สรุป OPPDAY หุ้น GULF

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567
สรุป OPPDAY
โอเคครับ ถอดความและสรุปเนื้อหาจากไฟล์เสียง OPPDAY หุ้น GULF ปี 2567 ไตรมาส 4 ตามโครงสร้างที่กำหนดดังนี้ครับ
เจาะลึก Oppday GULF: ควบรวม InTouch, กลยุทธ์ขยายธุรกิจดิจิทัล, และเป้าหมาย Net Zero
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):
บริษัท Gulf Energy Development จำกัด (มหาชน) ได้จัดงาน Opportunity Day ประจำปี 2024 โดยมีผู้บริหารนำเสนอข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการควบรวมบริษัทระหว่าง Gulf และ InTouch, Business Update, และผลประกอบการปี 2024
การควบรวม Gulf และ InTouch เป็นประเด็นสำคัญที่มีนักลงทุนให้ความสนใจ โดยปัจจุบันทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้
โครงสร้างการถือหุ้นมีการเปลี่ยนแปลง โดยภายหลังจากการควบรวม จะมีบริษัทใหม่ชื่อ Gulf Development Public Company Limited ผู้ถือหุ้นของ Gulf และ InTouch สามารถ Swap หุ้นที่ถือไปเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่ตาม Swap Ratio ที่กำหนดไว้ และ Gulf Development จะถือหุ้น 40% ใน AIS ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ผลการดำเนินงานปี 2024 เป็นไปตามแผน โดยมีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการ GPD หน่วยที่ 3 และ 4 รวม 1,200-1,325 MW โครงการหินกองหน่วยที่ 1 770 MW โซลาร์ในประเทศ 3 โครงการ 213 MW และโซลาร์แบตเตอรี่อีก 2 โครงการ 319 MW รวมทั้งสิ้น 532 MW นอกจากนี้ยังมี Solar Rooftop อีก 53 MW ทำให้กำลังการผลิตเติบโตขึ้นประมาณ 2,680 MW
รายได้ปี 2024 เท่ากับ 124,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% จากปีก่อน EBITDA เท่ากับ 39,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.9% กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 18,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 18,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.3%
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):
การควบรวม Gulf และ InTouch จะทำให้บริษัทใหม่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น สามารถรับรู้กำไรที่เพิ่มขึ้นและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะรับรู้ Profit Sharing จาก AIS มาเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี และมี Cash Flow ที่เพิ่มขึ้นจาก Dividend ที่มากขึ้นมากกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี
บริษัทมีทิศทางและนโยบายที่จะเน้นการเติบโตในธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งธุรกิจพลังงาน, โลจิสติกส์, และ Digital Infrastructure
บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในพอร์ตจากปัจจุบันที่มีเพียง 10% ให้ได้มากกว่า 40% ภายในปี 2035
บริษัทจะเน้นการเติบโตในธุรกิจ Data Center, Cloud Business, AI Solution, Cyber Security, Crypto Exchange, และธุรกิจดาวเทียม ซึ่งถือเป็น New S-Curve ของบริษัท
บริษัทมองว่า Credit Rating ของบริษัทใหม่ก็จะมีโอกาสปรับขึ้นไปอีก ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้มีโอกาสที่จะปรับลงได้อีกในอนาคต
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):
แม้ว่าจะมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ แต่ยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาล หรือความผันผวนของราคาพลังงาน
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):
บริษัทพยายามที่จะ Keep ตัว Debt to Equity Ratio ให้ไม่เกิน 2 เท่า ถึงแม้ว่า Bond Covenant จะกำหนดไว้ที่ 3.5 เท่าก็ตาม
บริษัทมีการกระจายความเสี่ยงเรื่องของรายได้และกำไรของกลุ่มธุรกิจ โดย Balance Portfolio ระหว่างธุรกิจพลังงาน, Infrastructure, และธุรกิจ Digital
บริษัทมีแผนที่จะสร้าง LNG Terminal ในกลางปี 2025 และคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในปี 2028
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):
บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นประมาณ 20-25% ในปี 2025 เนื่องจากจะมี New Capacity Growth ใหม่ๆ จากการเปิดดำเนินการของโครงการต่างๆ
กำไรในอนาคตประมาณ 60% จะมาจากธุรกิจพลังงาน Infrastructure และ 40% มาจากธุรกิจ Digital ซึ่งรวมถึงการลงทุนใน AIS ด้วย
บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งเข้าสู่ Net Zero Emission ภายในปี 2050
บริษัทมีแผนจะลงทุนประมาณ 23,000 ล้านบาทในปี 2025 และ 90,000 ล้านบาทในระยะ 5 ปี โดยส่วนใหญ่จะลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): เริ่มต้น นาทีที่ 45:57
- Q: บริษัทสนใจลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในไทยหรือไม่ แม้รัฐบาลแทรกแซงราคาค่าไฟ?
