สรุปงบล่าสุด IVF

สรุปด้วย AI(O) BOT

**สรุปผลประกอบการของ บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) (IVF) ไตรมาส 3 ปี 2568**

บริษัท อินสไปร์ ไอวีเอฟ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้:

**รายได้และกำไร:**

* **รายได้รวม:** บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ 18.55 ล้านบาท ลดลง 30.42% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2567 ที่มีรายได้ 26.66 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 28.55% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2568 ที่มีรายได้ 14.43 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 มีรายได้ 49.81 ล้านบาท ลดลง 40.19% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2567 ที่มีรายได้ 83.28 ล้านบาท (อ้างอิง: งบกำไรขาดทุน)
* **กำไรขั้นต้น:** กำไรขั้นต้นสำหรับไตรมาส 3 ปี 2568 อยู่ที่ 7.04 ล้านบาท ลดลง 51.95% เมื่อเทียบกับ 14.65 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2567 สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.39 ล้านบาท ลดลง 66.85% จาก 49.44 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2567 (อ้างอิง: งบกำไรขาดทุน)
* **กำไรสุทธิ:** บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ 3.64 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2568 ลดลง 180.00% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 4.55 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2567 สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2568 ขาดทุนสุทธิ 13.75 ล้านบาท ลดลง 182.24% จากกำไรสุทธิ 16.72 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปี 2567 (อ้างอิง: งบกำไรขาดทุน)

**ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ:**

* **รายได้:** การลดลงของรายได้มาจากการใช้บริการ Anti-Aging ที่ลดลง เช่น NAD+ และ DFPP เนื่องจาก DFPP เป็นหัตถการที่มีมูลค่าสูง และสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ลูกค้าใช้บริการดังกล่าวลดลง (อ้างอิง: รายได้จากการขายและให้บริการ)
* **ต้นทุน:** ต้นทุนขายลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 3 แต่เพิ่มขึ้นในรอบ 9 เดือน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าตอบแทนบุคลากรและการปรับเพิ่มค่าเสื่อมราคาจากการปรับประมาณการอายุการใช้งานเครื่องมือทางการแพทย์และการซื้อเครื่องมือแพทย์เพิ่ม (อ้างอิง: ต้นทุนจากการขายและให้บริการ)
* **ค่าใช้จ่าย:** ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ ค่าธรรมเนียมวิชาชีพในการว่าจ้างที่ปรึกษา และการปรับเพิ่มค่าตอบแทนบุคลากร (อ้างอิง: ค่าใช้จ่ายในการบริหาร)

**สถานะทางการเงิน:**

* **สินทรัพย์:** สินทรัพย์รวมลดลงเล็กน้อยจาก 635.69 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 เป็น 605.97 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องจากการลดลงของเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และการลดลงของส่วนปรับปรุงอาคารเช่าและอุปกรณ์ (อ้างอิง: งบแสดงฐานะการเงิน)
* **หนี้สิน:** หนี้สินรวมลดลงจาก 78.11 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 เป็น 72.69 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องจากการจ่ายชำระค่าสินค้าและบริการและการชำระหนี้สินตามสัญญาเช่า (อ้างอิง: งบแสดงฐานะการเงิน)
* **ส่วนของผู้ถือหุ้น:** ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงจาก 557.58 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2567 เป็น 533.28 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2568 เนื่องมาจากผลขาดทุนสุทธิสำหรับรอบ 9 เดือนปี 2568 และการจ่ายเงินปันผล (อ้างอิง: งบแสดงฐานะการเงิน)
* **อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน:** อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนคงที่ที่ 0.14 เท่า (อ้างอิง: อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ)
* **อัตราส่วนสภาพคล่อง:** เพิ่มขึ้นจาก 30.80 เท่าเป็น 33.96 เท่า (อ้างอิง: อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ)
* **อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA):** ลดลงจาก 5.45% เป็น -1.92% (อ้างอิง: อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ)
* **อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE):** ลดลงจาก 6.03% เป็น -2.34% (อ้างอิง: อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ)

**สรุป:**

ผลประกอบการของ IVF ในไตรมาส 3 ปี 2568 ไม่เป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้และกำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สาเหตุหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการให้บริการ Anti-Aging และการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการบริหาร อย่างไรก็ตาม ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่ต่ำและอัตราส่วนสภาพคล่องที่สูง

**ข้อสังเกตเพิ่มเติม:**

* การที่บริษัทมีวงจรเงินสดติดลบ แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเก็บเงินจากลูกค้าได้เร็วกว่าการจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
* การลดลงของอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการทำกำไรของบริษัทในปัจจุบัน

**คำแนะนำ:**

ผู้ลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น IVF