านบาท และมีการชําระเงินกู้ระหว่างงวด 6 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเท่ากับ 3,290 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มชื้น 299 ล้านบาท หรือคิดเป็น การเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 โดยเพิ่มจากกําไรสําหรับสําหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2567 เพิ่มขึ้น 303 ล้านบาท
## วิเคราะห์กระแสเงินสด
สํกหรับงวดเก้าเดือนสินสุดวันที่ 30 กันยายน 2567 บริษัทฯ มีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดําเนินงาน 250.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 4.03 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการรายได้และต้นทุน
เงินสดสุทธิได้มา (ใช้ไป) ในกิจกรรมลงทุน เพิ่มขื้นเนื่องจากระหว่างงวดเก้าเดือนสินสุดวันที 30 กันยายน 2567 บริษัทได้ขายตราสารหนีระยะสันเพื่อมาชือเงินลงทุนในบริษัทร่วม และได้จ่ายค่าก่อสร้างเพิ่มขื้นทําให้มีเงินจากการลงทุนเพิ่มขืน ในขณะที่ปีก่อนบริษัทได้นําเงินมาลงทุนระยะสันในตราสารหนี
เงินสดสุทธิจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมจัดหาเงินลดลง 1,963.6 ล้านบาทเนื่องจากในปี 2566 บริษัทได้ออกหุ้น ทำให้ได้รับ เงินจากการออกหุ้นใหม่ 2,300 ล้านบาท
## โอกาสการลงทุน
ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และแผนธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโต ทำให้ MASTER เป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจาก P/E ล่าสุด ที่ 29.37 ซึ่งต่ำกว่า P/E เฉลี่ย ย้อนหลัง 5 ไตรมาส ที่ 46.18 สะท้อนให้เห็นว่า ราคาหุ้น MASTER อาจถูก เมื่อเทียบกับผลประกอบการ นอกจากนี้ อัตราส่วน P/BV ล่าสุด ที่ 4.22 ต่ำกว่า P/BV เฉลี่ย ย้อนหลัง 5 ไตรมาส ที่ 5.41 บ่งชี้ว่า ราคาหุ้น MASTER อาจถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าทางบัญชี
อย่างไรก็ตาม YIELD ล่าสุด ที่ 0.05 ต่ำกว่า 4% ทำให้ MASTER ไม่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนเพื่อรับเงินปันผล
## โอกาส และ ความเสี่ยง
**โอกาส**
* การเติบโตของตลาดความงามในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
* การขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ
* การเปิดตัวบริการใหม่ ๆ
* การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
**ความเสี่ยง**
* การแข่งขันในตลาดความงามที่รุนแรง
* การเปลี่ยนแปลงของเทรนด์ความงาม
* ความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ
## เหมาะสำหรับนักลงทุนประเภทใด
MASTER เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโต และมีความมั่นคงในเชิงพื้นฐาน เนื่องจาก บริษัทฯ มี D/E ต่ำกว่า 1 สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และ มีโอกาสในการขยายกิจการ โดยการกู้เงิน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามผลประกอบการ และ แผนธุรกิจของ MASTER อย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินความเสี่ยง และ โอกาส การลงทุน
(1.76%)
(7.32%)
(2.44%)
(6.76%)
(0.66%)
(0.53%)
(11.99%)
(8.15%)
(24.90%)
(9.59%)
(82.83%)
(3.39%)