บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ

XO หรือ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) เผชิญความท้าทายในไตรมาส 2 ปี 2568 ด้วยรายได้รวมที่ลดลง 13.81% และกำไรสุทธิที่ลดลงถึง 31.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลกระทบหลักมาจากการลดลงของรายได้จากการขาย กลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้มต่างๆ ในทวีปยุโรป

รายได้และกำไรที่ลดลง

รายได้จากการขายในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 607.53 ล้านบาท ลดลงจาก 704.85 ล้านบาทใน Q2/2567 และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,091.37 ล้านบาท ลดลง 22.81% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (1,413.94 ล้านบาท) กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 ลดลง 31.84% อยู่ที่ 170.02 ล้านบาท จาก 249.43 ล้านบาทในไตรมาส 2/2567 และสำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 กำไรสุทธิลดลง 44.80% อยู่ที่ 283.21 ล้านบาท

ถึงแม้ต้นทุนขายจะลดลง 7.95% ในไตรมาส 2/2568 และ 17.32% สำหรับงวด 6 เดือนแรก แต่อัตรากำไรขั้นต้นก็ยังคงลดลง เนื่องจากการลดลงของคำสั่งซื้อ การเพิ่มกำลังการผลิต และการแข็งค่าของเงินบาท

ข้อสังเกตุและปัจจัยที่ส่งผลกระทบ

อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 50.20% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือ 46.66% ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 นอกจากนี้ การสิ้นสุดอายุของบัตรส่งเสริมการลงทุน 2 ฉบับ ส่งผลให้อัตราภาษีที่แท้จริงของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนสำหรับสายการผลิตใหม่ ช่วยลดผลกระทบด้านภาษีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า

ค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 13.63% ในไตรมาส 2/2568 แต่เพิ่มขึ้น 7.76% สำหรับงวด 6 เดือนแรก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 4.24% ในไตรมาส 2/2568 และ 7.18% สำหรับงวด 6 เดือนแรก เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ

สินทรัพย์และหนี้สิน

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 สินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 6.43% เป็น 2,083.29 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของสินค้าคงเหลือและเงินลงทุนในตราสารหนี้ หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 2.98% เป็น 307.24 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่าย ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 7.05% เป็น 1,776.05 ล้านบาท เนื่องมาจากกำไรจากการดำเนินงาน

สรุป

XO เผชิญกับความท้าทายในการรักษาระดับรายได้และกำไร เนื่องจากปัจจัยภายนอกและภายในหลายประการ การลดลงของรายได้จากตลาดยุโรป และการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์รวมและส่วนของผู้ถือหุ้นยังคงเป็นสัญญาณบวก