สรุป OPPDAY หุ้น DIF
Oppday
สรุป OPPDAY
สรุป OPPDAY DIF ไตรมาส 3 ปี 2568: เจาะลึกผลการดำเนินงานและทิศทางอนาคต
1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)
อุตสาหกรรมโทรคมนาคมโดยรวมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากไตรมาส 2 ส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ True ยังคงเป็นอันดับ 1 แม้สัดส่วนจะลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 57% SCIC คาดการณ์สัดส่วนปีนี้และปีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ส่วนแบ่งตลาดธุรกิจบอร์ดแบนด์ AS ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 หลังเข้าซื้อกิจการ 3BB มีส่วนแบ่ง 47% รองลงมาคือ True ที่ 35% SCIC คาดการณ์ส่วนแบ่งตลาดยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)
กองทุน DIF ลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคมจากกลุ่ม True โดยซื้อทรัพย์สินประเภทเสาโทรคมนาคมและสาย Fiber Optic Cable แล้วให้ True เช่ากลับไปดำเนินการต่อ True เป็นผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่สัดส่วน 20% ส่วนอีก 80% เป็นนักลงทุนทั่วไป
TAM ทำหน้าที่บริหารทรัพย์สินโทรคมนาคมให้กับกองทุน ทำการตลาดทรัพย์สิน เจรจาและหาผู้เช่ารายใหม่ นอกเหนือจาก True หากมีผู้เช่ารายอื่น จะเป็น Upside Revenue ที่เพิ่มขึ้นและสามารถจ่ายปันผลให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นได้
3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)
ยังไม่มีข้อมูลความเสี่ยงที่ชัดเจนในส่วนนี้
4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)
กองทุนใช้สิทธิ Call Option จำนวน 10 ล้านบาท เพื่อรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนของ BFKT ทรัพย์สินจาก AWC จะต้องโอนกรรมสิทธิ์ให้กองทุนอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีทรัพย์สินบางส่วนที่กองทุนยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์มา จึงยังคงอยู่ในรูปแบบสิทธิในกระแสรายได้
ทรัพย์สินที่กองทุนรับโอนกรรมสิทธิ์มา จะมี Net Revenue หรือรายได้สุทธิที่กองทุนได้รับไม่น้อยลงไปกว่าเดิม
5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)
สัญญาเช่าเสาจะสิ้นสุดในปี 2576 ส่วนสายใยแก้วนำแสงหรือสาย FOC จะสิ้นสุดในปี 2576 เช่นกัน แต่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมคือ หากส่วนแบ่งตลาดบอร์ดแบนด์ของ True เกิน 33% หรือรายได้เกิน 16,500 ล้านบาท True จะต้องเช่าทรัพย์สินประเภทสาย FOC ยาวต่อไปอีกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี (ไม่เกินปี 2586)
กองทุนมีเสาประมาณ 16,000 ต้น และสายใยแก้วนำแสงประมาณ 3 ล้านคอร์กิโลเมตร ทรัพย์สินรวมของกองทุนในไตรมาส 3 อยู่ที่ประมาณ 28,600 ล้านบาท ทุนอยู่ที่ 127,000 ล้านบาท หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่ 24,000 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินต่อทรัพย์สินและหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.12 เท่าและ 0.19 เท่า ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ
รายได้ประมาณ 70% ของกองทุนมาจากสาย FOC และ 30% มาจากเสาโทรคมนาคม ระยะเวลาสัญญาเช่าเฉลี่ยคงเหลืออยู่ที่ประมาณ 13 ปี (รวมเงื่อนไขการเช่าสาย FOC ต่อไปอีกสูงสุดไม่เกิน 10 ปีแล้ว)
สัดส่วนผู้ถือหน่วยรายย่อยมากที่สุด 56%, กลุ่ม True 20%, ผู้ถือหน่วยลงทุนสถาบัน 17%, ผู้ถือหน่วยต่างชาติที่เป็นสถาบัน 6.4%, รายย่อยต่างชาติ 0.5%
6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) นาทีที่ 33:23
คำถาม: DIF ซื้ออุปกรณ์ต่อจาก True และมีวิธีการใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง?
