สรุป OPPDAY หุ้น III
Oppday
สรุป OPPDAY
เปิดกลยุทธ์ III บินสูง! สรุป Oppday Q3/2566 โอกาสและความท้าทายสู่ปี 2567
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview): *ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 1,788 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
*กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 349.8 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15.9% ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของรายได้
*ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบเชิงบวกคือการเติบโตของธุรกิจ Organic โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 จากกลุ่มธุรกิจขนส่งทางอากาศ, Chemical Logistics และ Logistic Management
*กำไรสุทธิในส่วน Organic ของ 3 กลุ่มธุรกิจอยู่ที่ 119 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2.4% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรสุทธิ Organic เติบโตขึ้น 16%
*ส่วนแบ่งกำไรจากกิจการที่ขยาย (Inorganic) อยู่ที่ 253 ล้านบาท ลดลง 15% เนื่องจากการลดลงของผลประกอบการในส่วนของ ANI และ อ๊อดก้า เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
*กำไรสุทธิรวม 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 283.4 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (317.7 ล้านบาท) แต่หากไม่นับรวมรายการพิเศษ ลดลงเพียง 5% ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของไตรมาสที่ 3 ในส่วน Organic
*รายได้ในส่วน Organic ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 614 ล้านบาท ลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (Year-on-Year) แต่กำไรขั้นต้นในส่วนนี้อยู่ที่ 131 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 12% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2
*กำไรสุทธิเฉพาะส่วน Organic ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 52 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างมากถึง 48% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 38% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดย Logistic Management กลับมามีผลกำไรเป็นบวก
*ส่วนแบ่งกำไรในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 5.8% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดย ANI มีตัวเลขที่ดีขึ้น แต่อ๊อดก้าลดลง
*กำไรสุทธิรวมในไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 101 ล้านบาท กลับมาเป็น 3 ดิจิต เติบโตขึ้นเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ 37% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่ 73 ล้านบาท
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities): *Multi-Modal Warehouse: ธุรกิจใหม่ที่เริ่มเมื่อปลายปีที่แล้ว เป็นคลังสินค้าในท่าอากาศยานสำหรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (ทางบก, ทางเรือ, ทางอากาศ) ซึ่งเป็นฐานในการเติบโตต่อไป
*Airport Truck Linking: ธุรกิจใหม่ในการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าเมื่อเครื่องบินลงที่กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สามารถต่อแบบควบคุมในระบบศุลกากร (Border Truck) ไปยังดอนเมืองและภูเก็ต เพื่อเชื่อมต่อเที่ยวบิน และเชื่อมโยง Cross-Border Truck จากประเทศเพื่อนบ้าน (พม่า, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, จีนตอนใต้, ลาว)
*Air Freight Ecosystem: การใช้ประโยชน์จาก Air Freight Ecosystem ที่บริษัทสร้างมา ทั้งกับบริษัทเองและพันธมิตร รวมถึง Charter Flight
*Isotank: การขยายธุรกิจ Isotank โดยเป็นตัวแทนของบริษัท Isotank ของญี่ปุ่น ซึ่งจะเริ่มในไตรมาส 4 ปี 2566 และรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า
*Dangerous Goods Training: ธุรกิจใหม่ในการเพิ่มแนว Vertical ของบริษัท โดยเป็นสถาบันฝึกอบรม Dangerous Goods ซึ่งจะช่วยให้บริษัทและลูกค้ามีบุคลากรที่ Certified ในการจัดการสินค้าอันตราย
*การขยายธุรกิจ ANI ไปยังญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวีย (นอร์เวย์) เพื่อขยายตลาดและเพิ่มโอกาสในการเติบโต
*การได้รับอนุมัติให้ อ๊อดก้า เป็นผู้ประกอบการรายที่ 3 ในสุวรรณภูมิ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทสามารถให้บริการภาคพื้นดินและคลังสินค้าได้มากขึ้น
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges): *การลดลงของค่าระวาง: อัตราค่าระวางทั้งทางอากาศและทางเรือลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ต่อหน่วยการขนส่ง
*การแข่งขันที่สูง: การแข่งขันในตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์มีความรุนแรง ซึ่งกดดันราคาและกำไร
*ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก: สภาพเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและผลกระทบจากนโยบาย Trump Tariff ส่งผลกระทบต่อการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
*ผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง: จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ อ๊อดก้า
*ความเสี่ยงในการประมูล: อ๊อดก้า มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการเข้าประมูลเป็นผู้ประกอบการรายที่ 3 ในสุวรรณภูมิ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาสที่ 3
*Capacity ในการขนส่งสินค้าที่ลดลง: การที่สายการบินใช้เครื่องบินลำตัวแคบมากขึ้น ทำให้ Capacity ในการขนส่งสินค้าลดลง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation): *การพัฒนาธุรกิจใหม่: การขยายธุรกิจไปยัง Multi-Modal Warehouse, Airport Truck Linking, Isotank และ Dangerous Goods Training เพื่อเพิ่มแหล่งรายได้และลดการพึ่งพิงธุรกิจเดิม
*การขยายตลาด: การขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ เช่น ญี่ปุ่นและสแกนดิเนเวีย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต
*การสร้างความร่วมมือ: การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น SCG JWD และ DGP Singapore เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจ
*การบริหารจัดการต้นทุน: การควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
*การพัฒนาเทคโนโลยี: การใช้เทคโนโลยีและระบบ EDI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและให้บริการลูกค้า
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends): *บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 จะฟื้นตัวดีขึ้น และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567
*บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตในระดับ 15% ในปี 2567 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจากธุรกิจ Air Freight, Chemical Logistics และ M&A
*บริษัทมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากการเป็น Aviation Hub ของประเทศไทย และจะใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ของประเทศ
*บริษัทจะขยายธุรกิจ Cargo Airline เพื่อตอบสนองความต้องการในการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม
*บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใหม่และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [00:32:15] * Q: คาดว่าปี 2567 จะเติบโตเท่าไหร่ และเติบโตจากอะไรเป็นหลัก? * A: ปี 2566 คาดว่าจะเติบโต 5% แม้จะต่ำกว่าเป้าเนื่องจากแรงกดดันจากค่าระวางที่ลดลง สำหรับปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 15% จากธุรกิจ Air Freight, Chemical Logistics และดีล M&A ที่กำลังคัดสรรอยู่ * Q: อ๊อดก้า จะเริ่มรับรู้รายได้ในเรื่องของการเป็นผู้ประกอบการรายที่ 3 ในช่วงไหน และแนวโน้มปีหน้าของ อ๊อดก้า เป็นอย่างไร? * A: ในส่วนของคลังสินค้า Cargo จะต้องรอ 2 ปีในการก่อสร้าง ในส่วนของการให้บริการ Ground Handling คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในครึ่งปีหลังของปี 2567 สำหรับแนวโน้มของอ๊อดก้า ปีหน้า รายได้หลักยังคงมาจากสนามบินภูเก็ต โดยมีการพัฒนาร่วมกันกับกลุ่ม III ในเรื่อง Project Multi-Border และ Airport Truck Linking นอกจากนี้ หากสถานการณ์ท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติ คาดว่าจะทำให้ อ๊อดก้า เติบโตต่อเนื่องโดยสรุป III ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเติบโตทั้งจากธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตและลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ถึงแม้ว่าผลประกอบการในปี 2566 จะได้รับผลกระทบบ้างจากสถานการณ์เศรษฐกิจ แต่บริษัทก็ยังคงสามารถรักษาการเติบโตไว้ได้ และตั้งเป้าที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2567