สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2567 เท่ากับ 1,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าพอร์ตสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 106,183 ล้านบาท ก็ตาม ซึ่งเป็นผลมาจากพอร์ตลูกหนี้บัตรเครดิตชะลอตัวลง แต่ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรกลับเติบโตต่อเนื่องที่ 10.0% ส่วนพอร์ตสินเชื่อบุคคลยังคงขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป KTC ยังคงให้ความสำคัญกับการรักษาคุณภาพพอร์ต โดยมี NPL อยู่ที่ 1.93% และ Coverage Ratio อยู่ที่ 373.31% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง รายได้รวมของ KTC ในไตรมาส 3 ปี 2567 เติบโต 6.6% โดยหลักมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ รวมถึงหนี้สูญได้รับคืนที่สูงขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายรวมก็เพิ่มขึ้น 8.5% จากค่าธรรมเนียมและบริการจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ขยายตัว ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้น 9.1% จากการตัดหนี้สูญที่เร็วขึ้นตามนโยบายการตัดหนี้สูญใหม่และการตั้งสำรองตามหลักความระมัดระวัง

KTC มีแผนที่จะมุ่งเน้นรักษาคุณภาพพอร์ตต่อไป ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการมี NPL ภายในกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในอนาคต KTC จะยังคงปรับกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นต่อสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการรักษาคุณภาพพอร์ต สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของลูกค้า KTC ยังคงให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ โดยได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

KTC ถือเป็นโอกาสลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มองหาผลตอบแทนในระยะยาวและต้องการรับเงินปันผล บริษัทมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง มี NPL ต่ำ และ Coverage Ratio สูง แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดี นอกจากนี้ KTC ยังมี P/E และ P/BV ที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทในกลุ่มเดียวกัน รวมถึง YIELD ที่ 2.62% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าลงทุนเพื่อรับเงินปันผล หุ้น KTC มีราคา 52 สัปดาห์ สูงสุด/ต่ำสุด อยู่ที่ 73.27 / 31.36 บาท และราคาล่าสุดอยู่ที่ 41.77 บาท ถือเป็นราคาที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเข้าซื้อในระดับราคาปัจจุบัน

นอกจากนี้ KTC มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินทั้งสิ้น 28,371 ล้านบาท ซึ่งรวมวงเงินจากธนาคารกรุงไทยจำนวน 18,061 ล้านบาท บริษัทได้ใช้วงเงินระยะสั้นไปแล้ว 5,170 ล้านบาท ทำให้มีวงเงินกู้ยืมระยะสั้นคงเหลือทั้งสิ้น 23,201 ล้านบาท และมีวงเงินระยะยาวจากธนาคารกรุงไทยคงเหลืออีกจำนวน 5,000 ล้านบาท KTC มีหุ้นกู้และเงินกู้ยืมระยะยาวที่จะครบกำหนดในไตรมาส 4 ปี 2567 ทั้งสิ้นจำนวน 5,245 ล้านบาท

ต้นทุนทางการเงินของ KTC ในช่วง 9 เดือนของปี 2567 อยู่ที่ 2.9% เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ผลตอบแทนเงินให้สินเชื่อในงวด 9 เดือนของปี 2567 ลดลงมาอยู่ที่ 14.7% จาก 15.0% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิสําหรับงวด 9 เดือนของปี 2567 เท่ากับ 13.1% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

KTC มีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ สร้างความไว้วางใจให้เกิดแก่ผู้มีส่วนได้เสีย เพิ่มโอกาสการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแก่สังคมไทย บรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และร่วมสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ KTC ได้จัดกิจกรรมพบปะผู้ลงทุน (Opportunity Day) ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10:15 - 11:00 น. เพื่อนำเสนอข้อมูลธุรกิจและผลดำเนินงานของบริษัท