บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ASIMAR โชว์ผลงานปี 67 สุดปัง! กำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 189% รับอานิสงส์งานต่อเรือกองทัพเรือหนุน แถมสภาพคล่องยังแกร่งขึ้นอีกด้วย มาเจาะลึกผลประกอบการและปัจจัยที่ทำให้ ASIMAR เติบโตอย่างก้าวกระโดดกัน!

ไฮไลท์สำคัญ: กำไรโตกระโดด งานต่อเรือหนุน

ASIMAR สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจในปี 2567 ด้วยรายได้รวม 1,054.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 83.88% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 50.88 ล้านบาท เติบโตถึง 189.42% ปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการต่อเรือขนาดใหญ่ของกองทัพเรือ โดยเฉพาะโครงการต่อเรือปฏิบัติการอุทกศาสตร์และโครงการต่อเรืออเนกประสงค์ต้นแบบเฉลิมพระเกียรติฯ

รายได้ทะยาน กำไรพุ่ง: เจาะลึกผลงานแต่ละธุรกิจ

รายได้จากงานต่อเรือ เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 2,323.36% คิดเป็นมูลค่า 503.09 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้โครงการต่อเรือของกองทัพเรือ ขณะที่รายได้จากงานซ่อมเรือ ซึ่งเป็นรายได้หลักของ ASIMAR ลดลงเล็กน้อย 2.26% อยู่ที่ 482.54 ล้านบาท เนื่องจากการปรับปรุงพื้นที่ท่าเทียบเรือ ส่วนรายได้จากงานจัดหาเรือ ลดลง 53.78% อยู่ที่ 4.10 ล้านบาท

ต้นทุนเพิ่ม อัตรากำไรลด: ส่องงบการเงินเชิงลึก

ต้นทุนในการรับจ้างเพิ่มขึ้น 104.36% สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของรายได้ โดยมีต้นทุนค่าแรงและค่าวัสดุที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงการรับรู้ต้นทุนของงานโครงสร้างตัวเรือและระบบเครื่องจักรของโครงการต่อเรือที่มีมูลค่าสูง อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 26.37% เป็น 19.82% เนื่องจากต้นทุนในการต่อเรือสูงกว่าต้นทุนในการซ่อมเรือ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เพิ่มขึ้นจาก 4.08% เป็น 11.02% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้น

หนี้สินเพิ่ม สภาพคล่องดีขึ้น: จับตาสถานะทางการเงิน

อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพิ่มขึ้นจาก 0.93 เท่า เป็น 1.09 เท่า เนื่องจากบริษัทฯ มีเงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการต่อเรือ แต่ อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ปรับตัวดีขึ้นจาก 0.96 เท่า เป็น 1.03 เท่า แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่งขึ้นของบริษัท ถึงแม้ว่าหนี้สินหมุนเวียนจะเพิ่มขึ้น 32.88% แต่สินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นมากกว่าถึง 42.40%

สรุป: ASIMAR สดใส! แต่ต้องระวังความเสี่ยง

ASIMAR ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในปี 2567 ด้วยการเติบโตของรายได้และกำไรจากการรับรู้รายได้โครงการต่อเรือขนาดใหญ่ รวมถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ เช่น ความผันผวนของราคาวัสดุและค่าแรง ความเสี่ยงจากความล่าช้าในการดำเนินโครงการ และการแข่งขันในอุตสาหกรรม ก่อนตัดสินใจลงทุน