คำตอบ (คุณนวบูล): กองทุนใช้ Call Option ในการซื้อทรัพย์สินทั้งหมดตามสัญญา แล้วเจรจากับผู้เช่าหลัก (True) เพื่อจัดหาผลประโยชน์ โดยรายได้สุทธิจะต้องไม่น้อยกว่าเดิม มีการเช่าทรัพย์สินบางส่วนคืน โดยส่วนที่ไม่ได้เช่า หากมีภาระค่าใช้จ่ายและใบอนุญาตที่กองทุนไม่สามารถถือได้ จะพิจารณานำทรัพย์สินดังกล่าวลงต่อไป
คำถาม: มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ True จะไม่เช่าเสาต่อในปี 2576 และถ้าหาก True ไม่เช่าเสาต่อกองทุนจะทำอย่างไร?
คำตอบ (คุณนวบูล): ปัจจุบันมีผู้ประกอบการหลักเพียง 2 ราย หากผู้เช่าหลักยังดำเนินธุรกิจอยู่ คาดว่าจะมีแนวโน้มการต่อสัญญาเช่ามากกว่า เนื่องจากหากต้องไปลงทุนสร้างใหม่ต้องใช้งบประมาณสูงมาก หากเกิดเหตุสุดวิสัยจริง ทรัพย์สินดังกล่าวจะต้องถูกจัดหาประโยชน์ในรูปแบบอื่น ๆ และหาผู้เช่ารายอื่น
คำถาม: นอกเหนือจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงแล้ว มีปัจจัยใดอื่น ๆ ที่ทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น เพื่อจะได้มีเงินปันผลมากขึ้น?
คำตอบ (คุณศิรยา): มาจาก 2 ส่วนหลัก ๆ คือ ผู้เช่าหลัก (True) มีการเช่าใช้ทรัพย์สินของกองทุนเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้นจากข้อตกลงเดิม) และกองทุนมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาเช่าทรัพย์สินของกองทุนเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันกองทุนและ TAM อยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้เช่ารายใหม่อยู่
คำถาม: กรณีที่ไม่สามารถต่อสัญญากับเจ้าของที่ดินที่มีเสาตั้งอยู่ จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ? การย้ายเสามีค่าใช้จ่ายหรือไม่ และรายได้จากการเช่าเสาจะหายไปหรือไม่?
คำตอบ (คุณนวบูล): โดยปกติจะมีค่าใช้จ่ายในการย้ายเสาเกิดขึ้น แต่กองทุนได้ทำสัญญากับผู้เช่าหลักไว้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอน โดยให้ผู้เช่าหลักเป็นผู้ดำเนินการย้ายเสา โดยกองทุนจะชำระค่าใช้จ่ายตามสัญญาที่กำหนดไว้ในแต่ละปี (มีการเติบโต 2.7% ต่อปี) ในระหว่างการย้ายเสา กองทุนจะไม่ได้รับผลกระทบในส่วนของรายได้ค่าเช่าที่ขาดหายไป ทางผู้เช่าหลักจะมีการชำระเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
คำถาม: เสาที่เพิ่มขึ้นจากการรับโอนกรรมสิทธิ์ส่งผลอย่างไรต่อผลการดำเนินงานของ DIF?
คำตอบ (คุณนวบูล): มีการทำสัญญาโดยการไปจัดหาประโยชน์ โดยรวมแล้วรายได้ของกองทุนจะไม่แตกต่างกันมากนัก ระหว่างก่อนและหลังการโอนกรรมสิทธิ์ รายได้สุทธิของกองทุนจะยังคงใกล้เคียงเดิม
คำถาม: รบกวนอธิบายสิทธิในกระแสรายได้กับกรรมสิทธิ์อีกครั้งว่าต่างกันอย่างไร?
คำตอบ (คุณศิรยา): สิทธิในกระแสรายได้ เกิดจาก True ทำสัญญา SPA Contract กับ CAT (กสทช. เดิม) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น NT ทำให้ NT เป็นผู้เช่าใช้ทรัพย์สินแต่เพียงผู้เดียว และ NT จ่ายค่าเช่าให้ True โดยค่าเช่าที่ True ได้รับ กองทุนได้เข้าไปซื้อสิทธิในกระแสรายได้ส่วนนี้เข้ามา ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในรูปแบบกรรมสิทธิ์ กองทุนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ และรายได้ที่กองทุนได้รับจะอยู่ในรูปแบบของรายได้ค่าเช่า
คำถาม: ตามหลักการแล้วมูลค่าของบริษัทจะลดลงตามระยะเวลาที่เหลืออยู่ของสินทรัพย์เหมือนกับกองทุน ที่เป็น Leasehold อื่น ๆ หรือเปล่า?