- A: บริษัทมี IPP และ Renewable ที่ได้ค่าไฟเป็น FIT ประมาณ 90% การขายให้ EGAT และการแทรกแซงราคาค่าไฟจะไม่กระทบมากนัก ส่วนที่กระทบคือการขายไฟให้โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 6% บริษัทวางแผน SPP ขนาดไม่ใหญ่ (120-135 MW) เพื่อลดความเสี่ยง
- Q: แนวโน้มผลประกอบการปี 68 เป็นอย่างไร? ตั้งเป้ารายได้โตเท่าไร? เตรียมเงินลงทุนเท่าไร?
- A: คาดรายได้เติบโต 20-25% ตาม Capacity Growth มีแผนลงทุน 23,000 ล้านบาท โดย 70% ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์, โซลาร์แบตเตอรี่, Wind Project ส่วนที่เหลือลงทุนใน Digital เช่น Data Center
- Q: ทำไมไม่มีเงินปันผลพิเศษแบบ InTouch?
- A: InTouch จ่ายปันผลพิเศษเพื่อแรงจูงใจให้ผู้ถือหุ้นก่อน Swap เป็นผู้ถือหุ้น NewCo ซึ่งเป็น Growth Stock Gulf เป็น Growth Stock อยู่แล้ว จ่ายปันผลตามผลประกอบการและแผนลงทุนในอนาคต
- Q: ราคาซื้อขายหุ้น NewCo หลังควบรวมเป็นอย่างไร?
- A: เป็นไปตาม Demand Supply และราคาตลาด แต่สามารถคำนวณได้จาก Market Cap ของ Gulf และ InTouch ปัจจุบัน
- Q: หลังควบรวม Gulf มีนโยบายจ่ายเงินปันผลอย่างไร?
- A: ขึ้นอยู่กับมติกรรมการชุดใหม่ แต่มีแผนจ่ายไม่ต่ำกว่าเดิม ขึ้นอยู่กับงบลงทุน, แผนการลงทุน, และกระแสเงินสด
- Q: บริษัทใหม่มีเป้ารายได้และกำไรเท่าไรใน 3-5 ปี?
- A: ปีนี้คาดเติบโต 25-30% ปีถัดๆ ไปมองการเติบโตอย่างต่อเนื่องตาม Capacity Growth ใหม่ๆ
- Q: บริษัทมีแผนขายสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือไม่?
- A: อาจมีการ Recycle Asset ขายตัวนี้ไปลงทุนตัวใหม่ เพื่อบริหารจัดการการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
- Q: ปีนี้มีแผนออกหุ้นกู้เพิ่มอีกหรือไม่?
- A: เดือนมีนาคมจะ Issue หุ้นกู้ประมาณ 30,000 ล้านบาท เงินที่ได้มาจะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดและใช้ในการขยายธุรกิจ
- Q: ทรัมป์ดึงบริษัทสหรัฐกลับไปลงทุนในสหรัฐ จะกระทบกับ Gulf ในส่วนของธุรกิจ Digital หรือไม่?
- A: ธุรกิจ Digital ที่ Gulf มองอยู่หลักๆ คือ Data Center และ Cloud Demand ส่วนใหญ่อยู่ในเอเชีย ประเทศไทยมี Demand ในการใช้ Data มหาศาล โดยเฉพาะเรื่องของ AI การที่ AWS, Google, Microsoft จะมาลงทุน Data Center ในไทย มองว่าไทยเป็น Strategic Location และมีความต้องการอีกมาก
- Q: Gulf มีโอกาสไปซื้อ Exchange คริปโตของ Bitkub หรือไม่?
- A: ยังไม่มีแผนตรงนี้
หัวข้อที่ถามและตอบ
- การลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าในไทย (45:57)
- แนวโน้มผลประกอบการปี 68 (47:54)
- นโยบายปันผลหลังควบรวม InTouch (49:09)
- ราคาหุ้น NewCo หลังควบรวม (50:40)
- เป้ารายได้และกำไรใน 3-5 ปี (51:26)
- แผนขายสินทรัพย์ (52:00)
- แผนออกหุ้นกู้ (53:11)
- ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ต่อธุรกิจดิจิทัล (54:06)
- โอกาสซื้อ Exchange คริปโต Bitkub (57:33)
โดยสรุป Gulf ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและ Digital Infrastructure โดยมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ และมีแผนการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต