สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP มีผลประกอบการในไตรมาส 3 ปี 2567 ขาดทุนสุทธิ 6.98 ล้านบาท จากผลขาดทุนด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น 2.66 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 0.99 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 2.69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2567

บริษัทฯ มีแผนธุรกิจมุ่งเน้นการเติบโตใน 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจไททิดไทย Business ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ เน้นการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และธุรกิจเอทีทีรทสไทย โดยมีแผนขยายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อเช่าซื้อที่ครอบคลุมนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรใหม่ๆ และมีการวิเคราะห์สินเชื่อที่รัดกุม พร้อมกับบริหารคุณภาพลูกหนี้แบบมีประสิทธิภาพ

GCAP อาจเป็นโอกาสการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวแบบรับเงินปันผล โดยราคาหุ้นเฉลี่ยในไตรมาส 3 ปี 2567 อยู่ที่ 0.84 บาท และมี P/E ล่าสุดอยู่ที่ 22.07 P/BV อยู่ที่ 0.5 และ YIELD ล่าสุดอยู่ที่ 0 ซึ่งสะท้อนถึงการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างต่ำ และแม้ว่าบริษัทฯ จะมีกำไรสุทธิติดลบ แต่มีการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น 26.60 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจ และในอนาคต หากบริษัทฯ สามารถบริหารจัดการ NPL ได้ดีขึ้น และผลักดันการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นผลประกอบการที่ดีขึ้น และราคาหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นได้ในอนาคต

ด้านฐานะทางการเงิน สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 ลดลง 99.97 ล้านบาท หรือ 8.02% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 สาเหตุหลักมาจาก ลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อลดลง 85.00 ล้านบาท หรือ 11.00% และเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง 8.65 ล้านบาท หรือ 50.69% ส่วนหนี้สินรวมลดลง 128.41 ล้านบาท หรือ 16.50% เมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 28.44 ล้านบาท จากหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นที่ออกและชำระแล้ว

บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความโปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินหุ้นยังยืน 8ธ86 = 5ธ56 ธีธนทธร ประจำปี 2566 ในระดับ 388 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แสดงถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเป็นตัวบ่งชี้ถึงโอกาสการลงทุนระยะยาวในบริษัท GCAP