คำตอบ (คุณนวบูล): โดยปกติ ถ้ากองทุนลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นสิทธิการเช่าหรือ Leasehold ระยะเวลาในการจัดหาประโยชน์คงเหลือจะลดลงตามลำดับ ทำให้มูลค่าของทรัพย์สินในการประเมินลดลงเรื่อย ๆ แต่กองทุน DIF มีความแตกต่างตรงที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ๆ หรือมีโอกาสที่จะสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ในอนาคต ดังนั้นเวลาทำประเมินมูลค่า ผู้ประเมินจะมีการสะท้อนเรื่องของการจัดทำ Terminal Value เพื่อสะท้อนเรื่องของการจัดหาประโยชน์เสมือนสินทรัพย์นั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของกองเลยทั้งหมด หากไม่มีปัจจัยอื่นมากระทบ มูลค่าที่ประเมินจะไม่ลดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป
คำถาม: ในกรณีที่ True ต่ออายุถึงปี 2586 หลังจากปี 2586 จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
คำตอบ (คุณนวบูล): คล้าย ๆ กับตอนปี 2576 จะต้องมีการเจรจาเพื่อดูว่าจะมีการต่อสัญญากันได้อย่างไร โดยปกติจะต้องมีการเจรจาล่วงหน้าประมาณ 2 ปี
คำถาม: หลังจากการควบรวมของ True และ Dtac ทาง True มีแผนในการปรับปรุงการใช้งานสื่อสัญญาณ ซึ่งส่งผลให้จำนวนสถานีฐาน True และ Dtac ลดลง กรณีนี้จะส่งผลต่อผลการดำเนินงานของกอง DIF อย่างไร?
คำตอบ (คุณนวบูล): การปรับปรุงเสาสัญญาณต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเป็นการลดจำนวนเสา เพื่อให้ทางผู้ประกอบการเองมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนลดลง ในส่วนนี้ไม่ได้มีผลกระทบกับการดำเนินงานของกอง DIF เนื่องจากมีสัญญาเช่าอยู่กับผู้เช่าหลัก เงินที่ได้รับมาก็ไม่ได้มีผลอะไร ในขณะที่เสาเอง หากผู้เช่าหลักพิจารณาลดเสาต้นนั้นลง (หากเป็นเสาของกองทุน) จะมี process ที่เรียกว่าการหาเสาทดแทนในบริเวณใกล้เคียง เพื่อชดเชยเสาที่เปลี่ยนแปลงไป โดยรวมแล้วจำนวนเสาของกองจะยังคงเท่าเดิมตลอด และรายได้ก็ไม่ได้ขาดหายไป
คำถาม: จะยังคงมีค่าพาดสายรวมในต้นทุนการเงินอีกหรือไม่ ถ้ามีแต่ละไตรมาสจะเป็นมูลค่าเท่าไร?
คำตอบ (ไม่มีผู้ระบุชื่อ): ปัจจุบันส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของกองก็จะมีส่วนที่เป็นสายอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ยังคงมีค่าใช้จ่ายตัวของค่าพาดสายต่อไป ส่วนสินทรัพย์ที่ได้รับโอนมาจากการใช้สิทธิ์ซื้อกระแสรายได้ ที่โอนกรรมสิทธิ์มาที่กองเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีสินทรัพย์บางส่วนที่ไม่ได้มีการเช่าใช้โดยผู้เช่าหลัก กองทุนอยู่ระหว่างการพิจารณานำสินทรัพย์ดังกล่าวลง
คำถาม: ถ้าไม่เข้าเงื่อนไขการต่ออายุการเช่า FOC จะดำเนินการต่ออย่างไร?
คำตอบ (คุณศิรยา): จุดชี้วัดจะต้องไปชี้วัดในปี 2533 ซึ่งปี 2533 จะมีการประกาศทั้งในแง่ของตัวรายได้ของบอร์ดแบนด์และในแง่ของตัว Market Share ของปี 2532 ออกมา ถ้าหากเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ ทางกลุ่ม True ถึงจะมีภาระที่จะต้องเช่าสาย FOC ต่อ เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันที่ตัวบอร์ดแบนด์ Market Share อยู่ที่ 35% แล้ว ทางกองทุนก็มองว่าถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องไปดูอีกทีในอนาคตว่ายังคงเข้าเงื่อนไขตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่
โดยสรุป, การประชุม Oppday ของ DIF ในไตรมาส 3 ปี 2568 แสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างรายได้จากการรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สิน อย่างไรก็ตามกองทุนยังคงสามารถรักษาผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำถึงโอกาสในการเพิ่มรายได้จากผู้เช่ารายใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ต่อสัญญาเช่าของ True ในอนาคต ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของผู้บริหารในการสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน