สรุปด้วย AI(O) BOT

บริษัท ตาชำนิ จำกัด (มหาชน) (CEYE) มีผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 กำไรสุทธิ 6.24 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำกำไรสุทธิ 16.57 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการให้บริการลดลง 16.21% จากการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ด้านการตลาดของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม การชะลอตัวของความต้องการในการทำสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ของลูกค้ารายใหญ่ และการพัฒนาส่วนต่างๆ ของแผนการทางธุรกิจที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น เช่น การขยายทีมงานเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับผลการดำเนินงานและการสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบริษัทอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 จะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

บริษัทฯ มีแผนธุรกิจในอนาคตที่มุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ การพัฒนาบริการให้ครอบคลุมทุกด้านของการสร้างสรรค์และการผลิตสื่อ การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการแบบครบวงจรเพื่อให้ทุก creative production เริ่มระดมความคิดจนถึงขั้นตอนลงมือทำดำเนินไปอย่างชัดเจนและลื่นไหล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ไร้ที่ติ ตรงเวลา และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าที่สุด

จากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 และอัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง พบว่าบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ 13.77% P/E 17.01 และ P/BV 1.36 แสดงให้เห็นว่าราคาหุ้น CEYE ถูกกว่าเมื่อเทียบกับกำไรและมูลค่าทางบัญชี บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.20 แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีโอกาสในการขยายกิจการได้โดยไม่ต้องกู้ยืมเงินมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีวงจรเงินสด 48.34 วัน และเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 83.36 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการสร้างยอดขายและการบริหารจัดการเงินสดที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต จากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ การนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ และการพัฒนาบริการให้ครอบคลุมทุกด้านของการสร้างสรรค์และการผลิตสื่อ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค การลงทุนใน CEYE เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการถือยาวรอการเติบโต หรือรับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทฯ มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและมีโอกาสในการเติบโตในอนาคต