AAV
บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน)

สรุปงบการเงิน
ไตรมาสที่ 4 ปี 2567

สรุป OPPDAY

สรุป Oppday AAV (Q4/2024): ผลกำไรฟื้นตัว, แผนขยายฝูงบิน และเป้าหมายปี 2025

สวัสดีครับท่านนักลงทุนทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับงานแถลงผลประกอบการ Opportunity Day ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2024 โดยมีผู้บริหารระดับสูง คุณสันติสุข คล่องใช้ยา (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร), คุณไพรัช พรพนาแังกูร (ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน), คุณอรวรรณ อู่กุฏินันท์ (Financial Controller) และทีมงาน IR เข้าร่วมให้ข้อมูล

1. ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview)

ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2024 เป็นข่าวดี โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่ผลประกอบการค่อนข้างดี และตลอดทั้งปีมีผลประกอบการที่เป็นบวก ส่งผลให้เกิดโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องถึงปี 2025

สถิติที่น่าสนใจ:

  • ไตรมาส 4/2024: ขนส่งผู้โดยสาร 5 ล้านคน, Load Factor 89%, เที่ยวบิน 33,000 เที่ยว
  • ปี 2024: ขนส่งผู้โดยสาร 20.8 ล้านคน, Load Factor เฉลี่ย 91% (Domestic 93%, International 87%)
  • ASK (Available Seat Kilometers) เพิ่มขึ้น 8% YoY, จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 9% YoY
  • Average Fare ทั้งปี 1,967 บาท (โตขึ้น 10% YoY), Ancillary Revenue 409 บาท (ขึ้น 1% YoY)
  • รายได้รวม 49,400 ล้านบาท (โต 20% YoY), EBITDA 10,000 ล้านบาท (โต 43% YoY)
  • Net Income 3,478 ล้านบาท (ปีที่แล้ว 466 ล้านบาท), Core Profit 3,000 ล้านบาท

2. โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities)

บริษัทฯ มองเห็นโอกาสจากการเติบโตของการท่องเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาด South Asia (อินเดีย) และอาเซียน (เวียดนาม) รวมถึงการใช้สิทธิเสรีภาพที่ 5 (Fifth Freedom) ในการขยายเส้นทางบินใหม่ๆ

กลยุทธ์:

  • มุ่งเน้นตลาด Domestic ที่มีความแข็งแกร่ง
  • ขยายเส้นทาง International ในตลาดที่มีศักยภาพ
  • เพิ่มเที่ยวบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังจังหวัดต่างๆ ในประเทศ
  • ใช้สิทธิ Fifth Freedom ในการบินไปยังฮ่องกง, ญี่ปุ่น, ลาว และเวียดนาม

3. ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges)

ความเสี่ยงหลักยังคงเป็นเรื่องความไม่แน่นอนของสถานการณ์การท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดจีนที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รวมถึงความผันผวนของราคาน้ำมัน และการแข่งขันที่สูงขึ้น

4. วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation)

บริษัทฯ มีแผนรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ โดยการบริหารจัดการ Capacity ให้สอดคล้องกับสถานการณ์, ควบคุมค่าใช้จ่าย, และใช้กลยุทธ์ Hedging เพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมัน

แผนการดำเนินการ:

  • จัดสรร Capacity: Domestic 65%, International 35%
  • บริหารจัดการ Yield ให้สูงขึ้น
  • Monitor ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดและทำ Hedging เมื่อเหมาะสม

5. แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends)

บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของ Revenue ในปี 2025 ที่ตัวเลขสองหลัก (10% ขึ้นไป) และจำนวนผู้โดยสาร 23-24 ล้านคน โดยยังคงรักษา Load Factor ที่ 90% (+/-) และ EBITDA Margin ใกล้เคียงกับปี 2024

วิสัยทัศน์:

  • สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีกำไร
  • รักษาความเป็นผู้นำในตลาด Domestic
  • ขยายตลาด International อย่างระมัดระวัง

6. ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session) [เริ่ม Q&A นาทีที่ 41:30]

  1. ความท้าทายและศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิ
  2. คำถาม: มองเห็น Challenge อะไรในเรื่องของ Slot การจอดเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
  3. คำตอบ: สนามบินสุวรรณภูมิยังคงมีศักยภาพในการเติบโต Runway ที่ 3 เริ่มเปิดใช้งานบางส่วนแล้ว และน่าจะเปิดเต็มรูปแบบภายใน 1-2 ปีนี้ ทำให้ Slot และ Capacity ของสนามบินจะขยายขึ้น
  4. ผลกระทบจากข่าวเชิงลบต่อ Load Factor
  5. คำถาม: ในไตรมาส 1 ที่มีข่าวเรื่องคนจีน จะมีผลกระทบต่อ Load Factor โดยรวมมากน้อยแค่ไหน
  6. คำตอบ: ในช่วงที่มีข่าวใหม่ๆ เห็นการทิ้งตั๋ว (No-Show) และการ Cancel Group Tour ประมาณ 30% แต่หลังจากรัฐบาลทั้งสองประเทศทำงานร่วมกัน ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นดีขึ้น คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี
  7. นโยบายการจ่ายปันผล
  8. คำถาม: สำหรับปี 2024 จะมีการจ่ายปันผลหรือไม่
  9. คำตอบ: การจ่ายปันผลต้องมาจากการได้รับปันผลจาก Thai AirAsia (บริษัทลูก) ซึ่ง Thai AirAsia ยังมีส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ ทำให้ตามกฎหมายยังไม่สามารถจ่ายปันผลได้ คาดว่าจะต้องรออีกประมาณ 1 ปี หาก Thai AirAsia สามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมาย อาจจะล้างขาดทุนสะสมหมด และเริ่มจ่ายปันผลได้
  10. ผลกระทบของ Load Factor ที่ลดลงต่อ Margin
  11. คำถาม: Year-to-date ที่ Load Factor ลดลง แต่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จะมีผลต่อ Margin อย่างไรบ้าง
  12. คำตอบ: Load Factor ที่ลดลงเล็กน้อย (1-2%) แทบไม่มีผลกระทบ สิ่งที่สำคัญกว่าคือจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น แสดงว่ามาถูกทางแล้ว และยังมี Demand มาตอบสนอง
  13. สถานการณ์ Hedging น้ำมัน
  14. คำถาม: ณ ปัจจุบัน บริษัทมีการทำ Hedging น้ำมันอยู่หรือไม่
  15. คำตอบ: บริษัทมี Policy ในการทำประกันความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมันอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคา ปัจจุบันราคาน้ำมัน Jet อยู่ที่ประมาณ 90 เหรียญฯ กลางๆ ซึ่งยังอยู่ในเกณฑ์ที่บริหารจัดการได้ และยังไม่ได้มีการทำ Hedging เพิ่มเติม

โดยสรุป, AAV มีผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในปี 2024 และมีแผนขยายธุรกิจอย่างระมัดระวังในปี 2025 โดยมุ่งเน้นตลาด Domestic และ International ที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน