AWC
บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 2 ปี 2567

สรุปสั้น

ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล


ผู้เขียน

สรุปด้วย AI(O) BOT

## บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) : ผลประกอบการไตรมาส 2/2567

บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2567 รายได้รวม 4,893 ล้านบาท เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% บริษัทเน้นการสร้างกระแสเงินสดผ่านการเร่งพัฒนาโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างให้เป็นโครงการที่ดำเนินงาน และเพิ่มศักยภาพของโครงการในช่วงเริ่มต้นให้ถึงระดับการดำเนินงานปกติ ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานแบบไม่รวมมูลค่ายุติธรรมต่อทรัพย์สินถาวรไม่น้อยกว่า 8% ต่อปี ในช่วงไตรมาสนี้ บริษัทได้เปิดดำเนินการ "ทีซ็อต บาร์" สปอร์ตบาร์รูปแบบซิมูเลเตอร์ที่โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค และเปิดตัวโครงการ "ฟีนิกซ์" ศูนย์กลางด้านอาหารครบวงจรระดับโลกบนพื้นที่ย่านประตูน้ำ

แผนธุรกิจและกลยุทธ์ในอนาคตของ AWC มุ่งเน้นการเติบโตผ่าน 3 ระยะ ได้แก่ (1) การเติบโตจากทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ โดยเร่งผลักดันความสามารถของสินทรัพย์ในการเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ด้วยการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เช่น การปรับปรุงโครงการพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ และโครงการพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน ตลอดจนการเปิดล็อบบี้เลาจน์ในอาคารสำนักงาน เช่น คาเฟ พิทโทเร่ ที่อาคารเอ็มไพร์ เป็นต้น (2) การเติบโตจากทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน โดยมีโครงการสำคัญที่จะเปิดดำเนินงานภายในปี 2569 เช่น โรงแรม พัทยา แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา แอท จอมเทียนบีช โรงแรม มีเลีย พัทยา ซิตี้ และโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท เป็นต้น (3) การเติบโตจากแผนการลงทุนระยะยาว โดยมีโครงการสำคัญ ได้แก่ โครงการอคจาทีค บาย เดอะบีช โครงการเอเชียทีค 2.2 โครงการเจิ้ง ไซน่าทาวน์ เดสติเนชัน โรงแรม พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา นิวยอร์ก และโครงการโรงแรม สุขุมวิท 38 เป็นต้น

AWC มี 2 โมเดลดําเนินการในการลงทุนและบริหารโครงการเพิ่มเติม:
1. **รูปแบบการลงทุนเชิงกลยุทธ์:** บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ โดยบริษัทเข้าถือหุ้นร้อยละ 18 และมีความยืดหยุ่นในการเข้าซื้อหุ้นส่วนที่เหลือภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงร่วมกัน เมื่อทรัพย์สินดังกล่าวเปิดดำเนินงานและสร้างกระแสเงินสดในระดับที่เหมาะสม ซึงทําให้ไม่เกิดภาระเงินรู้ต่อบริษัท ในช่วงการพัฒนาโครงการ
2. **รูปแบบการลงทุนร่วมทุน:** บริษัทร่วมลงทุนกับนักลงทุนระดับโลกโดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน มีเงินลงทุนเริ่มต้นไม่เกิน 10,800 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเข้าถือหุ้นร้อยละ 51 เพื่อพัฒนาและเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินคุณภาพ จนมีอัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงานสูงขึ้น ซึ่งการลงทุนรูปแบบนี้จะสร้างรายได้เพิ่มเติมให้แก่บริษัท ใน 3 รูปแบบ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจากการเข้าลงทุนในทรัพย์สิน, ค่าธรรมเนียมในการบริหารทรัพย์สิน และผลตอบแทนกำไร เมื่อมีการขายทรัพย์สินต่อไปในอนาคต

**การวิเคราะห์ผลประกอบการ:**
* **รายได้รวม:** รายได้รวมของบริษัทในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 4,893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโต
* **กำไรสุทธิ:** บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* **อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น:** อยู่ที่ 0.80 เท่า สะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการเงินทุนและความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อสนับสนุนแผนการลงทุนระยะยาว
* **กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน:** แข็งแกร่ง ดังเห็นได้จากกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานในปี 2566 อยู่ที่ 5,488.55 ล้านบาท
* **กระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมการลงทุน:** ติดลบ ซึ่งแสดงถึงการลงทุนต่อยอดธุรกิจ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

**กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ:**
* รายได้กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 2,597 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* อัตราการเข้าพักโรงแรมในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 66.4%
* กลุ่มธุรกิจนี้ขับเคลื่อนโดยโรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนา (MICE) โรงแรมในกรุงเทพ และกลุ่มรีสอร์ทระดับลักซ์ชัวรี
* โรงแรมที่มีผลการดำเนินงานเด่น ได้แก่ โรงแรมแบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์, โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ, โรงแรมบันยันทรี กระบี่, โรงแรมคอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์

**กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์:**
* รายได้กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ในไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 2,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* มีลูกค้าเข้าใช้บริการศูนย์การค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
* โครงการเอเชียทีค เดอะ วิเจอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชัน ได้ปรับกลยุทธ์การตลาดผู่การเป็นวีเทล-เหนเม็นท์ริมแม่นําใหญ่
* โครงการพันธุ์ทิพย์ แอท งามวงศ์วาน ได้ปรับโอมโดยใช้คอนเซ็ปต์
* โครงการพันธุ์ทิพย์ ไลฟ์สไตล์ ฮับ เชียงใหม่ ได้ปรับโอมเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่

**โอกาสและความเสี่ยง:**

**โอกาส:**
* การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนในประเทศไทย
* การขยายตัวของธุรกิจโรงแรมและการบริการ
* โมเดลธุรกิจที่หลากหลายของ AWC
* ความแข็งแกร่งทางการเงินและกระแสเงินสด

**ความเสี่ยง:**
* **ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจโลก:** สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ผันผวนอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
* **ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน:** อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูง
* **ความเสี่ยงด้านการก่อสร้าง:** การก่อสร้างล่าช้าหรือค่าใช้จ่ายที่เกินงบประมาณอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท

**สรุป:**
โดยรวมแล้ว AWC เป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาวที่มองหาการเติบโตของรายได้และกำไร บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งและมีแผนธุรกิจที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโลกก่อนตัดสินใจลงทุน


รายได้รวม
4,838.52 ล้านบาท
601.14ล้านบาท
(11.05%)
ไตรมาสก่อนหน้า
318.89ล้านบาท
(7.06%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรขั้นต้น
564.71 ล้านบาท
13.76ล้านบาท
(2.38%)
ไตรมาสก่อนหน้า
61.24ล้านบาท
(12.16%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรขั้นต้น(%)
11.67 ล้านบาท
1.04ล้านบาท
(9.78%)
ไตรมาสก่อนหน้า
0.53ล้านบาท
(4.76%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
ค่าใช้จ่ายรวม
1,127.47 ล้านบาท
60.69ล้านบาท
(5.11%)
ไตรมาสก่อนหน้า
47.04ล้านบาท
(4.35%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตราค่าใช้จ่าย(%)
23.30 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กำไรสุทธิ
1,247.18 ล้านบาท
357.38ล้านบาท
(22.27%)
ไตรมาสก่อนหน้า
125.45ล้านบาท
(11.18%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
อัตรากำไรสุทธิ(%)
25.78 %
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล
กระแสเงินสด
1,498.66 ล้านบาท
536.81ล้านบาท
(55.81%)
ไตรมาสก่อนหน้า
521.44ล้านบาท
(53.36%)
ช่วงเดียวกันของปีก่อน
ยังไม่มีรายละเอียด อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูล